ด้านหน้าขบวนรับ มีชายวัยหนุ่มยืนอยู่
ชายหนุ่มอายุยี่สิบต้น ผมเผ้าจัดเก็บเข้าหมวกกวนจินอย่างเรียบร้อย ใบหน้าค่อนผอม ยิ่งทำให้ความเป็นผู้ดีดูชัดขึ้น
นี่คือบุรุษที่มีเสน่ห์ในทุกอิริยาบถ
บุรุษเช่นนี้ แม้มีรูปหน้าโดดเด่น เวลาอยู่ในฝูงชนก็ไม่เป็นที่สะดุดตามาก แต่เวลานี้เขากลับถูกดวงตานับไม่ถ้วนจับจ้อง
ตัวเขาสวมด้วยชุดสีแดง สีนั้นแดงมากพอที่จะเทียบได้กับชุดแต่งงานบนตัวเซียงอ๋องผู้ควบอยู่บนม้าสีพุทรา
แต่นี่ไม่ใช่สาเหตุของการสะดุดตา สิ่งที่ทำให้คนนับไม่ถ้วนจับจ้องมองมา คือฉังฟาน[1] ที่ร้อยไว้ด้วยก้านไม้ไผ่ในมือของชายผู้นี้
ฉังฟานยาวเกือบหนึ่งจั้ง บนฉังฟานเขียนไว้ด้วยตัวหนังสือหมึกดำแปดตัว คุณหนูชุยคือภรรยาของข้า
คนที่เห็นเนื้อหาบนฉังฟานอย่างชัดเจน ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
คนที่ไม่รู้จักตัวหนังสือร้อนรนทนไม่ไหว จึงเอ่ยถามคนข้างๆ “เขียนว่าอะไรหรือ ทำไมพวกเจ้าตะลึงถึงเพียงนั้น”
“คุณหนูชุยคือภรรยาของข้า”
“อะไรนะ”
“คุณหนูชุยคือภรรยาของข้า”
“โก่วต้านจื่อ[2] ไม่เอาชีวิตตัวเองแล้วรึไง กล้าพูดออกมาได้อย่างไร”
ความครื้นเครงอย่างงานมงคลขององค์ชาย ไม่มีใครไม่รู้ว่าเจ้าบ่าวคือเซียงอ๋อง ส่วนเจ้าสาวคือคุณหนูชุยแห่งจวนแม่ทัพ
เขาคนนั้นยื่นมือออกมาชี้ฉังฟาน เสียงพูดสั่นสะเทือนเพราะความตะลึงถึงขีดสูงสุด “บน…บนนั้นเขียนว่าอะไร!”
ภายหลังความเงียบที่สั้นและผิดปกติผ่านไป กลุ่มคนที่ดูความครื้นเครงพลันโฮ่ร้องขึ้น
นี่คือการแย่งตัวเจ้าสาว?
โอ้ฟ้าสวรรค์ งานครื้นเครงวันนี้ช่างคุ้มค่าเสียจริง!
เหตุการณ์เช่นนี้เคยได้ยินจากปากของกลุ่มผู้เฒ่าเท่านั้น วันนี้ได้เห็นกับตาเชียวหรือ ที่น่าตื่นเต้นที่สุด คือคนที่ถูกแย่งเจ้าสาวเป็นองค์ชาย!
ในหนึ่งราชอาณาจักร จักรพรรดิเป็นอย่างไร มีผลกระทบโดยตรงต่อคำพูดและการกระทำของประชาชน
จิ่งหมิงฮ่องเต้เป็นจักพรรดิผู้โอบอ้อมอารี เหล่าประชาชนจึงใช้ชีวิตค่อนข้างตามใจ ความใจกล้าก็มีมาก จากสถานการณ์เช่นนี้ องค์ชายจะทำอย่างไร ความครื้นเครงก็จะยิ่งมีความน่าตื่นเต้นมากขึ้นอย่างไรเสีย ก็จับตัวพวกเขาทั้งหมดไม่ได้ แล้วห้องขังก็มีไม่มากพอด้วย
เซียงอ๋องตะลึงงันอยู่บนหลังม้า
แสงเย็นวาบพลันแล่นผ่านใต้ตาจูจื่ออวี้ เขายกฉังฟานสูงขึ้นอีก พร้อมตะโกนว่า “ข้าจูจื่ออวี้กับหมิงเย่ว์ชอบพอซึ่งกันและกัน เหตุใดเซียงอ๋องถึงต้องพรากเราสองคน…”
ความโกลาหลเริ่มเกิดขึ้นภายในกลุ่มคนที่มาดูเรื่องสนุก
“อะไรนะ ที่แท้เซียงอ๋องคือคนที่แย่งคนรักผู้อื่นหรือ”
“โถๆ ข้าเคยได้ยินว่าจูจื่ออวี้วางแผนปองร้ายภรรยาเพื่อคนรัก ถ้าเช่นนั้น คนรักก็คือคุณหนูชุยแห่งจวนแม่ทัพ ตอนแรกข้ายังไม่เชื่อ แต่มาวันนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นความจริง!”
ม้าเกิดอาการตื่นตัวที่วัดไป๋อวิ๋น เจียงซื่อฟ้องต่อทางการอย่างไม่ลังเล จนกระทั่งจวนตงผิงปั๋วตัดขาดกับตระกูลจู ชื่อเสียงของจูจื่ออวี้เน่าเสียจนรู้โดยทั่วกัน
หากใครไม่เคยได้ยินชื่อจูจื่ออวี้ ชายผู้ชอบหักอกสตรี ผู้นั้นคือกบในกะลา
ภายในขบวนรับตัวเจ้าสาว ในที่สุดก็มีคนได้สติ
“รีบไล่คนบ้านั่นออกไป!”
วันมงคลดีๆ แม้ขบวนรับตัวเจ้าสาวจะมีองครักษ์ของจวนอ๋อง แต่กลับไม่ได้พกอาวุธมาด้วย
คนจำนวนหนึ่งวิ่งเข้าไปขวางจูจื่ออวี้
นี่คืองานอภิเษกสมรสขององค์ชาย ถึงจะกล่าวว่าให้ไล่คนออกไป ก็ใช่ว่าจะไล่ไปได้ง่ายๆ แต่จะเป็นการนำตัวไปยังที่อื่นก่อนแล้วค่อยคิดบัญชีภายหลัง
จูจื่ออวี้ขัดขืนสุดชีวิตพร้อมกับตะโกนขึ้นราวกับใกล้แหลกสลาย “หมิงเย่ว์ หมิงเย่ว์ เจ้าลืมคำสาบานของเราสองคนแล้วหรือ เจ้าพูดว่าเจ้าจะเป็นภรรยาของข้า แล้วทำไมถึงไปแต่งงานกับเซียงอ๋องเล่า เจ้าถูกบังคับใช่หรือไม่”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นกว่าเดิม
“ดูแล้ว จูจื่ออวี้รำพึงรักคุณหนูใหญ่ชุยหัวปักหัวปำ ไม่แน่คุณหนูใหญ่ชุยก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน…”
“อื้อหือ ถ้าเช่นนั้น เซียงอ๋องก็แย่งคนรักคนอื่นมาน่ะสิ”
เซียงอ๋องที่แข็งทื่อดังหุ่นไก่ “…???”
ภายในเกี้ยวบุปผา ชุยหมิงเย่ว์ดึงผ้าคลุมมงคลปักลายดอกบัวออก สีหน้าแย่จนน่าตกใจ
จูจื่ออวี้
เขาเป็นบ้าไปแล้วมิใช่หรือ ทำไมถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้
ใช่ ก็เพราะว่าเขาบ้าไปแล้ว ถึงได้กล้าทำเรื่องเสียสติเช่นนี้ออกมาได้
นี่เขาจะทำลายนางให้สิ้นโดยไม่เอาชีวิตตัวเองหรือ!
“หมิงเย่ว์ หมิงเย่ว์ เจ้าออกมาสิ…”
เสียงเรียกนอกเกี้ยวเหมือนดั่งยันต์สั่งตาย ที่กำลังทรมานทุกเส้นประสาทของชุยหมิงเย่ว์
นางยกมือขึ้น อยากจะเปิดม่านเกี้ยวดูข้างนอก แต่ไม่กล้าพอ
ด้านนอกมีคนกองเป็นภูเขา มีคนมากมายกำลังรอดูเรื่องตลกของเหตุการณ์นี้ เกรงว่าคงกำลังจ้องมายังนาง
จูจื่ออวี้สร้างความวุ่นวายเช่นนี้ เซียงอ๋องจะคิดอย่างไร เรื่องนี้แพร่กระจายไปถึงไทเฮากับฮ่องเต้ แล้วพวกเขาจะคิดอย่างไร
ชุยหมิงเย่ว์ที่อยู่ในข้างในเกี้ยวบุปผา รู้สึกหวาดกลัวมืดมัวเป็นครั้งแรก ราวกับตกอยู่ในกรงบนเกาะอันโดดเดี่ยว และกระแสน้ำกำลังแผ่ขยายขึ้นมายังบนเกาะ
นางจะทำอย่างไรดี
ชุยหมิงเย่ว์พลันรู้สึกแน่นหน้าอก หายใจยากลำบากจึงจับกำแพงเกี้ยว
ภายในเกี้ยวนั้นเงียบสงบ มีเพียงเสียงหายใจอันขุ่นหมองของนาง ภายนอกเกี้ยวก็ดูเหมือนสงบลงเหมือนกัน ไม่มีแล้วเสียงตะโกนที่ทำให้นางหายใจไม่ออก
จูจื่ออวี้ถูกนำตัวออกไปแล้ว?
ชุยหมิงเย่ว์มองออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงคาดเดาด้วยความสับสน
จูจื่ออวี้ถูกลากตัวไปจริง มีเพียงฉังฟานที่หลุดจากมือตกสู่พื้นตอนเขาพยายามดิ้นรน
คนที่อยู่ใกล้ๆ ยังคงมองเห็นตัวหนังสือตัวใหญ่บนฉังฟาน ‘คุณหนูชุยคือภรรยาของข้า’
สายตานับไม่ถ้วนตกอยู่ที่เซียงอ๋อง
ทุกคนล้วนแต่สงสัย จากความวุ่นวายที่ก่อขึ้นโดยจูจื่ออวี้ เซียงอ๋องจะทำอย่างไรต่อ
จะว่าไปแล้ว เซียงอ๋องก็ซวยไม่เบา งานมงคลดีๆ ต้องมาเจอความอัปมงคลเช่นนี้
มีคนจำนวนไม่น้อยถอนหายใจเสียงเบา ช่วยไม่ได้ ใครให้เซียงอ๋องแย่งคนรักคนอื่นเล่า
เซียงอ๋อง “…?”
ในขบวนรับตัว ทุกคนเจ้ามองหน้าข้า ข้ามองหน้าเจ้า สุดท้ายไม่มีใครกล้าเป็นนกยื่นหัว แต่พากันมองสี่เหนียงพร้อมกัน
สี่เหนียงถูกส่งตัวมาจากพระราชวัง แม้เคยเห็นงานใหญ่มามากมาย แต่งานอย่างเช่นวันนี้ นางเพิ่งเคยพบครั้งแรก แล้วก็เพิ่งได้สติกลับคืนมา
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร งานมงคลก็ยังต้องดำเนินต่อไป
ภายใต้สายตาการรีบเร่งของผู้คน สี่เหนียงแบกหน้าเดินมาถึงตรงหน้าเซียงอ๋อง
“ท่านอ๋อง…”
เซียงอ๋องนั่งอยู่บนม้า กำลังจับจ้องดอกไม้สีแดงที่ทัดอยู่ข้างผมของสี่เหนียงพลางรู้สึกแสบตามากกว่าปกติ
เขาชำเหลืองมองเกี้ยวบุปผาหนึ่งที พอกระตุกสายบังเหียน ทั้งคนทั้งม้าก็วิ่งไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงควันเขม่ากับขบวนรับตัวที่ตะลึงงันและผู้คนที่มาดูความครื้นเครง
ฝูงชนเงียบสงบไปชั่วขณะ เหลือเพียงเสียงกรีดร้องของสี่เหนียง “ท่านอ๋อง ท่านอย่าเพิ่งหนีเพคะ…”
เจียงซื่อเท้าคางมองออกไปจากหน้าต่างชั้นสองของร้านน้ำชาริมถนน พลางยิ้มเบาๆ
ตอนนั้น องค์หญิงใหญ่หรงหยางแย่งคนรัก ทำลายความสุขของท่านแม่ พอมาวันนี้บุตรสาวของนางถูกเจ้าบ่าวทิ้งไว้กลางทาง นี่คงเป็นกรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตกถึงตัวกระมัง
ครอบครัวที่สะสมบุญ มีบุญเหลือเป็นแน่ ครอบครัวที่สะสมความชั่ว ย่อมมีกรรมเหลือเฟือ
ใครกล่าวว่าไม่มีกรรม เพียงแค่ผลกรรมนั้น บางทีก็มาจากฟ้า หากว่าฟ้าไม่ลงโทษ ย่อมมีคนลงโทษเอง
สิบนิ้วเจียงซื่อสอดประสานพร้อมออกแรงบีบ
นางชอบเป็นคนสร้างความยุติธรรมแทนฟ้า
“อาซื่อ”
“หืม”
สายตาของอวี้จิ่นขยับออกไปจากสองมือของภรรยาที่หักจนดัง กรอบแกรบ พลางยิ้มและกล่าว “พวกเราควรรีบไปที่จวนเซียงอ๋องแล้ว”
เจียงซื่อลุกขึ้นยิ้มตาหรี่และกล่าว “เจ้าค่ะ”
นอกหน้าต่าง บนถนน
ชุยหมิงเย่ว์พลันเปิดม่านเกี้ยวออก
ด้านหน้านั้น มีสายตาจำนวนนับไม่ถ้วนมองมา ยังจะเห็นเงาร่างของเจ้าบ่าวได้ที่ไหนกัน
นี่นางถูกเซียงอ๋องทิ้งไว้กลางทางงานอภิเษกหรือ
ต่อให้เตรียมพร้อมกับผลลัพธ์ที่จูจื่ออวี้ได้ก่อไว้แล้ว แต่ผลลัพธ์นี้ก็ยังทำให้ชุยหมิงเย่ว์ไม่สามารถยอมรับได้
พอคลายมือออก ม่านเกี้ยวก็ร่วงลง นางทรุดตัวลงอยู่ภายในเกี้ยว
——————————————————————————————————–
[1]ฉังฟาน หรือที่เรียกว่า ธวัช เป็นภาพพระโพธิสัตว์สักการะพระพุทธเจ้าองค์ต่างๆ ซึ่งวาดบนผ้าฝ้ายดิบ
[2]โก่วต้านจื่อ เป็นการเรียกฉายาอย่างหนึ่งของคนแถบท้องถิ่น ซึ่งชาวบ้านมีความคิดว่ายิ่งตั้งชื่อธรรมดาเท่าไรก็ยิ่งรอดชีวิตได้ง่าย มักใช้กับผู้ชาย