“พัดผักว้างตุ้งผสมกับหนูไม่ไผ่ย่างทำเสร็จแล้ว” เมื่อเฮียเฉา ได้ยินออเดอร์ของหนูไม้ไผ่สี่ครั้งเขาก็ตอบรับโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
เจ้าของร้านไม่ค่อยกลัวคนที่ตละกะเท่าไร เพราะนานๆครั้งจะเจอคนพวกนี้
สำหรับเฮียเฉาแทนที่จะบอกว่ามีเพียงแผ่นไม้ไผ่สองแผ่นต่อโต๊ะเพราะเขามีโต๊ะอยู่ในจำนวน จำกัด มันจะดีกว่าถ้าจะพูดว่ามันเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดเช่นเดียวกับที่ตัวแทนขายบ้านบอกว่ามีห้องในอพาทเมท์เหลือสามห้องเพียงเท่านั้น
โจวซินเยียนตบท้องของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงของลูกค้าประจำ “ไม่ว่าเฮียจะปรุงอาหารอะไรก็อร่อยทุกอย่างเลยนะ อยากรู้จริงๆในหม้อของเฮียใส่อะไรลง”
“เอาล่ะ” เฮียเฉาหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “คุณต้องการชิ้นส่วนที่ไม่ติดมันหรือติดไขมันหรือป่าว? ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบไหนผมจะเสิร์ฟหนึ่งชิ้นส่วนที่มีเนื้อไม่ติดมันจะขนาดสามปอนด์และชิ้นที่มีเนื้อเยอะๆจะจนาดสี่ปอนด์”
“หนูพวกนี้พึงถูกฆ่าสดๆร้อนเลๆย” ตาของโจวซินเยียนเบิกกว้างขึ้น
เฮียเฉายิ้มและพูดว่า “แน่นอน”
โจวซินเยียน ยกนิ้วให้เขาแล้วพูดว่า “ถ้างั้นหนูอ้วนสองตัวและเนื้อเน้นๆอีกสองตัวเอาตามที่เฮียเลือกให้เลย”
“สองตัวจะหนักสามปอนด์และอีกสองตัวจะหนักสี่ปอนด์” เฮียเฉา ยืนยันคุณภาพของอาหาร
หมอลู่ไอเล็กและพูดว่า “นายไม่สามารถตัดสินได้ว่าหนูมีไขมันและเนื้อไม่ติดมันโดยดูจากน้ำหนัก หนูไม้ไผ่บางตัวอาจมีน้ำหนักสองหรือสามปอนด์ แต่ถ้ามันมีน้ำหนักน้อยลง หนูไม้ไผ่บางตัวอาจมีน้ำหนักสี่ถึงห้าปอนด์ แต่มันออกกำลังกายทุกวันดังนั้นมันจะมีกล้ามเนื้อมากขึ้นและมันจะมีเนื้อไม่ติดมันมากขึ้นด้วย “
“คุณมีประเด็นอะไรหรอหมอลู่” เฮียเฉาโบกมือของเขา “ทำไมคุณไม่เลือกหนูด้วยตัวเอง? ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบไหนฉันก็จะฆ่าพวกมันอยู่ดี”
“โห้ย ฉันรับไม่ได้จริงๆ” หมอลู่โบกมือแล้วพูดว่า “อย่างไรก็ตามเท่าที่ประสบการณ์ของฉัน ฉันเป็นห่วงหนูไผ่จะมีลักษณะเหมือนตีนเป็ดเมื่อย่างแล้วใช่มั้ยถ้าเป็นอย่างนั้นเราน่าจะกลายเป็นคนอ้วน ปกติแล้วเราไม่ควรทานเนื้อที่ติดมันถึงอย่างงั้น มันที่กระจายไปทั่วเนื้อก็อร่อยกว่าเนื้อไม่ติดมันอยู่ดี … “
เฮียเฉาหัวเราะหลังจากฟังเขา “หนูไผ่ย่างจะคล้ายกับหมูย่างที่หมักด้วยน้ำนมพวกมันทั้งหมดจะถูกคั่วจนกว่าผิวของมันจะกรอบและมีน้ำมันออกมา … “
“คุณต้องย่างมันจนกว่าคุณจะกำจัดน้ำมันข้างในออกไปได้และหลังจากนั้นมันก็จะมีกลิ่นหอม แต่เมื่อมันถูกกินคุณจะได้ลิ้มรสคอลลาเจนและเพลิดเพลินกับความยืดหยุ่นของเนื้อ” หมอลู่ขัดจังหวะคำพูดของเฮียเฉา ในไม่ช้าและเฮียเฉาก็ได้เทคนิคการทำอาหารอย่างไรกับหนูไม้ไผ่
อย่างที่บอกไปแล้วว่า “เมื่อวิธีการหนึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้งานได้มันสามารถนำไปใช้ในสถานการณ์อื่นได้เช่นกัน” หมอลู่ต้องจัดการกับตีนเหมูนับพันในหนึ่งสัปดาห์และเขาจัดให้มีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หนึ่งพันคนและผู้ป่วยนับหมื่นและสมาชิกครอบครัวในโรงพยาบาลที่มีอัตราการไหลของออกของผู้ป่วยสูง หากพวกเขาอยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์เมืองหลวงธรรมดาจะไม่มีอัตราการไหลของประชากรและความสามารถในการบริโภคเท่ากับโรงพยาบาลหยุนหัว กล่าวอีกนัยหนึ่งถ้าใครจะเอาหมูมาปรุงเหมือนลั่วบินในยุคพรีเดนเดอร์เขาก็มีความสามารถที่จะโด่งดังขึ้นในเมืองนี้เช่นกัน
ดังนั้นแม้ว่า หมอลู่ไม่เคยย่างหนูไม้ไผ่ แต่เขาสามารถพูดถึงวิธีการปรุงอาหารบางอย่างได้
เฮียเฉา อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าและเขาเริ่มคิดถึงคำพูดของเขา “สิ่งที่คุณพูดเป็นเรื่องทางทฤษฎี”
“ไม่ใช่เหรอ?” หมอลู่หัวเราะอย่างใจจดใจจ่อและถามว่า “คุณปรุงมันได้อย่างไร”
“ของเรานั้นเรียบง่ายหนูไผ่ที่ถูกฆ่านั้นจะเค็มเล็กน้อยและเสียบเข้ากับมันจากนั้นก็จะถูกย่างบนกองไฟถ่านเมื่อความเย็นภายในถูกบังคับและหนูทั้งตัวร้อนเราจึงใช้ชั้น น้ำมันมากกว่านั้นและใช้ซอสบาร์บีคิวที่ฉันทำไว้ ” เมื่อเฮียเฉาพูดอย่างนี้เขาก็เงยหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ “ฉันทำบาร์บีคิวมา 20 ปีแล้วฉันไม่กล้าพูดเรื่องอื่นเลย แต่เทคนิคบาร์บีคิวนี้ไม่เคยล้มเหลวมาก่อนเลยคุณรู้ไหมว่าทำไมฉันถึง เสริฟหนูไม้ไผ่ในภัตตาคาร? “
“เพราะมันทำเงินได้เหรอ?” หมอลู่ดูการตกแต่งในร้าน การตกแต่งและเครื่องครัวในร้านอาหารเฮียเฉาเพียงอย่างเดียวราคาเทียบเท่ากับ BMW ของเขา
เฮียเฉาพูดไม่ออก เขาถอนหายใจและพูดว่า “มีธุรกิจอื่น ๆ ที่สามารถทำเงินได้ฉันทำอาหารหนูไม้ไผ่เพราะพวกมันเป็น … “
“พวกมันสามารถขายได้ในอัตรากำไรที่สูงขึ้น!” มาหยานหลินพยายามพูดแทรกโดยได้รับเสียงหัวเราะเล็กน้อยจากแฟนสาวของเขา
“เพราะหนูไม้ไผ่จะช่วยให้คุณได้ลิ้มรสเนื้อย่างที่ดีที่สุด!” เฮียเฉาถอนหายใจด้วยหัวใจที่เหนื่อยล้า “ใครจะทานหนูไม้ไผ่บ้าง”
“ฉันเอาด้วย”
“ฉันด้วย!”
หยูหยวน และ เกาเฟน ตะโกนด้วยกัน
มาหยานหลินและแฟนสาวยืนนิ่งเงียบและมองดูหยูหยวนและกวนเฟย มีคำใบ้ของความขี้เล่นและความลึกซึ้งในสายตาของเธอ
หยูหยวน และ เกาเฟย รู้สึกกดดัน พวกเขายืนขึ้นปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้
จ้องมองเหว่ยแมนอยู่บนใบหน้าของเกาเฟนในขณะที่เธอยังคงจ้องมองที่ด้านบนของหัวของหยูหยวน
… ..
หากพวกเขาย้ายห่างจากอ่างล้างมือเพียงไม่กี่ฟุตพวกเขาก็จะไปถึงบังกะโลเก่าแก่สองห้องที่เฮียเฉาเช่าไว้ซึ่งเขาใช้เลี้ยงหนูไม้ไผ่ไว้ชั่วคราว อาณานิคมของหนูไม้ไผ่สีเทาถูกแยกออกไปข้างนอกและพวกมันจะได้รับการคัดเลือกสำหรับการปรุงอาหารในวันนี้
“มันน่ารักและมีขนดกมันน่ารักเล็กน้อยแขนขาสั้นมาก … “
“นี่คือหนูไผ่?”
“หนูไม้ไผ่กินไผ่หรือเปล่าอุจจาระของมันอยู่ที่ไหน?”
เด็กหญิงทั้งสามโดยไม่คำนึงถึงบุคลิกของพวกเธอ พวกเธอถูกดึงดูดโดยหนูไม้ไผ่
เฮียเฉายืนเคียงข้างกันโดยไม่พูดอะไรสักคำ หลังจากดำเนินกิจการร้านอาหารมานานเขารู้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องกระตุ้นให้ลูกค้าทำบางสิ่งเมื่อมันมาถึงยอดขายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกค้าผู้หญิงสามคนรวมตัวกัน สิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในเวลานั้น
“คุณอยากจะกินหนูไผ่จริงเหรอ?
“มันมีรสชาติเหมือนกระต่าย”
“มันหายากมากเลยนะ”
เฮียเฉาอนุญาตให้ลูกค้าหญิงทั้งสามของเขาเล่นกับหนูไผ่และสิ่งที่หนูไม้ไผ่ขี้ออกมา เขาไม่ดูดอธิบายอะไรไป
ในที่สุกวนเฟยเป็นคนแรกที่ไม่สามารถทนกับความคิดนี้ได้ หลังจากที่เธอได้สัมผัสกับต้นไผ่ที่ตรงยาว เป็นไม้ที่สามเธอพูดเสียงดังว่า “เฮียคุณจะทนได้อย่างไรกับการย่างไผ่? ดูที่พวกมัน พวกมันไม่รู้จะต่อสู้อย่างไร!”
คำถามของกวนเฟยนั้นชัดเจรที่สุดและมันก็ตรงไปที่หัวใจของเฮียเฉา
เฮียเฉา ตกตะลึงกับคำถามสองสามวินาทีก่อนที่เขาจะพูดช้าๆว่า “เพราะพวกมันอร่อยจริงๆ”
ท่าทีที่น่าประทับใจของกวนเฟยหายไปทันที
คำตอบนี้สมเหตุสมผลมากเธอจะลบล้างเขาอย่างไร
“ฉันต้องการมันมันดูอ้วนแล้วยาวที่สุด”เหว่ยแมนผู้ซึ่งเป็นแพทย์หญิงที่สำเร็จการศึกษาจากโรงพยาบาลวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งเป็นคนแรกที่หยิบหนูไม้ไผ่ขึ้นมาทาน นอกจากนี้เธอยังพบว่าแกนกลางเป็นตัวกำหนดปัจจัยที่กำหนดคุณภาพของหนูไผ่ – ขนาดลำตัว!
“เอาล่ะ!” เฮียเฉา ไม่ลังเลและหยิบหนูไม้ไผ่ที่อ้วนและยาวที่สุดด้วยการชนจากนั้นเขาก็โยนมันเข้าไปในกรงเหล็กข้างๆเขา
หยูหยวนไม่ยอมแพ้กับเธอ เธอเลียนแบบการกระทำของเฮียเฉาแล้วหยิบหนูไม้ไผ่ขึ้นทีละตัวบีบหน้าท้องตามลำดับก่อนที่เธอจะเลือกอีกตัว
หนูไผ่ที่สองถูกโยนเข้าไปในกรง
สายตาของทุกคนอยู่ที่กวนเฟย
กวนเฟยพยายามอ้าริมฝีปากของเธอซึ่งแวววาวเพราะมันถูกเคลือบด้วยลิปกลอสซีรีย์จีออ สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะที่ทำให้งงงวยของหนูไม้ไผ่
“ฉันอยากทานเนื้อขาวๆ”
กวนเฟยตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
เฮียเฉายังช่วยเลือกหนูไผ่ขนาดกลาง เมื่อเขาดึงมันออกมาเขามอบมันให้กับพนักงานที่รออยู่ข้างเขา
“เราสามารถย้อนกลับไปได้ในตอนนี้” บอสเฉา หัวเราะเบา ๆ และกลับมาพร้อมกับหนูไม้ไผ่สามตัว
เมื่อพวกเขากลับมาที่ร้านพวกเขาเห็นเตียงฉุกเฉินชั่วคราวที่มุมห้องหลิงรัน และหมอลู่ใส่ถุงมืออยู่และกำลังยุ่งอยู่หน้าเตียง
“มีอะไรเหรอ?” น้ำเสียงของ เฮียเฉาสงบและมั่นคง เขาฟังอย่างสงบในฐานะหัวหน้าแพทย์ในแผนกฉุกเฉิน
“มีลูกค้าคนหนึ่งหัวถูกเสียบด้วยโลหะเจาะทะลุขณะที่เขากินและปากของเขาเต็มไปด้วยเลือด” ชายข้างหน้าเคาน์เตอร์ทำงานในร้านอาหารของครอบครัวเฮา มานานกว่าครึ่งปี เขาตอบคำถามเจ้านายด้วยใบหน้าที่สงบ
เฮียเฉาพยักหน้า “เป็นเคสนี้เอง”
เมื่อเขาพูดอย่างนั้นเฮียเฉายังคงเดินหน้าและปลอบโยนผู้ป่วย
โจวซินเยียนเปิดชุดปฐมพยาบาลที่ด้านหน้าเตียง เขารับหน้าที่รับผิดชอบของพยาบาลขัดผิวหน้าและตอบอย่างสง่างามว่า “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เราจะทำเหมือนออกกำลังกายอุ่นเครื่องก่อนมื้ออาหาร”
มันหายากสำหรับหลิงรันที่จะพยักหน้าและเห็นด้วย
เฮียเฉายิ้มอย่างขมขื่น “เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นผู้คนรับประทานอาหารจนกว่าพวกเขาจะมีแผล แต่ฉันเพิ่งเห็นคนถูกเสียบเช่นนี้มากัน”
“เรากำลังจะถอดมันออก” หลิงรันเตือนผู้ป่วยและเริ่มดำเนินการอย่างช้าๆ
เขาเคยเห็นกรณีฉุกเฉินที่คล้ายกันหลายอย่างเช่นนี้ แต่เขามีโอกาสน้อยมากที่จะทำงานกับเคสนี้
หลิงรันหยิบเอาโลหะที่เสียบออกจากปากของผู้ป่วยดูราวกับว่าเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จากนั้นเขารู้สึกว่าท้องของเขากำลังหิว
EP 365
By loop
บาร์บีคิวและกล่องเบียร์ถูกวางไว้อย่างเรียบร้อยบนโต๊ะ
ชายที่ได้รับบาดเจ็บที่ปากก็เดินขึ้นรถแท็กซี่กับเพื่อนของเขา เฮียเชาใช้สเปรย์ห้ามเลือดและชุดผ้ากอซเป็นด้วยความปรารถนาดี เพราะดีกว่าให้เขาเดินไปตัวเปล่าโดยไม่มีปิดแผลไว้ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยคนนั้นจะต้องไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง
หลิงรันและหมอลู่ถอดถุงมือและเปลี่ยนเสื้อผ้า พวกเขานั่งรอบโต๊ะกับทุกคนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในความเป็นจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่มากสำหรับพวกเขา
สำหรับเหตุที่เกิดขึ้นในร้านเฮียเฉามันก็เทียบเท่ากับเหตุที่เกิดขึ้นในแผนกฉุกเฉินในหนึ่งวัน ผู้ป่วยที่ถูกไม่เจาะเข้าไปในปากโดยเป็นเพียงผู้ป่วยที่ต้องการการผ่าตัดเย็บแผลเพียงเท่านั้นซึ่งมันง่ายมากต่อการรักษา
แต่มันแตกต่างกันตรงสถานที่เพียงเท่านั้น เมื่อตอนที่หลิงรันเดินออกมาจากห้องมันทำให้คนอื่นที่มาจากแผนกฉุกเฉินอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่แพทย์พบระหว่างเรียนรู้คือ การมีเคสพิเศษ ปกติแล้วการจะเป็นผู้เชียวชาญในเรื่องต่างๆในอุตสาหกรรมทางการแพทย์ได้นั้นจะต้องผ่านการอบรมฝึกวิชาชีพ แต่เมื่อพูดถึงการเป็นผู้เชียวชาญด้านผ่าตัดการอบรมนั้นไม่เพียงพอ พวกเขาจะต้องเคยรักษาเคสๆนั้น หรือเคยผ่านเคสๆนั้นจริงๆมาก่อนถึงจะสามารถรักษาได้
เนื่องจากสัดส่วนของประชากรและบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศมีขนาดค่อนข้างมากดังนั้นแพทย์ที่ประเทศจีนจึงมีโอกาสในการฝึกฝนกับผู้ป่วยจริๆงค่อนข้างเยอะซึ่งต่างจากต่างประเทศที่ โอกาสในการฝึกฝนนั้นจะน้อยกว่ามากเพราะประชากรส่วนใหญ่นั้นเลือกที่จะรักษากับแพทย์บางคนเท่านั้น
“คุณหมอหลิงขอบคุณมากสำหรับวันนี้ … ” เพื่อนร่วมงานของผู้ป่วยไม่ได้ทิ้งผู้ป่วยไว้ เขาใช้เวลาสั่งเบียร์สองกล่องแทนเพื่อแสดงความขอบคุณ
หลิงรันให้รอยยิ้มที่ผู้ป่วยและครอบครัวของพวกเขาและกล่าวว่า “ผมไม่ได้ทำอะไรมากมายเลย”
“อันนี้ถือว่ามากพอแล้ว” เพื่อนร่วมงานหญิงของผู้ป่วยดูเหมือนจะสบตากับหลิงรัน เธอลังเลที่จะจากไป
หลิงรันหัวเราะเบา ๆ “ถ้าคุณส่งเขาไปที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วผลการรักษาน่าจะใกล้เคียงกันส่วนใหญ่ที่เราทำคือลดการสูญเสียเลือดของผู้ป่วย”
“และยังลดโอกาสติดเชื้อด้วย” หมอลู่ เพิ่มประโยคหนึ่งก่อนที่เขาจะพูดกับเพื่อนร่วมงานของผู้ป่วยว่า “เรามาจากแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลหยุนหัวเราเพิ่งจะทำการเย็บแผลในขณะที่เราอยู่ที่นี่คุณต้องขอบคุณ เฮียเฉาที่เตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาล เครื่องมือผ่าตัดและการฆ่าเชื้อทั้งหมดมันหาได้ยากมเลยที่จะมีสถานที่เช่นนี “
“ขอบคุณ.” หลายคนจาก บริษัท ได้ขอบคุณพวกเขาซ้ำ ๆ และพูดกับเฮียเชาว่า “ต่อจากนี้ไปร้านอาหารของเฮียเฉา จะเป็นร้านอาหารที่ได้รับการแต่งตั้งจาก บริษัท ของเรา
“ ถูกต้องครั้งล่าสุดมีคนโง่ที่โดนปูหนีบจนเลือดออกหลังจากใช้ยาของเฮียเฉา เขาก็หายเร็วขึ้นอย่างน่าขัน”
“ฉันเจอคนที่ดูเหมือนจะโดนปูหนีบมาก่อนฉันหัวเราะในเวลานั้นฉันไม่ได้คาดหวังว่าปูจริงๆจะสามารถนีบเราได้และคนนั้นก็เจ็บจริงๆ”
“ฉันเองก็เจอเพื่อนที่โชคร้ายที่ถูกตัดมือเพราะเขาไปตัดเนื้อแกะ”
“ว้าวคุณเคยเจอหรอ ฉันเคยเจอเขาแล้วเหมือนกันเขาเตี้ยและอ้วนหรือป่าว”
“ ไม่เขาเป็นคนผิวดำขำคนอ้วนเขาถือมีด โง่ๆเพื่อตัดเนื้อแกะสับราวกับว่าสมองของเขาอุดตันด้วยน้ำมันจากไขมัน”
“บนโลกนี้ยังมีคนที่เอามีดมาเป็นไม้จิ้มฟัน มันบ้ามากๆเลย ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่ามีเลือดไหลออกมาจากเหงือกของพวกเขา “
ตอนนี้ลูกค้าที่ทานข้าวในร้าน เฮียเฉา แบ่งปันเรื่องราวของพวกเขาอย่างกระตือรือร้นและรู้สึกว่าประสบการณ์ชีวิตของเขามีมากมาย
โจวซินเยียนยืนอยู่ยิ้ม เขารู้ดีว่าหนูย่างมันจะไม่อร่อยถ้าปล่อยให้มันเย็น
“อย่างงั้นมาทานของพวกนี้กันเถอะ” หมอลู่พยายามโชว์ให้เห็นว่าเขาเป็นพี่ใหญ่ในทีมรักษาของหมอหลิง เขาลุกขึ้นและยื่นตะเกียบคู่หนึ่งให้กับหลิงรัน
หนูย่างตัวนี้ ตัวใหญ่มากมันเหมือนกับหมูปิ้งนมสด เพราะมันมีขนาดของไม้เท่าๆกัน ถึงแม้ว่ามันอาจชิ้นเล็กกว่านิดหน่อย
หนูย่างไม้ไผ่ถูกเสียบอยู่กับแท่งเหล็ก เนื้อของมันก็พลิกออก ผิวด้านนอกมีสีทองพร้อมด้วยสีแดงเล็กน้อย มันเปล่งประกายด้วยน้ำมันที่ซึมอยู่ตามเนื้อ หลังจากใช้มีดในการผ่ามันออกมามันก็ดูเหมือนหมูปิงนมสดจริงๆ
อย่างไรก็ตามคุณภาพเนื้อหนูนั้นจันิ่มกว่าและเนื้อหมูมากกว่ามาก
หมูปิงนมสดมันนิ่มเพราะพวกมันมีแค่เนื้อที่เป็นไขมัน ไม่ค่อยมีกล้ามเนื้ออีกทั้งยังเต็มไปด้วยไขมัน ในการเปรียบเทียบกันหนูตัวเต็มไหวถึงมันจะไม่รวดเร็วเหมือนหนูวัยรุ่นแต่มันมีกล้ามเนื้อจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ขาและหาง มีเนื้อสัมผัสที่ชัดเจนและนุ่มนวล หนูก็เป็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ ซึ่งการที่จะสัมผัสเนื้อที่นุ่มนวลเช่นนี้ได้จะต้องเป็นสัตว์พันธ์เล็กเพียงเท่านั้น
ดังนั้นเนื้อนุ่มและเหนียวจึงเป็นลักษณะเฉพาะของหนูย่างไผ่
โจวซินเยียนได้เรียกให้ทุกคนให้มาดื่มเบียร์ เมื่อเขาหันหน้าไปรอบ ๆ เขาเห็นว่าทุกคนเริ่มกินทานหนูย่างไปแล้วสองไม้และเขาก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มทำหน้าบึ้ง เขาไม่รู้วจะทำยังไงในการควบคุมอาหารที่อยู่บนโต๊ะให้เหลือพอสำหรับทุกคน
หลิงรันยังหยิบหนูย่างมาไม้หนึ่งและกัดมันอย่างไม่ลังเล
ในตอนแรกหลิงรันมีข้อสงสัยเกียวกับรสชาติของมันแต่เมื่อทานไปแล้วรสชาติมันคล้ายๆกับเนื้อย่างที่เตาปิงเคยทำให้เขาทานเพราะมันมีเนื้อแห้งๆเหมือนกัน
“หมอหลิงรสชาติมันเป็นอย่างไงบ้าง”เฮียเฉารอให้ลูกค้าของเขาทานหนูย่างให้เสร็จก่อนจะนำขนมปังปิ้งเข้ามาให้อีก
“มันอร่อยมาก” นี่เป็นคำชมที่ยอดเยี่ยมจากหลิงรัน
เฮียเฉาหัวเราะหลังทานหนูย่างไปแล้ว “กินให้เยอะๆผมมีอาหารจานพิเศษให้ทานอยู่เรื่อยๆ ช่วงนี้ผมตามเทรน์ของโลกเกี่ยวกับเรื่องอาหาร ทำไมคุณไม่ดื่มล่ะ ?”
“ผมทำศัลยกรรมไม่ได้ถ้าผมดื่มแอลกอฮอล์” หลิงรันตอบอย่างเป็นธรรมชาติ
วันนี้คุณทำงานเสร็จหรือยังล่ะ?
“หากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นแผนกฉุกเฉินอาจโทรหาผมได้ทุกเวลา” หลิงรันแสดงให้เห็นว่าเขาพร้อมรับมือกับทุกสถาณการณ์
เฮียเฉา ซึ่งคุ้นเคยกับหลิงรันอยู่แล้วหัวเราะเบา ๆ เพราะเขาเองก็เป็นผู้ป่วยของหลิงรันอยู่หลายครั้ง
“หมอหลิงกินหางของหนูย่างสีขาวตัวเล็กนี้สิ” กวนเฟยยิ้มอย่างน่ารักที่สุดเท่าที่จะทำได้และใช้ตะเกียบหยิบหางมอบให้หลิงรัน กวนเฟยไม่ค่อยมั่นใจกับรูปร่างหน้าตาของตัวเองมากนัก แต่เธอรู้สึกว่าเธอก็น่ารักดี
เฮียเฉายกย่องเธอและอธิบาย “ หางของหนูย่างเป็นส่วนที่เล็กที่สุดของหนูและมันก็อร่อยเพราะมันมีคอลลาเจนจำนวนมากนอกจากนี้หนูย่างมักจะขยับหางของมันเสมอ มันจะอร่อยขึ้นถ้าเราดื่มไปด้วย “
โจวซินเยียนแทบน้ำตาไหลลงมาบนใบหน้าเพราะมีคนยื่นขนมปังให้เขา
โจวซินเยียน ยแก้วของเขาด้วยมือทั้งสองของเขาและกอดแก้วของเขาและชนไปกับ เบา ๆ
เฮียเชาเขาภูมิใจและเขาเปลี่ยนไปถือแก้วอย่างรวดเร็วด้วยสองมือ เขาดื่มเบียร์ในคราวเดียว
หมอลู่, มาหยางลิน และคนอื่น ๆ ดื่มเบียร์หากพวกเขาดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ดื่มเครื่องดื่มอื่น
หลิงรันดื่มน้ำเปล่าล้างปากแล้วคว้าเนื้อผ้าขี้ริ้วสองสามิชิ้นมาเพื่อกินมัน
เมื่อเปรียบเทียบกับหนูย่างที่กำลังได้รับความนิยมเนื้อผ้าขี้ริ้วก็เป็นอาหารจานเด่นของร้านอาหารเฮียเฉา มันก็ยังคงอร่อยเหมือนเคย หลิงรันรู้สึกถึงรสชาติที่คุ้นเคยแม้จะจุ่มมันในซอสงา เขาสงสัยว่าซอสลับที่เฮียเฉาใช้ในการย่างกับหนูย่างหรือป่าว มันคงเป็นซอสตัวเดียวกัน
“นั่น … มันเยี่ยมมากที่ทุกคนมาที่นี่วันนี้ผมต้องการประกาศอะไรบางอย่าง” มาหยางหลิยดื่มไวน์สองแก้วมันทำให้เขาหน้าเดง
เขายืนขึ้นพร้อมกับเหลื่อมกันมองไปที่ฝูงชนถือแก้วไวน์ไว้ในมือของเขาแล้วยิ้ม “อีกไม่นาน เหว่ยแหนและฉันวางแผนที่จะแต่งงานงานแต่งงานจะจัดขึ้นในวันที่ยี่สิบของเดือนมกราคม มันจะเป็นในวันเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ “
เหว่ยแมน ก็ยืนขึ้นและพยักหน้าอย่างอ่อนโยนกับทุกคน เธอกล่าวว่า “พวกเรายินดีที่เชิญทุกคนให้มางานแต่งของเรา”
“ว้าว…”
“ขอแสดงความยินดี”
“ดีสำหรับคุณ”
แพทย์คนอื่นๆก็ยกแก้วขึ้นมาเช่นกัน
หลิงรันก็ยืนขึ้นยกน้ำธรรมดาขึ้นเพื่อแสดงความยินดีกับทั้งสอง
บรรยากาศที่โต๊ะก็มีชีวิตชีวาทันที
ในช่วงเวลานี้เฮียเฉาเองก็แสดงความยินดีกับทั้งคู่เช่นกัน
“เฮียเฉา มาหยางหลิยของเรากำลังจะแต่งงาน” หมอลู่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม เขาบอกว่ามาหยานหลินนั้นเป็นชายที่สมบูรณ์แบบแล้ว: มีงานรถบ้านและร่างกายที่พอดี ใครจะคิดว่ามาหยางหลินจะแต่งงาน?
เฮียเฉาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะแสดงความยินดีเช่นกัน จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “คุณหมอหลิงฉันมีปัญหา?”
“ว่าไง?” หลิงรันผลักเก้าอี้ออกไป
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ฉันถูกหนูที่อยู่หลังร้านกัด” เฮียเฉายื่นมือของเขาด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นและมือซ้ายของเขาคลุมด้วยเลือด
หลิงรันตกใจเมื่อเห็นมือของเฮียเฉา “คุณถูกกัดอย่างงั้นเหรอ?”
“ใครจะขาดคิดว่าจะโดนหนูกัดกัน” เฮียเฉาหยุดและพูดว่า “ฉันดูที่แผลของฉันทุกอย่างดีแล้ว และโชคดีมากที่มีแพทย์จากแผนกฉุกเฉินมาทานอาหารที่นี้ด้วย”
“อืม … ” หลิงรันมองไปที่ฝ่ามือของบอสเส้าและถอนหายใจ “คุณต้องไปที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลหยุนหัวกัน ผมคิดถูกที่ผมไม่ได้ดื่มเบียร์”
“ดีมาก.” เฮียเฉา ชื่นชมหมอหลิงมากๆ