บทที่ 435 ศพในพุ่มไม้หนาม

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 435 ศพในพุ่มไม้หนาม

อันดับแรก หานแสหยิบดอกไม้สีฟ้าอ่อนเล็กๆวางไว้ปลายจมูกแล้วดม พร้อมเอ่ยชมออกมาจากใจจริง และจะเอามาติดให้นาง

หลานเยาเยาหันหน้ามอง และเหลือบตามองเขาเงียบๆ

เมื่อเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายบนหน้าเขา เหมือนที่มักจะเห็นในเวลาปกติที่เจอกัน ไม่ได้มีท่าทางตาต่อตา ฟันต่อฟันเหมือนวันนั้นที่อยู่บนเรือแห่งความสิ้นหวังเลย เห็นได้ชัดว่า เขาได้ละทิ้งเรื่องราวในวันนั้นไปหมดแล้ว

“เจ้าเก็บเอาไว้เองเถอะ!”

หานแสก็เป็นเช่นนี้ ซ่อนความคิดเอาไว้ลึกที่สุด

ไม่ว่าจะเรื่องอะไร เขาก็จะเก็บซ่อนเอาไว้ในใจ ภายนอกจะไม่ให้คนดูออกแม้แต่น้อย

“ดูท่า เทพธิดาคงจะรังเกียจหน้าตาธรรมดาของข้า จึงไม่ยอมรับดอกไม้ซะแล้ว! แต่ก็ใช่ ดอกไม้ธรรมดาเช่นนี้ จะไปเหมาะกับเจ้าได้อย่างไร?”

พูดจบ เขาก็โยนดอกไม้ในมือทิ้ง

“เป็นอะไร? เมื่อครู่เจ้ามองไปรอบๆ รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ?”

หลังจากขึ้นศาลา หานแสก็หายไปอย่างเงียบๆ ไม่ต้องคิดนางก็รู้ว่าเขาไปทำอะไร

ตอนนี้มาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ คาดว่าน่าจะเจอสถานที่น่าสงสัยแล้ว

“ทุ่งดอกไม้ของที่นี่กว้างสุดลูกหูลูกตา มีดอกไม้ล้ำค่ามีชื่อเสียงมากมายหลายชนิด ถ้าจะบอกว่าสถานที่แปลกประหลาด ก็มีเพียงสองแห่ง

ที่แรกคือสระบัวร้างทางใต้สุด ที่นั่นไม่ให้คนเข้าไปชม ในสระก็ไม่มีน้ำ แต่ดอกบัวกลับผลิดอกงอกงาม จนแทบจะคลุมสระบัวไว้มิด

อีกแห่งหนึ่งอยู่ห่างจากพุ่มไม้หนามไม่ไกล พุ่มไม้หนามต้นเล็กๆบางตาผืนใหญ่ แยกออกจากทุ่งดอกไม้ด้วยประตูเหล็กขึ้นสนิม ด้านในมืดชื้นแฉะ บรรยากาศแปลกๆ

ถ้าต้องการสำรวจ งั้นก็เริ่มสำรวจจากพุ่มไม้หนามนั่นเถอะ!”

หลานเยาเยาคิด แล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย

ที่จริงสระบัวก็ค่อนข้างแปลก แต่เทียบกับพุ่มไม้หนามหลังประตูเหล็กแล้ว รู้สึกว่าข้างหลังความเป็นไปได้ในการเพาะหนอนพิษกู่จิ้นจะเยอะกว่าหน่อย

เพื่อเลี่ยงผู้คนที่ชมดอกไม้ พวกเขาจึงเดินรอบด้านข้างไปจนถึงหน้าพุ่มไม้หนามทางใต้สุด แม้ที่นี่จะมีเพียงประตูเหล็กอันเดียว แต่รั้วเหล็กที่กั้นพุ่มไม้หนามนั้นไม่ได้สูงมาก เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนปีนป่าย บนรั้วจึงตั้งใจทำเป็นแบบหัวลูกศรที่แหลมคมมาก

แต่ทว่า!

สำหรับพวกเขาหลานเยาเยาและหานแสแล้ว รั้วพวกนี้ไม่มีผลอะไร

ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงตัดสินใจแยกกันหา

หานแสเลือกอีกทาง ซึ่งมีพุ่มไม้หนามงอกงามดีกว่า งั้นหลานเยาเยาทำได้เพียงเริ่มสืบจากตรงประตูเหล็ก

เมื่อเข้าใกล้ประตูเหล็ก ก็ต้องเห็นสิ่งที่แปลกประหลาด

ด้านบนประตูเหล็กเป็นสนิมไปเสียหมด แม้แต่แม่กุญแจที่ล็อกประตูเหล็กก็เกิดสนิม

แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ รอยทิศทางการเปิดประตูเหล็กใต้พื้นประตูเหล็กนั่น มีรอยขีดข่วนใหม่เอี่ยม แม้แต่พื้นที่มีรอยตะไคร่น้ำปกคลุมอยู่ก็ถูกขีดเป็นรอยโค้ง

หรือหานแสจะเคยเปิด?

ดังนั้น หลานเยาเยาจึงหยิบแม่กุญแจที่ล็อคประตูเหล็กไว้มาดู รูกุญแจที่เกิดสนิมดูเหมือนถูกกุญแจเสียบเข้าไป รอยสนิมนั่นเห็นรอยขีดข่วนชัดเจน

ก็ทำให้นางอดหรี่ดวงตาไม่ได้

ดูเหมือนว่าจะมีคนเคยเข้าไป แต่ไม่ใช่หานแสแน่นอน เพราะหานแสนั้นไม่มีกุญแจ

เดิมทีนางคิดจะใช้วิชาตัวเบาบินเข้าไป แต่ก็ต้องพบว่า แม่กุญแจไม่ได้ล็อกไว้ จึงดึงเปิดเบาๆ

เอ๊ะ?

หรือด้านในยังมีคนไม่ได้ออกมา?

แววตาหลานเยาเยาฉายความสงสัย แต่ตอนนี้นางก็ไม่คิดอะไรมาก ค่อยๆผลักเปิดประตูเหล็กบานนั้น หลังจากเข้าไปก็ปิดประตู

เดินไปไม่กี่ก้าว นางก็ชะงักฝีเท้า

มีกลิ่นเลือด……

แม้จะจางมากแต่นางก็ยังได้กลิ่น จึงรีบมองไปรอบๆ ที่นี่มีแต่พุ่มไม้หนามเต็มไปหมด แต่ดูบางตามาก ที่มากที่สุดก็คือวัชพืชที่แผ่เลื้อยไปทั่วๆ กับต้นไม้โบราณสูงตระหง่าน

ทันใดนั้น!

สายตาของหลานเยาเยาก็จับจ้อง รีบตรงไปข้างหน้าหยิบใบไม้แห้งเหลืองใบหนึ่งขึ้นมา ด้านบนนั้นมีเลือด ที่ดูเหมือนจะยังไม่แห้ง

นางวางไว้ปลายจมูกเพื่อดม นั่นเป็นเลือดคนสดๆ

เดินต่อไปข้างหน้า ก็เจอรอยเลือดอีกครั้ง ยิ่งเจอก็ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้นนางจึงโยนใบไม้ไป และเดินทีละก้าว ละก้าวไปตามรอยเลือด เท้าย่ำไปบนใบไม้ร่วงที่หนาทึบ มันก็ส่งเสียง “แซ่บ แซ่บ แซ่บ”

ที่นี่ไม่เคยมีคนมาปัดกวาด เหมือนกับทิ้งให้ร้าง แปลงเพาะดอกไม้ร้างก็ไม่มีการตัดแต่ง โขดหินก็ถูกวัชพืชปกคลุม ดูท่าทางอึมครึมเย็นๆ

เดินมาถึงข้างๆโขดหิน ด้านบนก็เป็นรอยเลือดข้นเหนียว แต่กลับไม่พบศพ แต่เห็นร่องรอยเหมือนศพถูกลาก แล้วทิ้งรอยลากเลือดเอาไว้

จึงเดินตามร่องรอยพวกนั้นไป ในวัชพืชที่อยู่ไม่ไกลนัก หลานเยาเยาก็เห็นศพที่แต่งตัวเหมือนคนสวน

ศพนั้นอยู่ในท่าคลาน ด้านหลังมีรอยแส้น่าสยดสยอง รอยแส้ทุกรอยถูกเฆี่ยนจนเนื้อแตก มีบาดแผลทะลุถึงหน้าท้อง นั่นน่าจะทำให้ถึงแก่ชีวิต

สองมือของผู้ตายยังคงอยู่ในท่าคลานไปข้างหน้า ดินติดเข้าไปในเล็บ

ดูท่าทาง ผู้ตายจะยังไม่หมดลมหายใจก็ถูกคนโยนเข้ามา เพื่อเอาชีวิตรอดผู้ตายจึงคลานไปข้างหน้าตลอด บางทีอาจจะเพราะเสียเลือดมากไป จึงทนไม่ไหวแล้วตาย

แต่ว่า……

ทิศทางที่ผู้ตายคลานไป ก็เป็นส่วนลึกของพุ่มไม้หนาม ส่วนด้านหน้าก็มีกระท่อมทรุดโทรมอยู่พอดี

หลานเยาเยาเดินขึ้นไปข้างหน้า เตะประตูฟางที่กระท่อมเปิดออก

“แว๊ก——”

จู่ๆเสียงแหลมก็ดังขึ้น นกใหญ่สีดำตกใจ บินไปราวกับหนีตาย

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้หลานเยาเยาสะดุ้งโหยง ตกใจมาก นางรีบตรวจสอบทันทีว่ากระท่อมมีสถานที่พิเศษหรือไม่

แต่ก็ไม่พบ ข้างศพของผู้ตายหญิงชาวสวนที่ถูกใบไม้คลุมไว้ก็ดูขยับเล็กน้อย อีกทั้งทิศทางที่ขยับนั้น ก็ไปทางที่ศพของหญิงชาวสวนไป

จากนั้นก็มีหนอนตัวเล็กๆ มุดเข้าไปในนิ้วมือของหญิงชาวสวน ทำให้นิ้วมือของหญิงชาวสวนสั่นเล็กน้อย

หลานเยาเยาสำรวจกระท่อมเสร็จ ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ดังนั้นจึงมองไปรอบๆอีกครั้ง ก็ยังหาสิ่งที่น่าสงสัยไม่พบ

ดังนั้น

นางจึงหันกลับมา เดินมายังข้างศพหญิงชาวสวน มองศพที่นิ่งไม่ไหวติง กำลังคิดจะพลิกศพเพื่อตรวจดู ในตอนที่นิ้วมือเพิ่งสัมผัสกับศพ

“แซ่บ……”

มีเสียงกิ่งไม้แห้งหักอยู่ไม่ไกล นางเงยหน้าขึ้นทันที แต่ก็ไม่พบร่างของใคร

แต่หลานเยาเยามั่นใจว่า นั่นจะต้องไม่ใช่เสียงลมพัดใบไม้แน่นอน แถมยังมีศพอยู่ที่นี่ คาดว่าคนฆ่าก็น่าจะอยู่ใกล้ๆ

ดังนั้นนางจึงรีบมองหาไปทางที่เสียงดังขึ้น

นางเพิ่งจากไป จู่ๆก็มีลมกระโชกแรง เศษแตกหักที่อยู่ข้างศพส่วนหนึ่งถูกพัดออกไป เผยให้เห็นดอกไม้สีแดงครึ่งหนึ่ง……

เมื่อมาถึงประตูเหล็ก หลานเยาเยาก็ไม่เห็นร่างใคร แต่ประตูเหล็กที่เดิมทีปิดเอาไว้ถูกเปิดออก พอให้คนคนนึงออกไปได้

ดูท่า ก่อนที่นางจะมานั้นมีคนอยู่ข้างใน หลังจากที่ถูกนางพบก็หนีออกมาตรงนี้

ไม่ดีแล้ว!

คนนั้นจะต้องเห็นนาง และออกมาไวขนาดนี้ ก็เพราะต้องการจะไปบอกคนอื่น แล้วก็โยนความผิดให้

ดังนั้นจึงไม่ควรอยู่ที่นี่นาน

หลานเยาเยาเดินออกมาจากประตูเหล็ก และปิดประตูเหล็กไว้ให้เหมือนก่อนที่จะเข้ามา

พอนางไป ศพก่อนหน้านั้น ไม่พบรอยเท้าของอีกฝ่าย เพียงแค่สักแห่งในพุ่มไม้หนาม มีลมพัดมาน่ากลัว สองเท้าที่เปื้อนเลือด ทั้งลากทั้งเดินอยู่บนพื้นเกิดเสียง “แซ่บแซ่บแซ่บ”

และเจ้าของสองเท้านั้น ก็ส่งเสียงคำรามแหบแห้ง เสียงที่ดังออกมานั้นดูเหมือนไม่ได้ดังออกมาจากคนมีชีวิต……