ภาค 3 บทที่ 92 เจตนาดีที่ได้รับไหว้วานมา

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก – ภาค 3 บทที่ 92 เจตนาดีที่ได้รับไหว้วานมา
บทที่ 92 เจตนาดีที่ได้รับไหว้วานมา
โดย
Ink Stone_Romance
“คุณหนูจวิน เชิญเถอะ” เสียนอ๋องหัวเราะเอ่ยขัดอาการเหม่อลอยของคุณหนูจวิน

คุณหนูจวินก้มศีรษะขานรับ หลิ่วเอ๋อร์ส่งหีบยาข้ามมา คุณหนูจวินมองดูสตรีเด็กน้อยหอยสังข์ในวังเสียนอ๋องทีละคนๆ ไม่ตกหล่นรอบหนึ่งจนหมด มีคำถามก็ตอบ นอบน้อมเป็นมิตร ทำให้ในวังเสียงหัวเราะไม่ขาด ถึงขนาดสุดท้ายกระทั่งขันทีนางกำนัลก็อดไม่ได้ร่วมวงสอบถามด้วย คุณหนูจวินก็ไม่ปฏิเสธผู้มาเช่นกัน

“ว่ากันว่าคุณหนูจวินอารมณ์ร้าย นี่ดูไม่ออกสักนิดเลยนะ” ชายารองคนหนึ่งอยู่ข้างกายเสียนอ๋องเอ่ย

“อารมณ์ร้ายก็ต้องดูคนนะ” ชายารองที่นั่งอีกด้านหนึ่งของเสียนอ๋องเบะปาก “พวกเราเป็นถึงวังอ๋อง”

“นั่นก็ไม่แน่ การปลูกฝีที่คุณหนูจวินทำ หลังเข้าวังก็ไม่ได้ปลูกฝีเอง ข้าไม่เชื่อหรอกว่านางทำไม่ได้” ชายารองคนก่อนหน้านี้เอ่ย ไกวแขวนของเสียนอ๋อง “องค์ชาย ท่านว่าถูกหรือไม่?”

ชายารองอีกด้านหนึ่งก็ไกวแขวนของเสียนอ๋องบ้าง

“ท่านอ๋อง ท่านว่าใครพูดถูก?” นางก็เอ่ยถามอย่างไม่เชื่อ

เสียนอ๋องหัวเราะ โอบสองคนไว้

“อย่างไรคุณหนูจวินก็เป็นคนดีมากคนหนึ่ง” เขายิ้มตาหยีเอ่ย “แม้มีคนเกลียดชัง แต่ดวงตายังคงไม่มืดบอด”

คำพูดนี้หมายความว่าอะไร?

มีคนคือใคร? พูดถึงคุณหนูจวินหรือ? บอกว่านางน่าชังมากหรือ? ถ้าอย่างนั้นดวงตาบอดไม่บอดหมายความว่าอย่างไรอีก?

สตรีสองนางกำลังไม่เข้าใจจะเอ่ยถาม คุณหนูจวินก็เดินออกมาจากด้านในตำหนัก

“คุณหนูจวิน ลำบากแล้ว” เสียนอ๋องหัวเราะเอ่ย

ชายารองสองคนถอยออกไปอย่างว่าง่าย

“ไม่ลำบากเพคะ” คุณหนูจวินคำนับเอ่ย “ข้านำยาหีบหนึ่งมาด้วยเป็นยาบำรุงหลายชนิด แล้วก็มียาสำหรับโรคระบาดบางอย่าง ใช้อย่างไรล้วนเขียนไว้หมดแล้ว”

เสียนอ๋องหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว

“ดีดี” เขาเอ่ยชม “ถ้าอย่างนั้นขอบคุณคุณหนูจวินมาก”

คุณหนูจวินคำนับเขาอีกครั้ง

“ท่านได้รับคำไหว้วานของบุตรชายเฉิงกั๋วกง ถึงเชิญข้าสินะเพคะ” นางเงยหน้าพลันเอ่ยขึ้น

เสียนอ๋องตบพุง

“กล้านัก พูดจาเหลวไหล” เขาถลึงตาท่าทางโกรธอยู่บ้าง “ข้ากระทำสิ่งใดต้องให้คนอื่นบงการด้วยรึ?”

แม้ถลึงตาจนกลม บนหน้าอ้วนตุ๊ต๊ะก็แลดูไม่น่าเกรงขาม แต่บรรยากาศในวังยังคงนิ่งชะงักไปนิดหนึ่ง

คุณหนูจวินไม่หวาดกลัว ยิ้มคำนับ

“เจ้าคนนี้ ทำกับเจตนาดีของผู้อื่นเช่นนี้รึ?” เสียนอ๋องถลึงตาเอ่ยต่อ

“ย่อมไม่ใช่เพคะ” คุณหนูจวินยิ้มส่ายศีรษะ มองเสียนอ๋อง “ข้าขอบคุณท่านอ๋องยิ่งนัก ข้าก็รับเจตนาดีของท่านด้วย”

นางพูดพลางคำนับอีกครั้ง

เสียนอ๋องตบพุง กลับมายิ้มตายิบหยีอีกครั้ง

“เอาเถอะ เอาเถอะ เขาไม่ใช่คนโง่ คนที่เขารู้จักย่อมไม่ใช่คนโง่เช่นกัน” เขายิ้มเอ่ย “ที่เจ้าพูดไม่ผิด เป็นเจ้าหนูแซ่จูคนนั้นให้ข้าเชิญเจ้ามาตรวจ”

รู้อยู่แล้วเชียวว่าเป็นจูจั้น

ลู่อวิ๋นฉีเหิมเกริมบ้าอำนาจอีกเท่าใด สำหรับเสียนอ๋องล้วนไม่ถึงกับต้องออกหน้าเป็นอริกับการกระทำของเขา ประการแรกไม่เข้ากับนิสัยของเขา ประการที่สองคุณหนูจวินก็ไม่ใช่คนสนิทคุ้นเคยมากมายของเสียนอ๋อง ที่สำคัญที่สุดก็คือการกระทำของลู่อวิ๋นฉี ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ตั้งใจจะลงโทษ

เสียนอ๋องเวลานี้มาเชิญคุณหนูจวินรักษา บางทีอาจสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ไม่สอดคล้องกับประสงค์ขององค์จักรพรรดิ

สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนมากกว่าฮ่องเต้ นี่ทำลายภาพลักษณ์นานปีขนาดนี้ของเสียนอ๋องให้เสียเปล่าอย่างแท้จริง

หากไม่ใช่ถูกคนไหว้วานมา เสียนอ๋องจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร และคนที่ทำให้เขาตอบรับการไหว้วานที่ดูอย่างไรก็ไม่คุ้มนี่ได้ ความสัมพันธ์ก็คงไม่ธรรมดาแน่นอน

หากไม่ได้เห็นจูจั้นกับเสียนอ๋องเดินคู่กัน นอกจากนี้คุยเล่นสนิทสนมกันด้วยตาตนเองวันนั้น นางก็คิดไม่ถึง

ดังนั้นเสียนอ๋องอยู่ดีๆ มาหานาง ทั้งยังเป็นเวลาที่คนมากมายหลบเลี่ยงยังแทบไม่ทันนี้อีก นางจึงคิดได้ว่าต้องมีคนไหว้วานแน่

ไหว้วานให้เสียนอ๋องคนฐานะเช่นนี้ออกมาเชิญนาง เพื่อเพิ่มอำนาจให้นางสะดวกแก้ไขสถานการณ์ลำบาก

เชิญเสียนอ๋องได้และเสียนอ๋องก็ตอบรับเขา นี่เป็นมิตรภาพที่เกิดมาจากการต่อยตีกันรึ?

คุณหนูจวินอดไม่ได้ยิ้ม

“ขอบคุณองค์ชาย” นางเอ่ยจริงใจ ย่อเข่าต่ำคำนับ “แม้ได้รับไหว้วานจากผู้อื่น การกระทำนี้ขององค์ชายก็ย่อมต้องมีใจเวทนาหม่อมฉันจากใจจริง ช่วยเหลืออย่างจริงใจ”

เสียนอ๋องตบพุงหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว

“ปากเจ้านี่หวานจริงๆ” เขาเอ่ย “มิน่าจูจั้นเจ้าหนูนั่นหลบเจ้าแทบไม่ทัน”

งั้นรึ?

เขาหลบตนเองแทบไม่ทันนั่นก็จริงอยู่ ตนเองปากหวานกับเขา ไม่เคยกระมัง?

คุณหนูจวินเหม่อลอยอยู่บ้าง ได้ยินเสียนอ๋องกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง

“คุณหนูจวิน ที่จริงก็น่าเสียดายเหมือนกัน เจ้ากับจูจั้นเจ้าหนูคนนี้ก็เหมาะสมกันเอาการ หากไม่ใช่…” เขาท่าทางปลงอยู่บ้าง พูดถึงตรงนี้ก็หยุดไปอีก ราวกับรู้สึกไม่เหมาะสม

คุณหนูจวินได้ยินหลุดหัวเราะ

นางกับจูจั้นเหมาะสมกันมากหรือ? ตรงไหนเล่า

แต่ ‘หากไม่ใช่’ หมายความว่าอย่างไร? จะพูดถึงสัญญาหมั้นของนางกับหนิงอวิ๋นเจากระมัง หากไม่ใช่มีสัญญาหมั้นอยู่กับหนิงอวิ๋นเจา เสียนอ๋องจะจับคู่พวกเขาหรือ?

คุณหนูจวินเม้มปากยิ้มทีหนึ่ง เสียนอ๋องไม่รู้ว่าเรื่องของตนเองกับหนิงอวิ๋นเจาเป็นเรื่องหลอกสินะ

“แต่ ข้าช่วยเหลือก็สมควรจริงๆ” เสียนอ๋องชะงักนิดหนึ่งก็เอ่ยอีก

สมควรอย่างไร?

คุณหนูจวินมองไปทางเขา ประหลาดใจอยู่บ้าง นอกจากถูกคนไหว้วาน ระหว่างพวกเขาคิดอย่างไรก็ไม่เหมาะสมนะ

เสียนอ๋องมองสีหน้านางยิ้มตาหยี

“คุณหนูจวินรักษาไหวอ๋องหายดี ความชอบนี้ใหญ่นัก ข้าซาบซึ้งมาก” เขาเอ่ย

คุณหนูจวินสีหน้าฝืดเฝื่อน จมูกปวดวูบหนึ่ง

คำพูดนี้ไม่ใช่ไม่เคยได้ยินมาก่อน คำพูดเช่นนี้ ฮ่องเต้เคยตรัส ไทเฮาเคยตรัส ตอนที่ได้ยิน นางเพียงรู้สึกน่าขำ ไม่เคยรู้สึกอยากร้องไห้

ทำไมได้ยินเสียนอ๋องพูดเช่นนี้ นางรู้สึกเศร้าเช่นนี้ เพราะเขาหัวเราะเอ่ยแต่น้ำเสียงกลับเศร้าโศกอยู่นิดๆ หรือเพราะความจริงใจที่ไหลออกมาจากดวงตาหยีแทบเป็นรอยแยกเส้นเดียวของเขา

รักษาไหวอ๋องหาย เขาดีใจจริงๆ ขอบคุณจริงๆ

ที่แท้นอกจากจูจั้นยังมีคนผู้นี้สนใจพวกเราสามพี่น้องเช่นนี้รึ?

คุณหนูจวินย่อเข่าก้มศีรษะคำนับอีกครั้งปกปิดอาการเสียกิริยา

“ขอบพระทัยองค์ชาย” นางเอ่ย เสียงพร่าอยู่บ้างอย่างไรก็ยากปิดบัง

แม้ปิดบัง เสียนอ๋องปราดเดียวก็ยังคงมองอาการเสียกิริยาของเด็กสาวคนนี้ออก

แค่นี้ก็ตื่นเต้นแล้วรึ? เพราะประโยคนั้นเมื่อครู่หรือ? ได้ยินว่าในวังนางถูกชมถูกติไม่สะทกสะท้าน ทำสิ่งใดล้วนเข้ากระโจมวางแผนเดินก้าวหนึ่งคิดสิบก้าว ใจกล้าเจ้าแผนการไม่ลำพองไม่ร้อนรน ดังนั้นจูจั้นถึงบอกว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนเช่นนี้

ท่าทางแบบนี้มองความร้ายกาจไม่ออกเท่าไร ตรงกันข้ามเหมือนกับแม่นางน้อยที่ได้รับความอยุติธรรมคนหนึ่ง

อืม นางเดิมทีก็เป็นแม่นางน้อยคนหนึ่งนี่นะ

เสียนอ๋องอดไม่ได้ลูบศีรษะ เขาเชี่ยวชาญการคบหากับสตรี กับแม่นางน้อยไม่เป็นจริงๆ

รู้สึกว่าตนเองรักษาไหวอ๋องหายดี ทั้งยังปลูกฝีสร้างความสุขให้ประชาชน ถูกลู่อวิ๋นฉีรังแกกลับไร้คนปกป้องเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่ยุติธรรมมากสินะ

“ไม่ต้องขอบคุณ ไม่ต้องขอบคุณ ต่อไปคุณหนูจวินอยู่ที่เมืองหวง ไหวอ๋องคงไม่แคล้วยังต้องให้ท่านสิ้นเปลืองสมองเพิ่ม” เขายิ้มตาหนีเอ่ย

ประโยคนี้ที่พูดก็คือจะให้นางดูแลไหวอ๋อง ที่จริงก็คือบอกว่าเขาจะดูแลนาง นางวางใจอยู่ในเมืองหลวงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกลู่อวิ๋นฉีไล่ไปแล้ว

นี่คงจะปลอบเด็กสาวคนนี้ได้แล้วกระมัง?

ผลปรากฏว่ากลับเห็นเด็กสาวคนนี้ยกแขนเสื้อเช็ดตา

ไม่เอาน่า ซาบซึ้งจนร้องไห้แล้วหรือ?

เสียนอ๋องส่ายศีรษะอีกครั้ง

นี่กระอักกระอ่วนแล้ว

“ขอบคุณองค์ชายที่เชื่อมั่น” คุณหนูจวินเงยหน้า สีหน้าดั่งปกติพร้อมรอยยิ้ม “เพียงแต่ไม่อาจตอบรับคำไหว้วานได้แล้ว”

เสียนอ๋องอึ้งไปเล็กน้อย

นี่หมายความว่ายังไง?

“ข้าจะออกจากเมืองหลวง กลับไปแล้ว” คุณหนูจวินเอ่ย

……………………………………….