บทที่ 396 เป็นเรือนสี่ประสานที่ดูดีเลยนะ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 396 เป็นเรือนสี่ประสานที่ดูดีเลยนะ

บทที่ 396 เป็นเรือนสี่ประสานที่ดูดีเลยนะ

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา อวี่รุ่ยหยวนมาหาหลานสาวก่อนจะบอกว่าเครื่องเคลือบสามสีทั้งสามขายออกไปแล้ว และได้เงินมาทั้งหมดสองหมื่นสามพันสองร้อยหยวน

แน่นอนว่าของที่มีค่าที่สุดคือเครื่องเคลือบสามสี ได้มาในราคาถึงสองหมื่นแปดร้อยหยวนเลย

ส่วนอีกสองอันรวมกันได้สองพันสี่ร้อยหยวน โดยสองพันสองร้อยหยวนคือคางคกทองคำ ทว่ามันไม่ใช่แค่ตัวเป็นทองคำเฉย ๆ เพราะในปากยังมีลูกแก้วที่เป็นหยกใสลูกหนึ่งด้วย

“มันมีค่าขนาดนั้นเลยหรือคะ?” เสี่ยวเถียนแปลกใจมาก

ก่อนหน้านี้คิดว่าครั้งนี้น่าจะหาเงินมาได้ในราคาสามพันหยวนเสียอีก ดูเหมือนเธอจะยังเด็กไปจริง ๆ ของสองชิ้นนี้อาจจะโดนคนหลอกก็ได้

เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ ใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับยู่ยี่ ทว่าในใจพลันรู้สึกโล่งอก

แต่มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วนี่นา?

เดิมทีก็ซื้อจากคนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงธุรกิจ แถมได้มาในราคาที่ต่ำอีก ถ้าคนที่รู้เรื่องธุรกิจซื้อมันจากเธอด้วยราคาต่ำเหมือนกันก็ไม่แปลกอยู่แล้ว

“เสี่ยวเถียน สีหน้าหลานเปลี่ยนไปนะ คิดอะไรอยู่หรือ? กำลังคิดว่ามันขายถูกไปหรือจ๊ะ?” อวี่รุ่ยหยวนลอบสังเกต พอเห็นสีหน้าหลานพลันเปลี่ยนก็ถามด้วยรอยยิ้ม

เสี่ยวเถียนรีบส่ายหัว “ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ หนูคิดว่าของดีที่เจอในครั้งนี้เหมือนจะขายขาดทุนค่ะ”

ของทั้งสองชิ้นกลับมีราคาไม่มากเท่าที่ควร

นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่

ถ้าก่อนหน้านี้รู้สักหน่อยคงจะเก็บไว้ก่อน ตอนนี้กล่องเก็บของเธอใหญ่กว่าตอนแรกแล้ว เป็นรางวัลเพิ่มเติมที่ตั้งใจอ่านหนังสือ และเสี่ยวเถียนชอบมันมาก

อีกอย่างถ้าเก็บไว้ในนี้ คนอื่นก็จะไม่รู้ด้วย

อวี่รุ่ยหยวนหัวเราะ เด็กคนนี้นี่!

“มันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องกังวลไปหรอก หลานยังเด็ก เป็นเรื่องปกติที่จะโดนเขาหลอกเอาน่ะ”

ประโยคท้ายหญิงชราไม่ได้พูดออกไปว่า ไม่ใช่เพราะหลานก็เด็กหรอกหรือ ถึงได้หลอกคนอื่นเหมือนกันน่ะ?

เสี่ยวเถียนยิ้ม “ใช่ค่ะคุณย่า หนูคิดไว้แล้วน่ะ จากนี้ถ้าได้ของดี ๆ จะเอามาให้ย่านะ ย่าจะได้ช่วยหนูขาย!”

อวี่รุ่ยหยวนมีความสุขนักที่หลานเชื่อมั่นในตัวเธอ ก่อนจะพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของย่าเอง ย่าจะไม่ให้หลานลำบากใจแน่นอน”

“ขอบคุณค่ะคุณย่า” เด็กหญิงคลี่ยิ้มหวาน

“เออใช่ เรื่องเรือนสี่ประสานย่าไปถามมาแล้วนะ มันอยู่ในตรอกไฮว่ชูไม่ห่างจากบ้านเรา ย่าเห็นว่าทำเลและตัวบ้านดีมากเลย” อวี่รุ่ยหยวนจำเรื่องสำคัญขึ้นได้ก่อนบอกพลางหัวเราะ

เสี่ยวเถียนพยักหน้าเมื่อได้ฟัง “คุณย่าตาดีค่ะ มันต้องดีแน่ ๆ เลย”

ความไว้วางใจของเสี่ยวเถียนทำให้หญิงชรามีความสุขมาก

“คุณย่า บ้านหลังนี้จะไม่มีคนมาแย่งใช่ไหมคะ? แบบพี่ ๆ มาแย่งทรัพย์สมบัติอะไรแบบนี้ ไม่งั้นจะยุ่งยากมากเลยค่ะ”

“ตระกูลเราสืบทอดมาสี่ชั่วอายุคนแล้ว และไม่มีใครแย่งทรัพย์สมบัติกันเลย เราแบ่งไว้ชัดเจนอย่างดี” หญิงชราตอบ

เรื่องพวกนี้เธอทำให้ชัดเจนจะดีที่สุด

หลังจากลำบากลำบนทำงานหาเงินซื้อบ้านได้หมื่นสองหมื่น แต่สุดท้ายโดนคนเอาเปรียบขึ้นมา ใครมันจะไปทนได้!

“ขอบคุณคุณย่าที่อุตส่าห์ลำบากนะคะ!” เสี่ยวเถียนรู้ว่ามันไม่ง่ายที่จะไปสอบถามเรื่องพวกนี้มา จึงรีบกล่าวขอบคุณทันที

อวี่รุ่ยหยวนจิ้มหน้าผาก “ยัยหนู เกรงใจกับย่าอีกแล้ว”

เสี่ยวเถียนสัมผัสถึงฝ่ามือหยาบกร้านของย่า แล้วจู่ ๆ ก็นึกได้ว่าในหนังสือเหมือนจะมีวิธีทำครีมเพื่อเสริมความงามด้วยนะ

ไว้จัดการเรื่องบ้านเสร็จเมื่อไร ทำครีมบำรุงให้คุณย่าดีกว่า

“ไม่ใช่ว่าเกรงใจสักหน่อยค่ะ แค่อยากสุภาพกับย่านี่นา”

“เข้าใจแล้ว ๆ หลานย่าเป็นเด็กดีสุภาพเรียบร้อยนะ” อวี่รุ่ยหยวนหัวเราะจนตาปิด

“คุณย่าไม่รู้ราคาบ้านหลังอื่นแล้วหรือคะ?”

ตอนนี้เธอมีเงินมากกว่าสี่หมื่นแล้วหยวนแล้ว ซื้อเรือนสี่ประสานได้สองหลังเลยใช่ไหมเนี่ย?

จำได้ว่าในยุคหลัง เธอเคยอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ว่าในช่วงต้นปี 80 มีชายคนหนึ่งยืมเงินเพื่อนสี่หมื่นไปซื้อเรือนสี่ประสานสามหลัง

แล้วตอนนี้เธอมีเงินสี่หมื่นแล้ว จะซื้อได้สักสองหลังไหมนะ

เสี่ยวเถียนไม่คิดที่จะซื้อเรือนสี่ประสานหลังเล็ก เธอชอบอยู่ที่ลานบ้านกว้าง ๆ จะใช้เงินมากหน่อยก็ย่อมได้

“ราคาดีเลยล่ะ ย่าไปคุยมาแล้ว ราคาอยู่ที่หมื่นเก้านะ” หญิงชราตอบ

เด็กคนนี้ชอบเรือนสี่ประสานมาก แต่ไม่คิดจะเอาเงินสี่หมื่นในมือไปแลกกับมันใช่ไหม?

“งั้นไปดูกันค่ะ!” เสี่ยวเถียนคิดจะออกไปทันที

“เรื่องนี้ไม่บอกปู่กับย่าหลานก่อนหรือ?” อวี่รุ่ยหยวนรีบหยุดเอาไว้

หลานสาวส่ายหัว “ไม่ต้องค่ะ มันจะเป็นสมบัติของหนูคนเดียว”

เสี่ยวเถียนไม่อยากให้คนอื่นสับสนเรื่องนี้

พี่ ๆ จะพยายามช่วยเธออยู่แล้ว แต่ไอ้เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เนี่ย จัดการให้ชัดเจนล่วงหน้าไปเลยดีกว่า

เรื่องเงินทอง แม้แต่พี่น้องจักต้องคิดให้ถี่ถ้วน!

เสี่ยวเถียนพยายามทำให้มันชัดเจน ถ้าซื้อบ้านในนามของเธอ อนาคตข้างหน้าจะได้ไม่มีปัญหากัน

แต่ถ้าซื้อในนามของพวกผู้ใหญ่ ทุกคนจะแบ่งกันไม่ค่อยได้ ต้องเผื่อเรื่องทรัพย์สินด้วย ไม่งั้นความสัมพันธ์อาจจะแย่เอาได้

หญิงชราคิดว่าคำพูดของหลานไม่ได้มีปัญหาอะไร จึงพยักหน้ารับรู้

อันที่จริงเธอก็กังวลเรื่องนี้เหมือนกัน เสี่ยวเถียนยังเด็ก แถมยังยึดติดกับพี่ ๆ มาก ถ้าพวกพี่ ๆ เกิดเห็นแก่ตัวขึ้นมาล่ะ? หลานสาวจะลำบากใจเอาได้

แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาแล้ว เพราะเสี่ยวเถียนเข้าใจตัวปัญหาจริง ๆ

แม้สองสามีภรรยาตู้จะชอบเด็กคนอื่น ๆ ในบ้านซูหมือนกัน แต่กับเสี่ยวเถียนมันแตกต่าง

ถึงเสี่ยวเถียนจะไม่ใช่หลานทางสายเลือด แต่ก็ยังมีฐานะเป็นหลานบุญธรรมอยู่

สองคนย่าหลานรีบไปยังเรือนสี่ประสานที่ว่าด้วยความว่องไว

เรือนที่อวี่รุ่ยหยวนมองอยู่นั้นมันแตกต่างจากเรือนทั่วไป มีลานหน้าและหลังสองลาน ตัวเรือนกว้างขวางมากและไม่เก่าจนเกินไป ถ้าซื้อก็สามารถอยู่ได้เลย ไม่ต้องซ่อมแซมอะไรมาก

ที่น่าเสียใจอย่างเดียวก็คือไม่ได้หันหน้าเข้าถนน แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะอย่างไรเสียเรือนแห่งนี้ก็เป็นเรือนที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อาศัยมากที่สุด รอให้คนมีกำลังทรัพย์มาซื้ออยู่

อวี่รุ่ยหยวนไปต่อรองราคามาได้คือหมื่นเก้า แต่หลังจากที่เสี่ยวเถียนเห็น เธอคิดว่าเราสามารถคุยกันได้อีก

ทว่าเจ้าของยืนกรานไม่ลดให้ สุดท้ายก็ทำได้แค่ทิ้งเฟอร์นิเจอร์ไว้ให้เสี่ยวเถียนแทน

เสี่ยวเถียนพอใจกับมันมาก ถึงมันจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็งทั่วไป ไม่ได้เป็นของเก่าหรือไม้มีค่า ทว่าสำหรับบ้านเราด้านการใช้งานสำคัญกว่า

เจ้าของบ้านไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะซื้อเรือนหลังนี้จริง ๆ เขาตกใจมาก

เมื่อไรหนอที่เด็กน้อยมีความสามารถขนาดนี้น่ะ?

เขาเป็นผู้ใหญ่แท้ ๆ กลับเพิ่งจะเอาทรัพย์สมบัติของวงตระกูลมาซื้อตัวอาคารได้เอง…

ชั่ววูบหนึ่งที่รู้สึกเสียใจ

บ้านดีขนาดนี้ ขายทำไมกันนะ?