บทที่ 395 การเดิมพันของอริยะ จักรพรรดิสวรรค์องค์ถัดไป

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 395 การเดิมพันของอริยะ จักรพรรดิสวรรค์องค์ถัดไป

หลังจากที่หานเจวี๋ยตั้งเป้าหมายในการบำเพ็ญแล้ว เขาก็ปิดด่านฝึกบำเพ็ญต่อ

เหลือเพียงปฐมเทพขั้นหกเท่านั้นที่ขวางกั้นเขาจากระดับต้าหลัว อีกไม่ไกลแล้ว!

ในขณะที่หานเจวี๋ยแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นเดียวกัน

อีกราวเจ็ดปีต่อมา

การพิสูจน์จักรพรรดิของถูหลิงเอ๋อร์สำเร็จลุล่วง ไม่เสียชื่อความหวังแห่งเผ่าจอมเวท

ศิษย์หญิงสองคนนำหน้าในการพิสูจน์จักรพรรดิ เป็นแรงผลักดันครั้งใหญ่ให้กับบรรดาศิษย์ชายคนอื่นๆ

ศิษย์คนอื่นๆ เริ่มฝึกฝนบำเพ็ญอย่างหนักหน่วง

เพียงพริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปอีกสามสิบปี

หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งเฮ่าเทียนและหลี่เสวียนเอ้า

เขาสาปแช่งไปพลาง อ่านจดหมายไปพลาง

[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังแห่งวังสวรรค์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ] x14

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเผ่ามังกรแท้] x403322

[โจวฝานสหายของท่านถูกสะกดโดยตี้หล่านเทียนสหายของท่าน ถูกคุมขังที่ดวงอาทิตย์]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านได้รับสืบทอดวิชาจากจักรพรรดิสวรรค์ ได้รับพลังวิเศษไร้เทียมทาน]

[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเผ่าเทพอีกาทอง] x689

[ผานซินสหายของท่านกลายเป็นผู้ฝ่าเคราะห์]

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว สงครามภายในวังสวรรค์หรือ

เหตุใดฟางเหลียงถึงได้รับวิชาสืบทอดจากจักรพรรดิสวรรค์ นี่เป็นการส่งไม้ต่อหรืออย่างไร

โจวฝานถูกตี้หล่านเทียนสะกดไว้ แต่ไม่ถูกสังหาร ดูเหมือนว่าตอนนี้โจวฝานจะไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ยังมีผานซิน…คนผู้นี้ใจเสาะมากไม่ใช่หรือไง เหตุใดจึงตกเป็นผู้ฝ่าเคราะห์อีกแล้ว

ตัวเขาเองเป็นถึงมหาจักรพรรดิไร้ขอบเขตด้วยซ้ำ เคยเอาชนะมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตได้รับดวงชะตาอันยิ่งใหญ่มาแล้ว ทำไมถึงก้าวสู่เคราะห์กรรมอีก

หานเจวี๋ยอ่านหน้าจอแสดงคุณสมบัติของผานซินอีกครั้ง

[ผานซิน: ไม่ทราบตบะ เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตพวกแรกนับตั้งแต่เบิกฟ้า เคยประสบมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต ท่องไปในโลกมนุษย์ เนื่องจากเกรงว่าเจ้าแห่งมหาเคราะห์โบราณจะพบตัว จึงแฝงตัวอยู่ในแม่น้ำมรรคกระบี่ เกิดความประทับใจในตัวท่านเนื่องจากนิสัยจริงใจของท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]

โอ้ ที่แท้เขาก็ไม่ได้เป็นมหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต แค่เคยประสบมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตมาก่อนเท่านั้น

ว่าแล้วเชียว คนขี้ขลาดตาขาวอย่างเจ้านั่นจะเอาชนะมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตได้อย่างไร

หานเจวี๋ยไม่สนใจผานซินอีกต่อไป ต่อให้ผานซินจะตกตายไป เขาก็ไม่คิดจะแยแสอีก

ครึ่งเดือนต่อมา หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลงและเอ่ยถามในใจ ‘ข้าอยากรู้ว่าจักรพรรดิสวรรค์จะมีชีวิตรอดในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งนี้หรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งร้อยล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการ!

[ไม่รอด]

คำง่ายๆ เพียงสองคำเป็นดั่งน้ำเย็นยะเยือกราดรดหัวใจของหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ทำไมจู่ๆ ถึงไม่รอดล่ะ เกิดอะไรขึ้น

หานเจวี๋ยถามต่อ ‘ข้าอยากรู้ว่าใครจะเป็นผู้กำชัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งนี้’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสามพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

สามพันล้านปี! นี่มันระดับครึ่งอริยะแล้วนะ!

หัวใจของหานเจวี๋ยสั่นสะท้าน

ดำเนินการ!

จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยเกิดอาการวิงเวียน จากนั้นก็เข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว

เหนือท้องพระราชวังที่พังทลาย มีร่างร่างหนึ่งลอยคว้างอยู่กลางอากาศ รอบกายโอบล้อมด้วยลำแสงหลากสีสัน ราวกับมังกรและอสรพิษ

นี่คงไม่ใช่…

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน!

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น

เป็นคนผู้นี้จริงๆ เขาเป็นผู้สนับสนุนของจักรพรรดิสวรรค์ไม่ใช่หรือ เขาชนะแล้ว เหตุใดจักรพรรดิสวรรค์ถึงตายล่ะ เป็นไปได้หรือไม่ว่าจักรพรรดิสวรรค์ถูกเขาสังเวยชีวิต

ยิ่งคิดมากเท่าไรหานเจวี๋ยก็ยิ่งเห็นถึงความเป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น

ทันใดนั้นร่างร่างหนึ่งเดินเข้ามาในพระราชวัง นั่นคือแม่ทัพสวรรค์ผู้ทรงพลัง หรือแม่ทัพเทพสวรรค์นั่นเอง

หานเจวี๋ยไม่รู้จักแม่ทัพเทพสวรรค์

แม่ทัพเทพสวรรค์สาวเท้ามาหยุดเบื้องหน้าจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนและคุกเข่าลง ประสานมือและกล่าวว่า “ฝ่าบาท จักรพรรดิเซียนวัฏจักรถูกประหารชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนกล่าวทั้งที่ยังไม่ลืมตา “กวาดล้างสิ่งมีชีวิตมรรคาสวรรค์ให้สิ้นซาก สังหารให้เกลี้ยง ข้าจะสร้างดินแดนมรรคาสวรรค์ขึ้นมาใหม่”

“แต่มรรคาสวรรค์…”

“เราปิดกั้นกลไกสวรรค์แล้ว เจ้าจงรีบลงมือเสีย!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

แม่ทัพเทพสวรรค์ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป

หานเจวี๋ยเดือดดาล เหตุใดต้องฆ่าล้างโลกอีก ผู้ทรงพลังที่ได้รับชัยชนะในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตพวกนี้สติวิปลาสไปกันหมดแล้วหรือไร

ภาพลวงตาวิวัฒนาการแตกสลายลง

จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยกลับคืนสู่ความเป็นจริง

‘ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนจึงสังหารจักรพรรดิสวรรค์’ หานเจวี๋ยเอ่ยถามในใจ

เขาเริ่มที่จะฉลาดขึ้นมา ถามหนึ่งคำถามให้ได้สองคำตอบ

คำถามนี้อาจยืนยันได้ว่าจักรพรรดิสวรรค์ถูกสังหารโดยจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนจริงหรือไม่ ถ้าจริง แล้วแรงจูงใจของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนคืออะไร

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการ!

อายุขัยพวกนี้ไม่ต่างอะไรกับเม็ดฝนโปรยปราย!

หานเจวี๋ยเข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการอีกครั้ง

เขากลับมาที่พระราชวังแห่งนั้นอีกครั้ง แต่เป็นในสภาพที่ยังไม่พังทลาย หานเจวี๋ยคาดเดาว่าที่นี่คือพระราชวังเทียมเมฆา

จักรพรรดิสวรรค์ประทับอยู่บนบัลลังก์สูง รายล้อมด้วยหมู่เทพเซียนหลายสิบองค์ในท้องพระโรง

พวกยอดแม่ทัพเทพ จี้เซียนเสิน ฟางเหลียง หลี่เต้าคง และหลี่เสวียนเอ้าล้วนอยู่ด้วย

สีหน้าของจักรพรรดิสวรรค์ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก แววตาเย็นชาหาใดเปรียบ พร้อมกับแผ่รังสีอำมหิตออกมา

“จักรพรรดิสวรรค์ เจ้ากำลังทรยศข้าจริงๆ หรือ”

เสียงของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนดังขึ้นกลางท้องพระโรงอย่างกะทันหัน ยากที่จะหาต้นตอของเสียงนั้น

จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยอย่างเย็นชา “เราไม่ได้ทรยศเจ้า เจ้าต่างหากที่ทรยศวังสวรรค์ ทรยศมรรคาสวรรค์!”

เหล่าเทพเซียนในท้องพระโรงต่างเหลียวซ้ายแลขวา ส่วนใหญ่มีสีหน้าหวาดกลัว

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนหัวเราะเยาะ และกล่าว “วังสวรรค์ของบรรพชนเต๋า หรือวังสวรรค์ของมรรคาสวรรค์กันแน่ สิ่งที่เจ้าบังคับให้วังสวรรค์ทำนั้นเพื่อมรรคาสวรรค์จริงๆ หรือ”

จักรพรรดิสวรรค์กล่าว “ความคิดของเจ้ามันบ้าคลั่งเกินไป เราไม่มีทางทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง และช่วยเจ้าสร้างดินแดนมรรคาสวรรค์ของเจ้าขึ้นมาใหม่หรอก”

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “อริยะต่างก็เห็นชอบกันหมดแล้ว เจ้าจะยืนกรานอยู่ฝ่ายเดียวหรือ”

“เราจะฟังแต่บรรพชนเต๋าเท่านั้น!”

“บรรพชนเต๋าสิ้นไปนานแล้ว เขาหลอมรวมกับมรรคาสวรรค์ ไม่แบ่งแยกกันอีกต่อไป”

“เช่นนั้นเราก็จะปกป้องมรรคาสวรรค์ยิ่งกว่าเดิม!”

“บังอาจ!”

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนบันดาลโทสะอย่างรุนแรง พระราชวังเทียมเมฆาเริ่มสั่นไหว

จากนั้นภาพก็พลันสลายไป

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ที่แท้ก็เป็นเพราะความคิดสวนทางกัน จักรพรรดิสวรรค์จึงแตกหักกับจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน

แม้ว่าจะรับรู้เรื่องนี้มาจากการวิวัฒนาการครั้งก่อน แต่หานเจวี๋ยก็ไม่ได้รู้สึกแย่แต่อย่างใด อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าจักรพรรดิสวรรค์ตายในเงื้อมมือของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน

ทีนี้ก็กำหนดเป้าหมายโจมตีได้!

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเหมือนจอมวายร้ายไม่มีผิด เป้าหมายของจอมวายร้ายคือการทำลายล้างโลก

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนไม่ได้ทำเพื่อแก้แค้นทุกคน แต่เป็นการสนองตัณหาตนเองเท่านั้น สร้างดินแดนมรรคาสวรรค์ของตนขึ้นมาใหม่ เช่นนั้นเขาก็เป็นมรรคาสวรรค์เองน่ะสิ

ช่างฝันเฟื่องเสียจริง!

หานเจวี๋ยจับจุดได้อย่างหนึ่ง จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนกล่าวว่าอริยะต่างเห็นชอบทั้งหมด หากเป็นความจริง แค่คิดก็น่าขนลุกแล้ว

หรือนี่จะเป็นการเดิมพันระหว่างอริยะและบรรพชนเต๋า

เป็นที่ทราบกันดีว่า บรรพชนเต๋าคือผู้ทรงพลังที่เผยแพร่วิถีแห่งการบำเพ็ญให้แก่สรรพสิ่งในมรรคาสวรรค์ และยังเป็นอริยะคนแรกในโลกาสวรรค์ เป็นผู้ชี้ทางให้แก่หมู่มวลสรรพชีวิต

ข้อมูลที่หานเจวี๋ยรับรู้มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ คือที่บรรพชนเต๋าหายตัวไป ก็เพื่อทะลวงระดับที่แข็งแกร่งขึ้น และหลอมรวมกับมรรคาสวรรค์

การโค่นล้มมรรคาสวรรค์เท่ากับการโค่นล้มบรรพชนเต๋าไปด้วยไม่ใช่หรือ

ยิ่งคิดมากเท่าไรหานเจวี๋ยก็ยิ่งเห็นถึงความเป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น

มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งนี้นับวันยิ่งทวีความอันตราย

ไม่ได้! หานเจวี๋ยต้องรีบบรรลุเป็นต้าหลัวให้เร็วขึ้น มิฉะนั้นก็ยากที่จะปกป้องตัวเอง

หานเจวี๋ยหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาติดต่อจักรพรรดิสวรรค์

ไม่นาน จิตรับรู้ก็เชื่อมต่อกันได้สำเร็จ

“ฝ่าบาท ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ” หานเจวี๋ยถามอย่างตรงไปตรงมา

จักรพรรดิสวรรค์ตอบกลับ “พอประทัง วังสวรรค์เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น แต่ผลกระทบไม่หนักหนา”

ความเหนื่อยล้าแฝงเร้นอยู่ในน้ำเสียงของเขา

“จริงสิ เราตัดสินใจเลือกฟางเหลียงศิษย์หลานของเจ้ามาเป็นจักรพรรดิสวรรค์องค์ถัดไป เตรียมตัวอบรมเขาด้วยล่ะ”

คำพูดของจักรพรรดิสวรรค์ชวนให้ตกใจเสียจนหานเจวี๋ยมือสั่น เกือบทำป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์หลุดมือ

………………………………………