ภาค 3 บทที่ 91 คำเชิญของเสียนอ๋อง

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก – ภาค 3 บทที่ 91 คำเชิญของเสียนอ๋อง
บทที่ 91 คำเชิญของเสียนอ๋อง
โดย
Ink Stone_Romance
นี่ก็คือเสียนอ๋องรึ

เฉินชีรีบคำนับอย่างนอบน้อม

เสียนอ๋องมองก็ยังไม่มองเขา ยกมือโบกทีหนึ่งแล้วก้าวเดินเข้าไป

มาหาหมอหรือ? เฉินชีประหลาดใจอยู่บ้าง จริงหรือหลอก?

ยังคิดว่าคงไม่มีใครมาเยือนแล้วนะ ปรากฏว่าไม่ใช่แค่มีคนมาเยือน ยังเป็นท่านอ๋องคนหนึ่ง

นี่ช่างเป็นฟ้าส่งฝนหลังแล้งมาจริงๆ

เขาไม่กล้าชักช้ารีบตามเข้าไป

คนบนถนนมองเห็นฉากนี้ก็ล้วนรวมตัวเข้ามา แม้มองไม่เห็นภาพด้านในโรงหมอ ก็ไม่อาจขวางพวกเขาไม่ให้ถกเถียงคาดเดาได้

ด้านในโรงหมอจิ่วหลิง เสียนอ๋องกำลังตบร่างกายที่อ้วนเป็นพิเศษมองไปรอบๆ

“กลิ่นของโรงหมอนี่ก็หอมดี” เขายิ้มตาหยีเอ่ย

ท่านอ๋องคนนี้ยังล้อเล่นเก่งเอาการ เฉินชีก้าวเข้ามาคำนับ

“ท่านอ๋องมีสิ่งใดให้รับใช้พ่ะย่ะค่ะ” เขาเอ่ยถาม

“พักนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย พวกหมอหลวงเหล่านั้นก็ดูไม่ออกสักอย่าง ทำเป็นแต่ให้ข้ากรอกพวกยาขมบัดซบไร้ประโยชน์” เสียนอ๋องเอ่ย “คุณหนูจวินเป็นหมอเทวดา ดังนั้นข้าจึงมาให้คุณหนูจวินดูสักหน่อย”

มาหาหมอจริงอย่างที่คิด สีหน้าเฉินชีประหลาดใจ จากนั้นก็ยินดียิ่ง

ในเวลาเช่นนี้ มีคนฐานะสูงศักดิ์เช่นนี้มาถึงประตูขอรักษา ที่จริงได้หน้าเกินไปแล้ว

“ท่านอ๋องต้องการตรวจโรคหรือ?”

คุณหนูจวินที่ได้ยินข่าวเดินออกมาจากโถงด้านหลังได้ยินประโยคนี้พอดี เอ่ยถามสีหน้าประหลาดใจอยู่บ้างเช่นกัน

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว” เฉินชีรีบเอ่ยยินดี

เสียนอ๋องก้มมองไปทางคุณหนูจวินด้วย

“ใช่แล้ว คุณหนูจวิน เดิมทีครั้งก่อนก็ควรเชิญเจ้าแล้ว” เขายิ้มตาหยีเอ่ย “แต่อาหารดีไม่แบ่งเช้าค่ำ”

นี่เรียกเปรียบเปรยอะไร เฉินชีงง เสียนอ๋องคนนี้พูดจาไม่เข้าทำนองจริงๆ

แต่ครั้งก่อนหมายความว่าอย่างไร? หรือว่าพวกเขาเคยพบกันมาก่อน?

เฉินชีมองคุณหนูจวิน หรือว่าที่เสียนอ๋องคนนี้มาเยือนเวลานี้มีความลับซ่อนอยู่?

คุณหนูจวินมองเสียนอ๋องสีหน้ายุ่งยาก

นางไม่เคยคิดว่าเสียนอ๋องจะมาหานางตรวจโรค นอกจากนี้…

“องค์ชาย ท่านไม่ได้ป่วย” นางยิ้มเอ่ย “ไม่ต้องเชิญข้า”

ชิ!

เฉินชี้ร้องชิในใจทีหนึ่ง

โง่หรือไม่ โง่หรือไม่ฮะ!

ในโรงหมอจิ่วหลิงเงียบลงนิดหนึ่ง

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเหลือเกินจริงๆ” เสียนอ๋องยิ้มตาหยีเอ่ย ทำลายความสงบนี้ ตบลูบท้องที่นูนขึ้นมา “มีประโยคนี้ของคุณหนูจวินก็วางใจได้แล้ว”

คุณหนูจวินยิ้มให้เขา คำนับ

พระปิตุลาคนนี้ ไม่เคยใกล้ชิดมาก่อน เวลานี้ยิ่งแปลกหน้า เคารพอยู่ห่างๆ เถอะ

“แต่ข้าไม่เป็นไร ไม่รู้คนในครอบครัวของข้าจะไม่เป็นไรด้วยไหม” เสียนอ๋องยิ้มตาหยีเอ่ย “คุณหนูจวินไปวังของข้าดูสักหน่อยเถอะ”

รีบตกลงสิ

รีบตกลงสิ

สนเขาป่วยไม่ป่วยอะไร ไปวังเสียนอ๋องวนสักรอบ ให้คนเมืองหลวงล้วนมองเห็น การข่มขวัญที่ลู่อวิ่นฉีนำมาก็คงหายไปได้ หรือลู่อวิ๋นฉียังไปล่วงเกินเสียนอ๋องได้งั้นหรือ?

เฉินชียินดีปรีดาถลึงตามองคุณหนูจวิน อยากจะเอ่ยปากตอบรับเองเสียเหลือเกิน

แต่แม้เขาเป็นผู้ดูแลใหญ่คนหนึ่งกลับเฉกเช่นเดียวกับผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว ยึดมั่นกับคำสั่งของฟางเฉิงอวี่ ทำสิ่งใดล้วนต้องให้คุณหนูจวินตัดสินใจ ไม่อาจตัดสินใจแทนนางได้

ยังดีครั้งนี้คุณหนูจวินไม่ได้ปฏิแสธ มองเสียนอ๋องคำนับตอบรับ

เฉินชีก็ถอนหายใจ

“รถม้าเตรียมพร้อมแล้ว ข้าให้หลิ่วเอ๋อร์เก็บของนิดหนึ่งไปกับเจ้า” เขาดีใจเอ่ย หมุนตัวเข้าไปแล้ว

เสียนอ๋องพอใจมากยิ้มตาหยีมองไปรอบๆ ด้านในโรงหมอจิ่วหลิง

“ที่นี่ล้วนเป็นของดีทั้งนั้นสินะ?” เขาเอ่ย “มีอะไรที่ข้าใช้ได้ เอามาหีบหนึ่ง”

คุณหนูจวินหลุดหัวเราะ

“หาใช่ของเล่นของอร่อยไม่ ใช้เป็นหีบได้ที่ไหนเพคะ” นางยิ้มเอ่ย

เสียนอ๋องก็หัวเราะบ้าง

“ที่นี่ของคุณหนูจวินล้วนเป็นของดีไหมเล่า ของดีย่อมไม่อาจพลาดได้” เขาเอ่ย

คุณหนูจวินมองไปทางตู้ยา

“ได้เพคะ ท่านอ๋องกลับไปก่อน ข้าจะหาของดีๆ จำนวนหนึ่งติดไปมอบให้ท่านอ๋อง” นางเอ่ย

เสียนอ๋องยิ้มตาหยีพยักหน้า

“ไม่เลว ไม่เลว” เขาเอ่ย

ก็ไม่รู้ว่าชมยาของคุณหนูจวินไม่เลว หรือชมนางกระทำเหมาะสมเช่นนี้ของนางว่าไม่เลว

มองดูรถม้าของเสียนอ๋องจากไป รถของคุณหนูจวินก็ติดตามไปข้างหลัง ชาวบ้านที่มุงดูอยู่บนถนนก็เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว

“คุณหนูจวินวิชาแพทย์สูงส่ง ทำให้คนไม่อาจไม่เชื่อถือวางใจได้จริงๆ”

“นอกจากนี้ เสียนอ๋องยังมาเชิญคุณหนูจวิน เห็นได้ว่าพระญาติเชื้อพระวงศ์เหล่านี้เห็นค่าคุณหนูจวินยิ่งนัก”

“จริงด้วย ขอเพียงคุณหนูจวินอยู่ที่เมืองหลวง ท่านหมอเช่นนี้จะขาดลูกค้าได้อย่างไร”

คำวิพากษ์วิจารณ์บนถนนค่อยๆ กระจายไป ไม่ถึงค่ำเรื่องนี้ก็เล่าทั่วทั้งเมืองแล้ว เฉินชียืนอยู่ด้านนอกโรงหมอจิ่วหลิงพยักหน้าพอใจ

“นอกจากนี้ครั้งนี้ทำให้เสียนอ๋องพอพระทัยแล้ว ไม่แน่ยังขอให้เขาช่วยไปดูบุตรชายเฉิงกั๋วกงได้ นี่ง่ายกว่าไปขอร้องลู่อวิ๋นฉีมากแล้ว” เขาเอ่ยเสียงเบากับฟางจิ่นซิ่วที่ออกมาส่ง “เมื่อครู่ข้าลอบส่งสัญญาณให้นางแล้ว แต่ด้วยความฉลาดของนางน่าจะคิดได้แล้วเหมือนกัน”

พูดพลางยื่นมือลูบคางสองที

“คุณหนูจวินผู้นี้ดาวมงคลฉายส่อง พบเรื่องลำบากปุบก็มักมีคนดีช่วยเหลือ”

“คนดี?” ฟางจิ่นซิ่วมองเขาทีหนึ่ง “นางเองก็เป็นคนดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หากไม่ใช่นางเองเป็นคนดีก่อน ก็คงไม่มีใครถือนางเป็นคนดี”

เฉินชีหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว

“ถูกถูก เจ้าพูดถูกต้อง น้องสาวของเจ้าร้ายกาจที่สุด” เขาหัวเราะเอ่ย “ยอมให้พูดว่านางไม่ดีไม่ได้สักนิดจริงๆ เจ้ายกยอนางจนลอยขึ้นฟ้าแล้ว”

“ข้ายกยอนางที่ไหน?” ฟางจิ่นซิ่วสบถทีหนึ่ง “รีบไปทำงานไป”

เทียบกับวังไหวอ๋อง วังเสียนอ๋องแลดูหรูหราสูงศักดิ์

ความหรูหราสูงศักดิ์นี้ไม่ใช่จะบอกว่าการตกแต่งประดับประดาของวังไหวอ๋องสู้วังเสียนอ๋องไม่ได้ แต่เป็นผู้คน

นางกำนัลขันทีนับไม่ถ้วนตัดผ่านข้างใน ยังมีภรรยาอนุภรรยาบุตรชายบุตรสาวกลุ่มใหญ่แห่เข้ามาต้อนรับเสียนอ๋องที่กลับมา ทุกหนทุกแห่งล้วนเป็นเสียงหัวเราะ บรรดาชายาเอกชายารองของวังเสียนอ๋องประดับหยกไข่มุกแวววาว เทียบกับบรรดาพระชายาในวังยังหรูหรายิ่งกว่า

ไม่แปลกที่เสียนอ๋องมักจะเข้าวังไปร้องไห้ว่ายากจนขอเงิน เงินที่ขอมาล้วนเสียให้สตรีเหล่านี้ใช้ชีวิตอู้ฟู่แล้วกระมัง

การกระทำเช่นนี้ทำให้บรรดาขุนนางไม่พอใจ บรรดาชายาสนมในวังก็ไม่พอใจ เป่าหูโอดครวญเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ไทเฮา เขาก็ลำบากจริงๆ ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนท่ามกลางคำตำหนิทั้งหลายได้

หากเป็นก่อนหน้านี้คุณหนูจวินคงไม่สนใจ เพียงคิดว่านี่คือเสียนอ๋องผู้ถูกตามใจใช้ชีวิตหรูหราแต่เล็กจนเป็นนิสัย แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าฮ่องเต้ไม่ได้เมตตาดีงามเช่นนั้นอย่างในจินตนาการ ไทเฮาก็หาใช่เมตตารักใคร่เช่นนั้นด้วย ย่อมไม่มีทางคิดเช่นนี้อีกต่อไป

มีฉีอ๋องผู้ระมัดระวังควบคุมตนเองคนหนึ่งแล้ว หรือต้องมีเสียนอ๋องออกมาอีกคนหรือ?

เป็นท่านอ๋องติดหรูสำมะเลเทเมาชื่อฉาวโฉ่ไปทั่วคนหนึ่ง สำหรับฮ่องเต้กับไทเฮาแล้วถึงจะปลอดภัยที่สุด

นางจำได้ตอนเสียนอ๋องยังเล็กก็ขยันเรียนเขียนอ่าน ยังชื่นชอบขี่ม้ายิงธนู เคยทูลพระอัยกากับพระบิดาว่าจะแย่งชิงผืนแผ่นดินที่เสียไปกลับมา จะแก้แค้นให้พระปัยกาที่ถูกชาวจินทำร้าย

ก็เพราะขยันฝึกฝนวรยุทธ์ถึงทะเลาะกับจูจั้นได้

คุณหนูจวินมองเสียนอ๋องผู้อ้วนท้วนถูกหญิงกลุ่มหนึ่งรุมล้อมวนเวียน ปวดใจขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

เพื่อมีชีวิต ไม่อาจไม่ทำให้ตนเองพังไปเสีย

นี่ก็คืออนาคตของจิ่วหรงงั้นหรือ?

……………………………………….