ตอนที่ 446 การเปลี่ยนแปลงทางพระราชวัง

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 446 การเปลี่ยนแปลงทางพระราชวัง

ตอนที่ 446 การเปลี่ยนแปลงทางพระราชวัง

“เฮ้อ…ถ้าผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมคงจะรีบเข้ามาขอโทษองค์ชายรอง ช่วงนี้ผมเมินองค์ชายรองบ่อยมาก จนองค์ชายรองถูกอิทธิพลทั้งหลายครอบงำ”

หลังจากรับรู้ว่าทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด จอมพลเอเดนก็ตอบรับข้อเสนอแนะของอวี้ซินทันที ตัดสินใจให้พวกมนุษย์ปลอมตัวเป็นเอลฟ์เข้ามาแทรกซึมชนชั้นสูงของเคทเลอร์ รอจนกว่าจะถึงเวลาทำรัฐประหาร เมื่อนั้นองค์ชายใหญ่กับองค์ชายสามจะถูกกักบริเวณ

เวลาดังกล่าวใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ในขณะที่องค์ชายใหญ่กับองค์ชายสามร่วมกันแถลงการณ์ว่าองค์ชายรองวางแผนที่จะวางยาจักรพรรดิเฒ่า และองค์ชายรองสมควรได้รับโทษประหารชีวิต

ความโกลาหลบังเกิดขึ้นทันทีที่ผลการตัดสินออกมา!

ผู้บัญชาการระดับสูงของเคทเลอร์รู้ดีว่านี่เป็นเพียงคำแถลงการณ์ทรงเกียรติที่องค์ชายใหญ่กับองค์ชายสามสร้างขึ้น แท้จริงแล้วองค์ชายทั้งสององค์นี้ตั้งใจจะปลงพระชนม์จักรพรรดิเฒ่าด้วยตัวเอง!

หากแต่ประชาชนธรรมดาจะรู้ได้อย่างไร? พวกเขาคิดว่าองค์ชายรองตั้งใจจะปลงพระชนม์จักรพรรดิเฒ่าจริง ๆ!

นอกจากนี้องค์ชายรองไม่ได้อยู่ในอ้อมอกของจักรพรรดิมาตั้งแต่เด็ก เพียงแต่ถูกรับมาจากต่างดาว

[ฉันรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น!]

ประชาชนเคทเลอร์ไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นจักรพรรดิ ใครจะเป็นรัฐมนตรีการคลัง ใครจะเป็นองค์ชาย และใครจะต้องกลายเป็นนักโทษทางการเมือง สิ่งเดียวที่พวกเขาสนใจคือใครจะเป็นคนสร้างรายได้ให้พวกเขาและทำให้ชีวิตของพวกเขาเจริญรุ่งเรือง!

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็สนใจข่าวสารทางการเมืองเป็นอย่างมาก และสิ่งที่พวกเขาสนใจมากที่สุดก็คือบุคคลสำคัญที่มีหน้าตาทางสังคมได้แปรเปลี่ยนเป็นความโสมม

ขณะเดียวกัน พวกเขากำลังคุยโวโอ้อวดความคิดของตัวเองลงบนอินเทอร์เน็ต ราวกับว่าพวกเขายืนอยู่ในมุมมองของนักปราชญ์ที่ประจักษ์อยู่ในสายตาของพระเจ้า จึงเริ่มแสดงความคิดเห็นกันอย่างเต็มที่

[แม่ประเภทไหนคลอดลูกแบบนี้ออกมา คุณก็รู้ว่าองค์ชายรองเคยบอกว่าแม่ของเขาคือหญิงชายบริการ ลูกชายของหญิงขายบริการจะดีเด่อะไรได้ มองแค่แวบแรกก็รู้แล้วว่าเลว!]

[เฮ้ย! อย่าโจมตีเรื่องส่วนตัวของคนอื่นสิ แม่ประเภทไหนมีลูกแบบนี้แล้วจะทำไม?! ไม่ควรออกมาพูดเรื่องนี้ปะ!]

ยังมีคนมากมายที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย ท้ายที่สุดจักรพรรดิเฒ่ายังไม่ได้ออกมาพูดอะไร แล้วใครจะพูดได้ว่าเกิดอะไรขึ้น? เมื่อไม่นานมานี้ จักรพรรดิเฒ่ายังออกมาขับไล่องค์ชายใหญ่กับองค์ชายสามด้วยซ้ำ

[ใช่ ๆๆ! ฉันคิดว่าองค์ชายใหญ่กับองค์ชายสามน่าสงสัยกว่าอีก องค์ชายสองชนะไปแล้ว ทำไมเขาจะต้องมาฆ่าแกงจักรพรรดิด้วย?]

[พวกคุณคงไม่รู้เรื่องนี้ ผมเอะใจตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าจักรพรรดิจะต้องถูกองค์ชายสองควบคุมอยู่แน่ ไม่อย่างนั้น องค์ชายรองกับองค์ชายสามที่เป็นลูกแท้ ๆ ของจักรพรรดินีจะถูกไล่ออกจากพระราชวังได้ยังไง? ]

ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลเป็นของตัวเอง ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าทฤษฎีของพวกเขาถูกต้อง

ท่ามกลางกระแสความคิดเห็นของประชาชน นักธุรกิจจำนวนมากที่ดูคล้ายคลึงกับเอลฟ์ได้เข้ามายังจักรวรรดิเคทเลอร์ทีละคน

ซินหยาถูกกุมขังอยู่ในคุกเพียงลำพัง ภายในมืดมิดไร้แสงไฟ

ทว่าเขาไม่ได้รู้สึกกลัว เพราะมีหุ่นยนต์นาโนอยู่เคียงข้างหูของเขา คนภายนอกสามารถติดต่อและรายงานสถานการณ์ผ่านหุ่นยนต์นาโนให้เขาได้ตลอดเวลา

“อีกครึ่งชั่วโมงจะมีคนมาเปิดประตูคุกใต้ดิน ใส่เสื้อและรีบออกไปกับเขา ไม่ต้องห่วง คนคนนั้นเป็นคนของเรา…”

ซินหยาพยักหน้า เขาไม่กล้าเปล่งเสียงออกไป เพราะเขาไม่รู้ว่าที่นี่มีกล้องวงจรปิดอยู่หรือไม่?

ตอนนี้องค์ชายสามกับองค์ชายใหญ่กำลังนั่งอยู่ที่พระราชวัง ขณะที่จักรพรรดิเฒ่านอนอยู่บนเตียง เขาจ้องมองทั้งสองอย่างไร้ความรู้สึก…

“ท่านพ่อ ท่านควรจะจดพระราชโองการเอาไว้ซะ! จะได้ไม่ต้องมานองเลือดกันแบบนี้ อีกอย่างท่านยังเก็บลูกชายรองสุดที่รักเอาไว้ได้”

องค์ชายสามบอกผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ฮึ่ม ให้ข้าเขียนงั้นเรอะ? แล้วจะให้ส่งต่อให้ใครล่ะ? ให้ลูกชายอกตัญญูอย่างพวกแกทั้งสองหรือไง?” จักรพรรดิเฒ่าพูดเยาะเย้ย “ข้าไม่คิดว่าพวกเจ้าทั้งสองจะมีความสามารถนักหรอก ริอาจมาคิดให้ข้าสละบัลลังก์”

“ท่านพ่อนั่นแหละที่บีบบังคับให้พวกเราทำแบบนี้! ท่านแม่เพิ่งจะจากไปไม่ถึงสองปี ท่านก็ลำเอียงไปหาชายรองออกนอกหน้า มันจะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?” องค์ชายใหญ่พูดออกมาอย่างเย็นชา

“ข้าลำเอียง แล้วพวกเจ้าสองคนทำอะไรที่ทำให้ข้าถึงต้องลำเอียงแบบนี้ล่ะ? ข้าไม่สนใจหรอกว่าพวกเจ้าทั้งสามจะต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์กันยังไง ข้าเพียงแค่รอดูตอนจบเท่านั้น”

“แต่พวกเจ้ากลับขโมยภาษีของบ้านเมืองไปอยู่ในกำมือตัวเอง ทิ้งผลประโยชน์ของประเทศชาติไว้ด้านหลัง นี่คือสิ่งที่คนเป็นจักรพรรดิควรทำงั้นหรือ?”

จักรพรรดิเฒ่าพ่นคำพูดออกไปอย่างเย็นชา เขามองดูลูกชายทั้งสองด้วยความผิดหวังอย่างมาก

ทว่าความแค้นในใจขององค์ชายใหญ่กับองค์ชายสามมีมากเกินไป พวกเขาเป็นองค์ชายของจักรวรรดิ เป็นลูกชายตามสายเลือดของจักรพรรดิ แต่เพราะอะไรพวกเขาถึงถูกเนรเทศออกจากเมืองหลวงด้วยเงินตราที่ได้มาจากภาษีประชาชนเพียงเล็กน้อย?

พวกเขาไม่พอใจอย่างมาก!

จักรพรรดิเฒ่ามองดูพวกเขา และไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก

ในขณะเดียวกัน อวี้ซินก็กำลังประสบเข้ากับปัญหา

องค์ชายรองโมยาตได้หลบหนีไป!

“พลังดวงดาวของเขาถูกผนึกไว้แล้ว ทำไมยังหนีไปได้อีก? พวกแกบอกว่ามาเกิดอะไรขึ้น?” อวี้ซินพูดขึ้นด้วยใบหน้าขุ่นเคือง มองดูคนตรงหน้าเขาที่รับผิดชอบดูแลโมยาต

ตอนนี้กำลังเป็นช่วงเวลาสำคัญ หากโมยาตวิ่งออกไปจริง ๆ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงอย่างมาก ความพยายามของพวกเขาที่สั่งสมมาหลายปีจะไร้ประโยชน์

“รีบไปตามหาซะ!”

ซินหยาได้รับความช่วยเหลือให้ออกมาจากคุก

จอมพลเอเดนยืนอยู่ที่หน้าประตูพระราชวัง ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่ทหารของเขาเท่านั้น แต่ยังมีทหารมนุษย์อีกจำนวนมากที่อยู่ในร่างเอลฟ์

โอคาซีแฮกเข้าไปในระบบแผนป้องกันของพวกเขา และปล่อยให้กองกำลังของจอมพลเอเดนเข้ามา ขณะนี้กองกำลังทั้งสองฝั่งมีกำลังเท่าเทียมกัน หากมีสงครามเกิดขึ้น คงยากที่จะเดาว่าใครจะแพ้หรือใครจะชนะ

ซินหยาวิ่งออกไปพร้อมกับหุ่นยนต์นาโนของโอคาซี มุ่งหน้าตรงไปยังห้องบรรทมของจักรพรรดิเฒ่า

ในขณะที่โอคาซีมาถึงหน้าห้องบรรทมของจักรพรรดิเฒ่าได้ทันเวลา และในที่สุดทั้งสองคนก็พบกัน

ทั้งสองคนเคยพูดคุยกันผ่านหุ่นยนต์นาโนมาก่อน และนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบหน้ากัน

ตอนนี้พวกเขาไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบเข้าไปช่วยจักรพรรดิเฒ่าที่อยู่ข้างใน

องค์ชายใหญ่กับองค์ชายสามจะรู้ได้อย่างไรว่าองค์ชายรองได้รับการช่วยเหลือแล้ว?

พวกเขาวางยาพิษจักรพรรดิเฒ่า และบุคคลภายนอกจะไม่สามารถตรวจพบยาพิษชนิดนี้ได้ เพราะคิดว่าจักรพรรดิเฒ่าสิ้นชีพลงด้วยอายุไข

“เจ้าลูกชั่ว! ลูกชั่ว!” จักรพรรดิเฒ่ากลิ้งตัวอยู่บนเตียงด้วยความทุกข์ทรมาน ก่นด่าลูกชายทั้งสองด้วยความโกรธจัด ทว่าลูกชายทั้งสองกลับจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา

“ท่านพ่อ ท่านควรจะส่งมอบแผนที่ปฏิบัติการทางทหารของจักรวรรดิให้เราซะ!” องค์ชายใหญ่พูด “ท่านอยากจะให้ทั้งจักรวรรดิตกอยู่ในช่วงวิกฤตหรือไง?”

“ไปให้พ้น ข้ายอมให้จักรวรรดิพังทลายลงดีกว่าบอกลูกอกตัญญูอย่างพวกเจ้า!”

“จะไม่บอกใช่ไหม? ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ยังไงซะเราก็มีวิธีหาแผนที่นั่นอยู่ดี”

“พวกเจ้าทำอะไรท่านพ่อ?” องค์ชายทั้งสองเฝ้าดูผู้เป็นพ่อก้าวไปสู่ที่แห่งความตายอย่างมีชัย แต่กลับคาดไม่ถึงว่าชายรองจะรีบพุ่งเข้ามาในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้