บทที่ 436 ได้ยินเสียงกรีดร้อง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 436 ได้ยินเสียงกรีดร้อง

ณ ที่ประตูเหล็ก หลานเยาเยาเพิ่งเดินออกมาไกล เสี่ยวเหลียนสาวใช้เดินออกมาจากด้านข้างอย่างระมัดระวัง ค่อยๆมองหลานเยาเยาเดินไปไกล แล้วถึงจะถอนหายใจอย่างโล่งอก

หลังจากที่สั่งให้องครักษ์เอาศพของหญิงชาวสวนมาโยนเข้าพุ่มไม้หนาม เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิดคุณหนูก็สั่งให้นางมาดูให้แน่ใจอีกครั้งว่าศพนั้นหาเจอง่ายหรือไม่ แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆเทพธิดาจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ โชคดีที่นางวิ่งเร็ว ไม่เช่นนั้นถ้าถูกเจอขึ้นมาก็น่าเวทนา

นางหัวเราะเยาะ ค่อยๆเปิดประตูเหล็กที่ปิดไว้ ทันใดนั้นสายตาก็หยุดอยู่บนพุ่มไม้หนามเตี้ยๆ ตรงนั้นมีผ้าแดงแขวนเอาไว้

ดูท่าทางน่าจะเป็นตอนที่เทพธิดาออกมา หลังจากนั้นเสื้อผ้าก็ถูกพุ่มไม้หนามเกี่ยวขาดทิ้งเอาไว้

นัยน์ตาของเสี่ยวเหลียนฉายความอำมหิต จากนั้นก็เดินเข้าไปหยิบผ้าแดงนั้นมาดู

เนื้อผ้าดีมาก ฝีมือประณีต ไม่ใช่เสื้อผ้าที่คนธรรมดาจะใส่ได้

เป็นเนื้อผ้าของเทพธิดาจริงๆ

“ไม่เสียแรงเปล่าเลยจริงๆ ตอนนี้ไม่ต้องให้คุณหนูมาสอนอุบายให้แล้ว ก็สามารถโยนความผิดให้เทพธิดาได้”

ทันใดนั้น!

ลมเย็นพัดโชยมา จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียง “แซ่บแซ่บแซ่บ เสียงนั้นค่อยๆเข้าใกล้นาง

ในที่สุดเสี่ยวเหลียนก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ทันใดนั้นนางก็หันไปมองทางต้นเสียง คนที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทำให้นางเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าขาวซีด สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง……

“ผี!อ๊าก……”

เสียงกรีดร้องสูงแหลมดังออกมานอกประตูเหล็ก

……

หลังจากที่ออกมานอกประตูเหล็ก หลานเยาเยาก็ตรงไปยังที่ ที่หานแสค้นหาอยู่ ไม่ช้าก็เห็นหานแสบินออกมาจากในรั้ว

หานแสบอกว่า เขาเห็นศาลาสามชั้นถูกทิ้งร้าง ที่นั่นทรุดโทรม แม้พวกเขาที่มีวิชาตัวเบาล้ำเลิศ ตอนเหยียบลงไปก็ต้องระวัง

ถ้าไม่ระวัง ศาลาทั้งหลังอาจทลายลงมาได้

และศาลาตึกนั้นก็เหมือนกับประตูเหล็กด้านนู้น เพียงแค่ตรงกลางมีพุ่มไม้หนามเจริญเติบโตเขียวชอุ่ม ทั้งสูงทั้งใหญ่ แม้แต่วัชพืชก็แผ่กระจายไปทั่ว

แม้วิชาตัวเบาจะสูงแค่ไหน ก็ยังยากที่จะบินข้ามไป สถานที่นั้นถ้าเทียบกับทุ่งดอกไม้ที่มีดอกไม้บานสะพรั่งสดใส ถ้าไม่ใช่เพราะมีรั้วมาล้อมพุ่มไม้หนามไว้ สถานที่นี้จะต้องเป็นความล้มเหลวของสวนว่างฮัวแน่

ทั้งสองคนคุยกันอยู่หลังต้นไม้โบราณสูงใหญ่อยู่นาน

“ไม่งั้นพวกเราไปดูที่สระบัวแห้งขอดนั่นไหม? หากยังไม่เจออะไรอีก พวกเราก็ค่อยจัดการตัดพวกที่ดูเหมือนพุ่มไม้หนามนั่น”

อยากกำจัดพุ่มไม้หนามเขียวชอุ่มผืนใหญ่นั่น คงไม่เสร็จในครึ่งชั่วยามแน่ อีกอย่างก็ไม่สามารถทำในตอนกลางวันได้

นอกจากสระบัวกับที่นี่ ราชครูเทียนเวิงไม่สามารถเพาะหนอนพิษกู่จิ้นในทุ่งดอกไม้แน่ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเรื่องกับเหล่าคนสวนในสวนว่างฮัวนานแล้ว

หานแสมองไปรอบๆ หลังจากคิดอยู่นานก็พูดออกมาช้าๆว่า: “ราชครูใหญ่ช่างเป็นคนฉลาดเหลือเกิน ถ้าหากเจอหนอนพิษกู่จิ้นที่เขาเพาะไว้ง่ายๆ คาดว่าที่นี่ก็จะกลายเป็นสถานที่โดนมนต์ดำไปแล้ว”

“อ้อ ใช่ ตอนที่ข้าอยู่ตรงประตูเหล็กนั้น……” หลานเยาเยากำลังจะพูดเรื่องหญิงชาวสวนที่ตายอย่างน่าอนาถออกมา จู่ๆก็รู้สึกแปลกๆ

นางสบตากับหานแส หานแสหรี่ตา แล้วก็แฉลบตัวหนีไปทันที

ด้านหลานเยาเยาก็เดินออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ หันหน้าไปมองตรงพุ่มดอกไม้ที่สูงกว่าคน พูดเสียงเย็นว่า:

“ใครอยู่ตรงนั้น?”

ไม่มีใครตอบ แต่เห็นพุ่มไม้สั่นไหวสองสามครั้ง

“ถ้ายังไม่ออกมาอีก อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ”

“อย่าๆๆ เทพธิดาอย่าโกรธเลย ข้าติดอยู่ จะออกไปเดี๋ยวนี้”

หลังจากเสียงของผู้ชายดังขึ้นมา พุ่มดอกไม้ก็สั่นอย่างรุนแรง ชายในชุดคลุมยาวสามัญชนก็ดิ้นอยู่สองสามครั้ง แล้วก็เดินออกมาจากพุ่มดอกไม้ ท่าทางกระเซอะกระเซิง

“ข้าคารวะเทพธิดา ข้าหลี่ชิงเหยนได้รับคำเชิญมาร่วมชมงานดอกไม้ของคุณหนูถัง ไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูเทพธิดาอยู่ที่นี่ แต่มีเรื่องอยากมาหาท่าน มิทราบว่าเทพธิดามีเวลาหรือไม่?”

หลี่ชิงเหยน?

ใครกัน?

ไม่ได้มีความประทับใจ งั้นก็ไม่รู้จัก!

แต่เขารู้ได้อย่างไรว่าตนอยู่ที่นี่? แล้วยังแอบอยู่ในพุ่มดอกไม้อีก?

“ว่ามา! มีเรื่องอะไร?”

หลานเยาเยายกยิ้มที่เป็นสัญลักษณ์ของเทพธิดา เดินไปหาหลี่ชิงเหยนและดูท่าทางของหลี่ชิงเหยน นางก็หรี่ตาอย่างรวดเร็ว

หลี่ชิงเหยนกำหมัดแน่น หลบหน้า และก็ดูประหม่า นอกจากนี้ยังดูหวาดกลัว

แต่ในไม่ช้า ข้าก็ยกนิ้ว ชี้ไปทางประตูเหล็ก

“คือเช่นนี้ เทพธิดา เมื่อครู่ข้าอยู่ที่ไกลๆ เห็นท่านเดินมาคนเดียวจากด้านนั้น หลังจากนั้นก็เห็นคนหนึ่งเดินตามหลังท่านมาทำลับๆล่อๆ ท่าทางคล้ายคลึงกับอ๋องเย่ ข้ากังวลความปลอดภัยของท่าน จึงตามมา”

“เจ้าจะบอกว่า อ๋องเย่นั้นคิดไม่ซื่อกับข้า?” หลานเยาเยากลอกตา แล้วจู่ๆก็พูดอย่างเยาะเย้ยว่า “แต่อ๋องเย่บาดเจ็บหนัก ตอนนี้กำลังรักษาบาดแผลอยู่ในตำหนัก! เขาจะมาได้เช่นไร? อีกอย่าง ถ้าอ๋องเย่มาจริงๆ คาดว่าคุณหนูถังมู่หวั่นคงคุยโวไปทั่วแล้ว!”

หลังจากที่ได้ยินนางพูดเช่นนี้ สีหน้าของหลี่ชิงเหยนก็ซีดเผือด จากนั้นก็พูดเบาๆอย่างเสียใจ

“ปิดบังอะไรเทพธิดาไม่ได้จริงๆ”

“เจ้าคิดจะทำอะไร?”

“ข้า ข้า……”หลี่ชิงเหยนตัดสินใจพูดว่า: “คุณหนูถังสั่งให้ข้ามา เพราะท่านแม่ของข้านางทำผิดพลาด ตกอยู่ในกำมือของหล่อน หล่อนจึงสั่งให้ข้าคิดหาวิธีพาท่านไปยังด้านในประตูเหล็ก”

หลานเยาเยาพยักหน้า

อา!

ด้านในประตูเหล็กมีหญิงชาวสวนที่เพิ่งตายไปไม่นาน คาดว่าถังมู่หวั่นจะสั่งให้คนฆ่า หลังจากนั้นก็คิดจะโยนความผิดให้นาง

แต่ว่า……

ทำไมต้องหาคนอื่น ที่ไม่ใช่คนสนิทนางเองหล่ะ?

หลี่ชิงเหยนผู้นี้โกหกไม่เก่ง อีกทั้งถูกนางบีบจนไม่สามารถพูดโกหกได้ ยังไม่ทันเปิดปากก็มีพิรุธแล้ว

“ไปที่นั่นทำไม?”

“อันนี้……ข้าเองก็ไม่รู้ หน้าที่ของข้าเพียงแค่พาท่านไปที่นั่นก็เท่านั้น แต่ว่าหลังจากที่ท่านเพิ่งไป ข้าก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง เสียงนั่นดูน่ากลัว ข้าคิดว่าน่าจะต้องเกิดเรื่อง”

หลี่ชิงเหยนผู้นี้ไม่ได้พูดโกหกจริงๆ ก่อนหน้านี้เขาไม่เห็นเทพธิดา แต่เห็นเสี่ยวเหลียนสาวใช้ของถังมู่หวั่นรีบเดินอยู่ เขาคิดว่าถังมู่หวั่นสั่งให้เสี่ยวเหลียนปล่อยท่านแม่ของเขา ดังนั้นจึงแอบตามมา

แต่คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวเหลียนจะเปิดประตูเหล็กเข้าไป เขาไม่กล้าเข้า จึงทำได้เพียงแอบอยู่ในมุมมืด

แต่ยังไม่ทันรอให้เสี่ยวเหลียนออกมา ก็กลับเห็นเทพธิดาเข้าไปในประตูเหล็ก ลังเลอยู่ครู่แล้วก็เดินเข้าไป

รอไปสักพัก

ก็ยังไม่เห็นเสี่ยวเหลียนออกมา ก็เห็นเทพธิดาออกมาก่อนแล้ว จึงถึงนึกหน้าที่ของตนเองขึ้นมา เขาจึงตัดสินใจตามเทพธิดาออกมา แต่ยังเดินไปได้ไม่ไกล ก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง

แม้เขาจะไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ฟังออก ว่าคนที่ส่งเสียงกรีดร้องนั้นคือเสี่ยวเหลียน

เสียงกรีดร้อง?

ทำไมเขาไม่ได้ยินนะ? หรือเพราะนางเดินไวไป?

หลานเยาเยามองหลี่ชิงเหยนอย่างสงสัย จากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้เขาอีกก้าว: “ก่อนหน้านี้ในประตูเหล็ก เป็นเจ้าหรือที่ตามข้าไป?”

“ไม่ๆๆ ไม่ใช่ข้า แม้แต่ประตูเหล็กข้าก็ไม่เข้าใกล้เลย คนที่ตามท่านน่าจะเป็นเสี่ยวเหลียน สาวใช้ข้างกายของคุณหนูถัง นางเดินเข้าไปในประตูเหล็กก่อนท่าน” หลี่ชิงเหยนรีบโบกมือ อธิบายลุกลี้ลุกลน กลัวว่าเทพธิดาจะเข้าใจผิด

หลานเยาเยายกมุมปากขึ้น

ไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่เสียงเย็นชาน้อยๆ เขาก็พูดออกมาทุกอย่าง

แต่ว่า……

“เจ้าได้ยินเสียงกรีดร้องจริงๆหรือ?”