ตอนที่ 290 รางวัลเล็กน้อยจากความสับสนของเต๋าสวรรค์ (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 290 รางวัลเล็กน้อยจากความสับสนของเต๋าสวรรค์ (2)

ใบหน้าของเจียงหลินเอ๋อร์ขึ้นสีก่ำทันทีขณะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และกล่าวว่า “ข้าก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน… บางที เราน่าจะรอให้ยาออกฤทธิ์ก่อน…”

“ก็ดี”

ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม จากนั้นทั้งสองก็นั่งอยู่ใต้ต้นหลิว ต่างมองสบตากันและกัน ขณะรออย่างเงียบๆ

ครู่ต่อมาหลังจากนั้น…

“ดื่มมากกว่านี้อีกหรือไม่?”

เจียงหลินเอ๋อร์ถามอย่างอ่อนโยน

ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งลูบคางและพึมพำกับตัวเองก่อนจะพยักหน้าช้าๆ แล้วหยิบไหสุรามารินใส่จอกให้ตัวเองอีกหนึ่งจอก

หลังจากนั้นสักครู่…

“รู้สึกอะไรหรือไม่?” เจียงหลินเอ๋อร์ถามด้วยความฉงน

ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งยิ่งขมวดคิ้วมากขึ้น แล้วหยิบไหสุราขึ้นมาดื่มหมดรวดเดียวก่อนจะวางมันลง จากนั้น ทั้งสองต่างก็มองหน้าสบตากัน

ใบหน้างามของเจียงหลินเอ๋อร์แดงก่ำ แต่ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งนั้นจริงจังมากขณะนั่งขัดสมาธิและพยายามค้นหาฤทธิ์ยาอย่างเต็มที่

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม… ทั้งสองต่างก็มองหน้ากันใต้ต้นไม้ จากนั้น ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งก็เริ่มหลับตาลงเพื่อตรวจสอบดูว่ามี… สิ่งผิดปกติใดแฝงอยู่ในร่างของเขาหรือไม่

“พรืด!”

ในกระท่อมมุงจาก หลิงเอ๋อร์อดหัวเราะออกมาดังๆ ไม่ได้ขณะเอามือเล็กๆ ปิดปากไว้ขณะขดตัวเป็นลูกทรงกลมอยู่บนเก้าอี้แล้วตัวสั่นไม่หยุด

บัดนั้น หลี่ฉางโซ่วซึ่งอยู่ที่ด้านข้างนาง ก็มีเส้นสายสีดำปูดโปนขึ้นมาบนหน้าผากขณะจ้องมองไปที่คู่รักเซียนอาวุโสใต้ต้นไม้

มันเรื่องบ้าอันใดกันนี่?

ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งไม่เข้าใจเรื่องนี้เลยจริงๆ หรือ?

เป็นไปได้หรือไม่ว่า ในช่วงชีวิตหลายปีที่ยาวนานของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งผู้นี้ เขามีใจมุ่งมั่นฝึกฝนจิตใจให้ผ่องแผ้วทั้งหมดเพียงอย่างเดียวอยู่ตลอดเวลาโดยไม่เคยวอกแวกเลย และไม่ได้ใช้สัมผัสเซียนรับรู้เพื่อตรวจสอบคู่บำเพ็ญเต๋าที่มีระดับพลังปราณต่ำในสำนักเลย?

เป็นไปได้อย่างไรกันนี่!

ทว่าเป็นไปได้สิ…

เมื่อดูสีหน้าท่าทางและสายตาของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งเช่นนี้…

ก็รู้สึกว่า ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งกำลังพยายามใช้พลังเซียนเพื่อค้นหาฤทธิ์ยาของน้ำเสน่หาที่ไม่มีอยู่จริงอย่างเต็มที่…

หลี่ฉางโซ่วนึกไม่ออกจริงๆ ว่า เขาเป็นเซียนอาวุโสที่สามารถสร้างคู่บำเพ็ญเต๋าขึ้นมาได้ห้าคู่จากศิษย์ทั้งเก้าคนของเขา!

ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ด้านบน ข้าจะบอกปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งได้อย่างไรว่า หากเขาทำเพียงแค่จับมือกัน ก็จะไม่มีวันมีลูกได้?

หลี่ฉางโซ่วอดจะคร่ำครวญไม่ได้ เขารู้สึกอับจนหนทางเล็กน้อยกับสถานการณ์ในยามนี้…

เขาไม่อาจส่งข้อความเสียงเพื่อชี้แนะแนวทางเขาอย่างลับๆ ได้ มันจะมีกรรมมาเกี่ยวข้องมากเกินไป

ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งได้ออกจากยอดเขาหยกน้อยไปในตอนพลบค่ำ จากนั้น เจียงหลินเอ๋อร์ก็รีบไปยังที่ซ่อนของหลี่ฉางโซ่วและหลิงเอ๋อร์อย่างรวดเร็วยิ่ง

แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วไม่อาจบอกได้ว่า เขาให้โอสถปลอมกับนาง เขาเพียงแย้มยิ้มและชี้แจงว่า อาจเป็นเพราะปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งนั้นมีฐานพลังปราณแข็งแกร่งเกินไป และโอสถที่ศิษย์น้องตัวน้อยของเขาสกัดกลั่นขึ้นมานั้น ไม่มีฤทธิ์เพียงพอ

เมื่อเจียงหลินเอ๋อร์คิดอย่างรอบคอบแล้ว ก็พบว่ามันสมเหตุสมผล

จากนั้น เจียงหลินเอ๋อร์ก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วนอนลงบนเตียงของหลิงเอ๋อร์

เมื่อรำลึกได้ว่า การนอนคว่ำอยู่บนพื้นจะไม่ดีสำหรับนางอย่างมาก นางจึงพลิกตัวกลับ

ที่เรียกว่า ปลาเค็ม[1]โลกบรรพกาลนั้น อาจหมายถึงบางอย่างเฉกเช่นนาง

หลี่ฉางโซ่วถาม “ปรมาจารย์ ท่านอยากทำอะไรต่อไป? ในเมื่อบัดนี้ ท่านก็รู้ใจและความรู้สึกของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งแล้ว ท่านฉวยโอกาสนี้ไล่ตามพิชิตเขาให้ได้น่าจะดีกว่า และไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้ล่าช้าเกินไป”

“เฮ้อ ข้าจะไล่ตามพิชิตเขาได้อย่างไร” เจียงหลินเอ๋อร์ตอบอย่างอ่อนแรงว่า “ในฐานะสตรี ข้าไม่อาจเป็นฝ่ายเริ่มสอนเรื่องแบบนี้ให้เขาก่อนได้ อีกอย่าง ปรมาจารย์อย่างข้าผู้นี้… ก็ไม่รู้อะไรมาก…

อา! ช่างมันเถิด!

ยิ่งพูด ก็ยิ่งวุ่นวายมากขึ้น เช่นนั้นก็ช่างมันเถิด!”

ดูเหมือนว่า หลี่ฉางโซ่วอยากจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ก็ลังเลและระงับเอาไว้ ทันใดนั้น ก็ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นจากปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งก่อน จากนั้นเขาก็ทำการคารวะเต๋าให้ปรมาจารย์ใหญ่ของเขา แล้วจากไป

เมื่อถึงยามราตรี หลี่ฉางโซ่วก็ขี่เมฆบินกลับไปที่หอโอสถ และครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา

เขามีปัญหา…เชิงวิชาการเล็กน้อย

หลี่ฉางโซ่วเพ่งจิตไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในงานเลี้ยงของงานอภิเษกในวังมังกร จากนั้น เขาก็ลืมตาแล้วมองเทพเฒ่าจันทราที่อยู่ด้านข้างเขา

การครองคู่ในระหว่างสวรรค์และปฐพีนี้ อยู่ภายใต้การควบคุมของชายชราผู้นี้ เขาจึงถามเทพเฒ่าจันทราว่า มีเคล็ดลับบางอย่างเพื่อ ‘การเพิ่มพูนความรู้’ บ้างหรือไม่!

ทันใดนั้น เทพเฒ่าจันทราก็ตะลึงงันเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามผ่านการส่งข้อความเสียงเข้ามา

“สหายเต๋าเทพแห่งท้องทะเล” เทพเฒ่าจันทราตอบว่า “ข้าเป็นเพียงเซียนผู้น้อยที่มุ่งสร้างคู่รัก แต่ไม่ได้ดูแลว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ข้าจับคู่แล้ว ข้าจะสอนเรื่องสำคัญในการเจริญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มแหยแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้น ก็ถือเสียว่า ข้าไม่ได้ถามเรื่องนี้แล้วกัน ขอบคุณสหายเต๋า ข้าจะพยายามคิดหาหนทางต่อไป”

เทพเฒ่าจันทรารู้สึกฉงน แล้วถามว่า “สหายเต๋ากำลังพยายามจะจับคู่กับผู้ใดหรือไม่”

“ใช่แล้ว เป็นสหายของข้าสองคน” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “ผู้หนึ่งเรียบง่ายไร้เดียงสาในขณะที่อีกผู้หนึ่งก็บริสุทธิ์อย่างยิ่ง เมื่อทั้งสองอยู่ด้วยกัน พวกเขาก็พูดคุยกันแต่เรื่องการฝึกบำเพ็ญเต๋าหรือการมีอายุยืนยาว มันช่างยากจริงๆ”

เทพเฒ่าจันทรายิ้มและกล่าวว่า “หากสหายเต๋ายังไล่ตามเรื่องเหล่านี้ต่อไปอย่าง ย่อมจะไม่เป็นผลดีอย่างมาก คู่บำเพ็ญเต๋ามีขึ้นเพื่อเป็นสหายร่วมการฝึกบำเพ็ญเพียร ในเมื่อเป็นเซียนแล้ว ไยต้องใส่ใจเรื่องนี้มากถึงเพียงนั้นด้วย? หากไม่อยากมีลูกก็ไม่ต้องขออะไรมาก เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน”

หลี่ฉางโซ่วประสานมือคารวะให้เทพเฒ่าจันทราและกล่าวว่า “ขอบคุณเทพเฒ่าจันทราที่ชี้แนะข้า”

แม้ว่าจะไร้ประโยชน์

ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วได้ไปกับเทพเฒ่าจันทราและเหล่าแม่ทัพสวรรค์ทั้งหลาย แล้วดื่มสุราไปสองสามจอกแต่เขาก็นึกไม่ออกว่าเขาไปที่โต๊ะใดบ้าง และตรงหน้าเขา ก็ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอาหารทะเลท้องถิ่น

น่าเสียดายที่เขาไม่ได้พาหลิงลี่มาด้วย

หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ฟุ้งซ่านอีกครั้ง

ในขณะนั้น ร่างหลักในห้องลับใต้ดินก็กางกระดาษแผ่นหนึ่งออก และพยายามอย่างหนักเพื่อรำลึกถึงการศึกษาสากลที่เขาได้รับมาในชีวิตก่อนหน้านี้ ผสมผสานบลักษณะที่ไม่สมบูรณ์ของโลกบรรพกาล และเริ่มรวบรวมตำราสมบัติแสดงภาพตัวอย่างประกอบให้กับท่านปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง

หลังเที่ยงคืน…

“สำเร็จแล้ว!”

บัดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หยุดการลงพู่กันวาดภาพ และยกมือปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขา

หลังจากนั้น ก็ให้อาจารย์ลุงจิ่วอูมอบสิ่งนี้ให้ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง ดังนั้น เขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปในภายหลัง

เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างกรรม หลี่ฉางโซ่วจึงเพิ่งเผยศาสตร์การต่อสู้สิบแปดวิธีจากอาจารย์ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาเท่านั้น…

อืม เขาเรียนรู้ราวหนึ่งในสิบส่วนของมัน

ขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังจะเก็บพู่กันและหมึกออกไป ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ และมีอารมณ์ขันชั่วร้ายอยู่ในรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา จากนั้น เขาก็หยิบพู่กันขึ้นมาและเขียนตัวอักษรตัวเล็กสี่ตัวบน “ภาพวาดลับสุดยอด” ชุดนี้

“ชุดคู่บ่าวสาวใหม่”

หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็วางพู่กันที่ทำขึ้นเองและเหยียดยืดกล้ามเนื้อ

ขณะที่เขาเพียงกำลังจะใช้พลังเซียนเพื่อผนึกภาพวาดสมบัติที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างพากเพียร จู่ๆ ก็มีลำแสงสีทองสาดส่องมาอยู่ตรงหน้าเขา!

พลังบุญแห่งเต๋าสวรรค์สาดส่องลงมาที่ปราณวิญญาณของเขาโดยตรง

นี่…

หลี่ฉางโซ่วอดจะตกตะลึง ไม่ได้แล้วมองลงไปที่ภาพวาดก่อนจะมองดูตัวเองที่ได้เพิ่มบุญสำรองขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

สิ่งนี้ก็ได้ผลด้วยหรือ?

หรือว่า เต๋าสวรรค์กำลังเผยนัยให้ข้ารู้ว่า หากข้าเผยแพร่สิ่งนี้ออกไป ข้าก็จะได้รับบุญตอบแทนเพิ่มมากขึ้น

ช่างมันเถิด กรรมของสิ่งนี้ใหญ่หลวงเกินไปจริงๆ

หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะและเขียนประโยคท้ายภาพวาดลับสุดยอดนี้…

“อ่านแล้วเผาทิ้งทันที ห้ามเผยให้ผู้ใด”

เน้นคำว่า ‘มั่นคง’ เป็นสำคัญ

แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะบังคับเอาคืนบุญซึ่งเต๋าสวรรค์ได้มอบให้กับเขาไปแล้ว

……………………………………………………………..

[1] ผู้ที่ไร้ความสามารถ ขี้แพ้