ตอนที่ 777 งานเลี้ยง (4) / ตอนที่ 778 งานเลี้ยง (5)
ตอนที่ 777 งานเลี้ยง (4)
ทั้งหกคนจากสำนักศึกษาเฟิงหัวราวกับถูกสาปแช่ง ทั้งงานเลี้ยง ศิษย์จากสำนักศึกษาอื่นๆ พากันชี้นิ้วและกระซิบกระซาบกันเกี่ยวกับพวกเขา สำนักศึกษาเฟิงหัวเป็น ‘ประเด็นร้อน’ ในปีนี้อยู่แล้ว ยิ่งเหลยเชินมาปฏิบัติกับพวกเขาเป็นพิเศษเช่นนี้ ก็ยิ่งเป็นการหาเรื่องให้กับพวกเขา
พูดกันตามตรง ทั้งหกคนต่างมีหน้าตาที่โดดเด่นสะดุดตา แต่ผู้เยาว์คนอื่นๆ ที่อยู่ที่นั่นกลับไม่สามารถชอบพวกเขาได้เลย อย่างไรเสียทุกคนก็มาที่นี่เพื่อที่จะแข่งขันและโดดเด่นเหนือคนอื่นในศึกประลองภูติวิญญาณ แต่ก่อนที่การประลองจะเริ่มขึ้น คนจากสำนักศึกษาเฟิงหัวกลับเป็นที่ชื่นชอบขององค์รัชทายาทเหลยเชิน แล้วคิดว่าพวกเขาจะชอบใจได้อย่างไรกัน
“เหมียว” เจ้าแมวดำตัวน้อยกำลังนอนอยู่บนตักของจวินอู๋เสีย หูของมันฟังถ้อยคำเยาะเย้ยถากถางพวกนั้นพลางแกว่งหางไปมาช้าๆ
เจ้าเด็กเหลือขอพวกนี้ว่างกันมากนักหรือไง ก็แค่ศึกประลองภูติวิญญาณ ทำอย่างกับองค์รัชทายาทกำลังคัดเลือกพระสนม! ทุกคนทำตัวเหมือนเป็นพวกสตรีขี้อิจฉาอย่างนั้นแหละ
เหลยเชินแค่พูดกับจวินอู๋เสียมากขึ้นอีกประโยคเดียวเอง คนพวกนี้ก็แทบจะกินหัวจวินอู๋เสียกันแล้ว
จวินอู๋เสียลูบขนอันนุ่มนิ่มของแมวดำตัวน้อยอย่างเบามือ ปิดกั้นตัวเองจากคำพูดรอบๆ ตัว นางไม่สนใจจะเสียเวลาไปกับเด็กพวกนี้ เหตุผลเดียวที่นางมาที่นี่ก็คือใช้โอกาสที่งานเลี้ยงนี้สืบหาข้อมูลองค์รัชทายาทให้มากขึ้นเพื่อให้พวกเขาลงมือได้ง่ายขึ้นหลังจากจบศึกประลองภูติวิญญาณ
อาจจะเป็นเพราะในงานเลี้ยงมีเสียงดังเอะอะโวยวายมากเกินไป จวินอู๋เสียจึงอุ้มแมวดำตัวน้อยและลุกขึ้นยืนในทันที เหลยเชินที่กำลังคุยเบาๆ อยู่กับศิษย์คนอื่นสังเกตเห็นเข้า จึงถามขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “น้องจวิน มีอะไรอย่างนั้นหรือ”
จวินอู๋เสียมองเหลยเชินที่ยิ้มให้แล้วพูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า “อุดอู้เกิน” จากนั้นนางก็เดินออกไปนอกงานเลี้ยงทันที เฉียวฉู่และคนอื่นๆ สบตากันด้วยรู้ว่าจวินอู๋เสียตั้งใจจะทำอะไร และคุยกันต่ออย่างสนุกสนาน
เพื่อแสดงความเอื้อเฟื้อใจดีแก่ผู้เข้าแข่งขัน องค์รัชทายาทได้อนุญาตให้พวกผู้เยาว์ที่มางานเลี้ยงเดินไปมาในตำหนักรัชทายาทได้อย่างอิสระ ด้วยวิธีนี้เขาจะแสดงความเป็นกันเองออกมาได้ และพวกลูกศิษย์ก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่หรูหราของตำหนักรัชทายาทได้อีกด้วย
เหลยเชินมองตามหลังของจวินอู๋เสียด้วยแววตายิ้มๆ
คนที่มีนิสัยหยิ่งทระนงจะไม่ชอบให้คนประจบประแจงมากเกินไป แม้ว่าเขาอยากจะเอาชนะใจจวินอู๋เสีย แต่เขาก็จะไม่รุกมากเกินไป เพื่อทำให้อีกฝ่ายรับใช้เขาอย่างเต็มใจ เขาก็ย่อมมีวิธีของเขา
เหลยเชินลอบมองไปยังแถวผู้เยาว์ที่นั่งอยู่ด้านหลังเขา พวกนั้นคือศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกร และแทบจะทันทีที่จวินอู๋เสียลุกขึ้นออกจากงานเลี้ยง ศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกรก็ออกไปด้วยเช่นกัน พวกเขาลุกจากที่นั่งตามไปอย่างระมัดระวัง
“เสด็จพี่ ทำไมถึงต้องทำดีกับเจ้าเด็กนั่นด้วย เขาดูผอมบางออกอย่างนั้น ดูไม่น่าจะมีความสามารถอะไรเลยนะพ่ะย่ะค่ะ” เหลยหยวนที่กำลังสวาปามอยู่ข้างๆ เหลยเชินมองดูจวินอู๋เสียที่เดินออกไปแล้วพูดงึมงำด้วยอาหารที่เต็มปาก
เหลยเชินยิ้มแล้วตอบว่า “หายากนะที่จะเห็นตัวแทนจากสำนักศึกษาเฟิงหัวที่มาเข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณด้วยอายุที่น้อยขนาดนี้ แล้วเขาก็เป็นผู้แข่งขันที่อายุน้อยที่สุดในปีนี้ด้วย เพราะอย่างนั้นก็เป็นธรรมดาที่เราจะต้องดูแลเขามากสักหน่อย ทำไมน้องรองถึงพูดเช่นนี้เล่า”
น้ำเสียงของเหลยเชินอ่อนโยนเป็นอย่างมาก แต่ความหมายในคำพูดของเขาได้ทำให้เรื่องกระจ่างขึ้น ถึงแม้เขาจะแสดงความสนใจจวินอู๋เสียเป็นพิเศษ แต่ก็เป็นเพราะอายุของเขานั่นเอง ด้วยวิธีนี้ก็จะไม่ทำให้คนสงสัยว่าเขามีแรงจูงใจซ่อนอยู่ แต่กลับจะทำให้รู้สึกว่าองค์รัชทายาทแห่งรัฐเหยียนเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นอย่างที่ลือกัน
ตอนที่ 778 งานเลี้ยง (5)
ไม่มีศิษย์จากสำนักศึกษาอื่นๆ กล้าพูดไม่ดีกับเหลยเชินเลยสักคน จวินอู๋เสียที่ได้รับความสนใจจากเหลยเชินเป็นพิเศษจึงตกเป็นเป้าหมายความอิจฉาของผู้คนมากมาย
“ถ้ายังเด็กเกินไปก็ไม่ควรมาเข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณสิ เราไม่ใช่สถานที่รับเลี้ยงเด็กนะพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่” เหลยหยวนพูดพร้อมกับเบนสายตาออกไป เขาแสยะยิ้มแล้วขอตัวออกจากงานเลี้ยงไปทันที เขาเห็นศิษย์จากสำนักศึกษาพิชิตมังกรเดินตามจวินอู๋เสียออกจากงานเลี้ยงไป จึงรู้แน่ๆ ว่าจะต้องมีอะไรดีๆ ให้ดู แล้วเขาจะพลาดได้อย่างไร
เหลยเชินมองดูเหลยหยวนจากไป ใบหน้าของเขายังประดับไว้รอยยิ้มอ่อนโยน แต่นัยน์ตาของเขากลับมีแววแห่งชัยชนะเจืออยู่
คนฉลาดมีไหวพริบไม่จำเป็นต้องลงมือทำเรื่องสกปรกเองหรอก เขาใช้คนรอบๆ ตัวให้บรรลุจุดประสงค์ที่ต้องการต่างหาก!
…..
ตำหนักของเหลยเชินสมกับเป็นตำหนักขององค์รัชทายาทแห่งรัฐที่ใหญ่ที่สุด ตั้งแต่ด้านหน้าจนถึงด้านหลังถูกแยกออกเป็นสี่ปีก แต่ละปีกมีสวนเป็นของตัวเอง ผิวน้ำในสระเกิดระลอกคลื่นเล็กๆ ภายใต้แสงจันทร์ ก้อนหินตามธรรมชาติที่อยู่ในสวนหินประกอบกับหญ้าสีเขียวมรกต โคมไฟส่องสว่างเรียงแถวกันรวมกับแสงจันทร์นวลๆ สวยงามราวกับภาพวาด ทุกๆ มุมยิ่งตอกย้ำให้เห็นความหรูหราฟุ่มเฟือยของตำหนักรัชทายาท
ในตอนนั้นผู้เยาว์ส่วนใหญ่ที่มาที่ตำหนักรัชทายาทยังคงอยู่ในงานเลี้ยง แทนที่จะชื่นชมความงามของตำหนัก พวกเขากลับพยายามที่จะทำให้เหลยเชินชื่นชมพวกเขา ถึงอย่างไร ด้วยชื่อเสียงของรัฐที่ใหญ่ที่สุดและเจริญรุ่งเรืองที่สุด ถ้าพวกเขาทำให้เหลยเชินสนใจได้ พวกเขาก็จะมีฐานะที่มั่นคงในรัฐเหยียนเมื่อเหลยเชินได้ขึ้นครองราชย์ โอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะถีบตัวเองขึ้นไปในสู่สถานะที่ดีมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว ย่อมไม่มีใครจะปล่อยโอกาสนั้นหลุดมือไปได้
มีเพียงจวินอู๋เสียอยู่คนเดียวในสวนด้านนี้ของตำหนักรัชทายาท ทหารยามเดินตรวจตราผ่านมาเป็นครั้งคราว และเมื่อพวกเขาเห็นเครื่องแบบของจวินอู๋เสียก็แน่ใจว่านางเป็นแขกในงานเลี้ยง พวกเขาจึงไม่ได้เข้าไปห้ามปราม
สวนในยามค่ำคืนเงียบสงัด เทียบกับความเอะอะอึกทึกในงานเลี้ยงแล้ว จวินอู๋เสียรู้สึกสบายใจในที่แห่งนี้มากกว่า
นางวางเจ้าแมวดำตัวน้อยลงบนพื้นและกระซิบว่า “ไปสำรวจซิ”
แมวดำตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสียครั้งหนึ่งแล้ววิ่งออกไปทันที ร่างสีดำเล็กๆ ของมันกลืนไปกับความมืดอย่างรวดเร็ว เนื่องจากขนาดตัวที่เล็กมาก คนส่วนใหญ่จึงไม่สังเกตเห็นตัวมัน
ถ้าเหลยเชินมีแผนที่อยู่ในครอบครองจริงๆ นั่นก็หมายความว่าเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับหนึ่งในสิบสองตำหนัก จวินอู๋เสียยังไม่คิดจะปะทะกับสิบสองตำหนักในตอนนี้ นางจึงอยากแน่ใจเสียก่อนว่าไม่มีคนของสิบสองตำหนักอยู่ในตำหนักรัชทายาท
แมวดำตัวน้อยวิ่งจากไปได้ไม่นาน จวินอู๋เสียก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง
“ข้าว่าสำนักศึกษาเฟิงหัวนี่ตกต่ำจนย่ำแย่แล้วจริงๆ ถึงขั้นส่งเด็กน้อยแบบนี้มาเข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณ! ถ้าแขนขาผอมๆ พวกนั้นหักระหว่างศึกประลองภูติวิญญาณคงไม่ดีแน่ๆ” เสียงเหน็บแนมเสียงหนึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบสงบในสวน พร้อมกับมีผู้เยาว์หลายคนในชุดเครื่องแบบสำนักศึกษาพิชิตมังกรก้าวเข้ามา
จวินอู๋เสียหันไปมองเหล่าศิษย์ตัวสูงพวกนั้น ดวงตาของนางเย็นชาและใสกระจ่างราวกับน้ำ
“เจ้าหนู เลียแข้งเลียขาองค์รัชทายาทเพลินเลยใช่หรือไม่” หนึ่งในศิษย์ของสำนักสำนักศึกษาพิชิตมังกรพูดขึ้นพร้อมกับมองจวินอู๋เสียอย่างดูถูก สีหน้าบ่งบอกความเป็นศัตรูอย่างชัดเจน
ความสัมพันธ์ของเหลยเชินกับสามสุดยอดสำนักศึกษานั้นไม่ได้แตกต่างกันนัก เขาแค่ใกล้ชิดกับสำนักศึกษาธงศึกมากกว่าเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะเหลยเชินเคยศึกษาอยู่ที่นั่นมาก่อน แต่ครั้งนี้เหลยเชินเป็นฝ่ายเริ่มเข้าหาสำนักศึกษาเฟิงหัวก่อนและสิ่งนี้ได้ทำให้คนจากสำนักสำนักศึกษาพิชิตมังกรที่เป็นหนึ่งในสามสุดยอดสำนักศึกษาเช่นกันเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ก็สำนักศึกษาเฟิงหัวตกต่ำลงแล้วนี่ ถึงต้องหันไปใช้วิธีชั่วๆ ไร้ยางอายแบบนี้อย่างไรเล่า หน้าด้านจริงๆ” ผู้เยาว์อีกคนถากถางเสียงดัง สายตาของเขากวาดมองจวินอู๋เสียตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า