บทที่ 381 ห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่น

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

มารุตขยับแว่นแล้วตอบกลับว่า : “เกี่ยวกับหมายเลขนั้น หมายเลขนั้นน่าจะเป็นหมายเลขที่นิรุตติ์เพิ่งซื้อมาใหม่ ผมสืบดูแล้ว นอกจากเขาจะติดต่อกับคุณผู้หญิงแล้ว เขายังติดต่อกับคนคนหนึ่งด้วย”

“ใคร ?”

“คุณหนูนวิยาครับ” มารุตค่อย ๆ เอ่ยชื่อสามพยางค์ออกมา

นัทธีรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก “นวิยา ?”

“ใช่ครับ” มารุตพยักหน้า

นัทธีเม้มริมฝีปากบาง ๆ ของเขาจนเป็นเส้นตรง “ทำไมเขาถึงติดต่อกับนวิยา ?”

“เรื่องนี้ผมเองก็ไม่ทราบครับ หรือท่านประธานจะลองถามคุณหนูนวิยาดูครับ ?” มารุตเอ่ยแนะนำ

นัทธีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง และลูบขมับของเขา “ฉันรู้แล้ว คืนนี้กลับไปฉันจะลองถามเธอดู คุณออกไปได้แล้ว”

“ครับ” มารุตขานรับ แล้วหันหลังเดินกลับออกไป

นัทธีเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาจ้องมองเพดานด้วยแววตาลึกซึ้ง รู้สึกเพียงว่าอ่อนล้าทั้งกายและใจ

ผ่านไปสักพัก จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้น จากนั้นจึงหยิบเสื้อคลุมบนราวมาพาดไว้บนแขน แล้วเดินออกจากห้องทำงานไป จากนั้นจึงขับรถออกจากบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป

นัทธีขับรถมาจนถึงคฤหาสน์ไชยรัตน์

ขณะที่ขงเบ้งและคุณหญิงอัณณ์กำลังดูโทรทัศน์อยู่ พ่อบ้านก็เดินเข้ามา “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง คุณชายนัทธีมาครับ”

สองสามีภรรยาหันมองหน้ากันทันที “เขามาทำไม ?”

ขงเบ้งส่ายหัว “ไม่รู้เหมือนกัน ให้เขาเข้ามาก่อนสิ”

พ่อบ้านพยักหน้า จากนั้นจึงออกไปต้อนรับ

ไม่ช้า นัทธีก็เดินเข้ามา

ขงเบ้งเดินเข้าไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม “ไม่ง่ายเลยที่นัทธีจะกลับมาคฤหาสน์ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ?”

คุณหญิงอัณณ์เองก็หันมองนัทธี “นัทธี นั่งก่อนสิ”

“ไม่ล่ะครับ” นัทธีเอ่ยปฏิเสธ แล้วหันไปตอบกลับขงเบ้ง : “ผมมาที่นี่ เพราะอยากมาดูห้องของคุณพ่อคุณแม่”

“มาดูห้องของน้องรอง ?” ขงเบ้งขมวดคิ้ว “ห้องของพวกเขาถูกปิดตายมาสิบกว่าปีแล้ว มีอะไรน่าดูกัน ด้านในไม่เคยทำความสะอาดมาก่อน อย่าเข้าไปเลยนะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่อยากดูเท่านั้น จะไม่แตะต้องอะไรโดยพลการเด็ดขาด” พูดจบ นัทธีก็เดินขึ้นชั้นบนไป

ขงเบ้งและภรรยาหันหน้าพูดคุยกัน

คุณหญิงอัณณ์เอ่ยถาม : “ที่รัก คุณว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ จู่ ๆ ก็อยากจะดูห้องของพ่อแม่ขึ้นมา คงไม่ได้รู้เรื่องอะไรเข้าหรอกนะ ?”

“อย่าพูดจาเหลวไหล” ขงเบ้งจ้องมองเธอด้วยท่าทีเคร่งขรึม “ถ้าหากข้างในมีอะไรจริง ๆ ก็คงจะพบตั้งนานแล้ว ทำไมต้องรอจนถึงตอนนี้ด้วย ?”

“มันก็จริง” คุณหญิงอัณณ์พยักหน้า แต่ก็ยังรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย “ในเมื่อตอนนี้ไม่มีทางมีอะไร แล้วเขาคิดจะเข้าไปทำอะไรกันแน่”

“ไม่เป็นไรหรอก ผมจะขึ้นไปดูสักหน่อย” ขณะที่พูด ขงเบ้งก็เดินขึ้นไปชั้นบน

บริเวณชั้นบน นัทธียืนอยู่หน้าห้องที่ไม่ถูกเปิดใช้งานมานาน เขายื่นมือออกไปผลักประตูบานใหญ่ให้เปิดออก

เมื่อประตูเปิดออก มีกลิ่นอับรุนแรงลอยเข้ามาเตะจมูก ละอองฝุ่นจาง ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ทำให้นัทธีขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว มือของเขาปัดไปมาด้านหน้าจมูก เมื่อละอองฝุ่นค่อย ๆ จางหายไป เขาจึงค่อยเปิดไฟ

เป็นเพราะไฟไม่ได้เปิดใช้งานมาเป็นเวลาสิบกว่าปี เมื่อแสงไฟสว่างขึ้น จึงเป็นแสงที่ยังไม่เสถียรนัก กะพริบติดดับอยู่หลายครั้งถึงเป็นปกติ

ในที่สุดนัทธีก็มองเห็นภายในห้องทั้งหมดอย่างชัดเจน

ทุกอย่างในห้องยังคงมีสภาพเหมือนกับเมื่อสิบปีก่อน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย มีเพียงสีสันที่ดูหมองไปตามกาลเวลา ทุกที่เต็มไปด้วยฝุ่นและใยแมงมุม ทำให้ดูรกร้าง

นัทธีเดินเม้มริมฝีปากบาง ๆ ของเขาเข้ามา จากนั้นจึงยืนอยู่ตรงกลางห้อง แล้วหันมองโดยรอบ

ห้องยังคงเป็นห้องห้องนั้น แต่หลงเหลือเอาไว้เพียงสิ่งของ ส่วนคนนั้นได้จากไปแล้ว

“นัทธี”

ขณะที่นัทธีกำลังนึกย้อนถึงสมัยที่พ่อและแม่ยังมีชีวิตอยู่ เสียงของขงเบ้งก็ดังขึ้น และดึงเขากลับออกมาจากห้วงความคิด

นัทธีหันหลังกลับไปอย่างไม่ค่อยพอใจนัก “คุณลุงมีอะไรหรือครับ ?”

“เปล่า ลุงแค่ขึ้นมาดูนายก็แค่นั้น” ขงเบ้งเดินเข้าไปหาเขา “นัทธี ทำไมจู่ ๆ นายถึงอยากเข้ามาที่นี่ล่ะ”

ขณะที่ขงเบ้งถาม สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่นัทธี ดูราวกับรู้อะไรบางอย่าง

นัทธีจ้งอมองเขาด้วยท่าทีสงบ “คุณลุงก็น่าจะรู้ดีนะครับว่าตลอดสิบปีมานี้ ผมไม่เคยคิดที่จะวางมือเรื่องจับตัวฆาตกรที่ฆ่าพ่อกับแม่ในตอนนั้นเลย ตอนนี้ฆาตกรได้เปิดเผยตัวออกมาแล้ว ผมก็ควรที่จะเผชิญหน้ากับความจริงในอดีตเสียที”

“อะไรนะ ? ฆาตกรเปิดเผยตัวออกมาแล้ว ?” เมื่อขงเบ้งได้ยินคำพูดประโยคนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที รวมไปถึงน้ำเสียงของเขาก็สูงขึ้น

นัทธีหรี่ตามองเขา “ทำไมดูคุณลุงตกใจขนาดนั้นล่ะครับ ?”

“เอ่อ……” ขงเบ้งอึกอักอยู่สักครู่ จากนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ : “ควร…ดีใจไม่ใช่หรือ อย่างไรเสียพ่อของนายก็เป็นน้องชายคนเดียวของฉัน ตอนนั้นเขาจากไปอย่างกะทันหัน ฉันในฐานะพี่คนโตก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้เมื่อรู้ว่าฆาตกรเปิดเผยตัวออกมาแล้ว จึงรู้สึกดีใจมาก”

เขาพูดด้วยท่าทีจริงจัง แต่มือที่ไพล่อยู่ด้านหลังนั้นกลับสั่นเทา

นัทธีกลับไม่สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา และเบนสายตากลับไป “อย่างนั้นหรือครับ คุณลุงดีใจก็ดีแล้ว”

ขงเบ้งกระแอมออกมาเพื่อระงับความสับสนที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ และเอ่ยถามว่า : “นัทธี ฆาตกรเป็นใครกันแน่ ?”

นัทธีหลับตาลง “ตายไปแล้วครับ”

“ฆาตกรตายไปแล้ว ?” ขงเบ้งดวงตาเบิกโพลง

นัทธีตอบรับหนึ่งคำ

ขงเบ้งเห็นท่าทางจริงจังในการพูดของเขา ก็ก้มหน้าแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แต่กลับพูดออกมาด้วยท่าทีเสียดายว่า : “อย่างนั้นก็น่าเสียดายจริง ๆ นัทธี แล้วนายยังจะสืบเรื่องอุบัติเหตุรถยนต์ของพ่อแม่อีกไหม ?”

“คงไม่แล้วครับ” นัทธีเม้มปาก

วรยาตายไปแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องสืบหาอะไรอีก

สิ่งที่เขากำลังคิดไตร่ตรองในตอนนี้ก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับวารุณี

เมื่อมีความแค้นเรื่องฆ่าพ่อแม่เข้ามาคั่นกลางระหว่างพวกเขาสองคน ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ไม่อาจกลับไปสนิทสนมอย่างเช่นแต่ก่อนได้อีก

เมื่อขงเบ้งได้ยินว่านัทธีไม่คิดที่จะสืบหาความจริงอีก เขาก็รู้สึกเบาใจลงทันที แต่ไม่ทันไร ความกังวลใจก็ต้องปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

“ผมไม่สืบเรื่องของพ่แม่แล้ว แต่เรื่องที่คุณปู่ฆ่าตัวตาย ผมจะยังสืบหาความจริงต่อไป” ขณะที่พูด นัทธีหันหลังกลับมา แล้วจ้องมองขงเบ้งตาเขม็ง “คุณลุงครับ ตอนที่คุณปู่ฆ่าตัวตาย ท่านกำลังอยู่ในคฤหาสน์ไชยรัตน์ ลุงเองก็อยู่ในคฤหาสน์ไชยรัตน์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นลุงน่าจะรู้อะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้ ใช่ไหมครับ ?”

“จะเป็นไปได้อย่างไร !” ขงเบ้งหลบสายตาอย่างร้อนตัว และรีบตะโกนปฏิเสธออกมาเสียงแข็ง “ปู่ของนายฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนจะฆ่าตัวตายไม่มีวี่แววอะไรเลยด้วยซ้ำ แล้วฉันจะไปรู้ได้อย่างไร”

“หรือครับ ?” นัทธีแสดงท่าทีว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด และแววตายังคงจับจ้องอยู่ที่เขา

ขงเบ้งถูกเขาจ้องมองจนรู้สึกประหม่า กลัวว่าตนเองจะควบคุมสติไม่ได้และเผยพิรุธออกมา จึงหาข้ออ้างเพื่อออกจากห้องไป

นัทธีเองก็ไม่ได้ขัดขวาง เขามองขงเบ้งเดินจากไปด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง มือที่สอดอยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ค่อย ๆ กำหมัดขึ้นมา

เขามองออกว่าขงเบ้งกำลังพูดโกหก

ขงเบ้งต้องรู้สาเหตุการฆ่าตัวตายของคุณปู่อย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่ยอมพูดออกมา

อีกทั้งเมื่อเห็นทีท่าร้อนตัวของขงเบ้ง ราวกับว่าการฆ่าตัวตายของคุณปู่นั้น มีขงเบ้งเป็นต้นเหตุ ?

ขณะที่กำลังคิด ความหนาวเหน็บก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวของนัทธี

ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร เขาจะต้องสืบรู้ให้ได้

นัทธีเบนสายตากลับมา แล้วมองสำรวจรอบ ๆ ห้องอีกครั้ง

เขาอยู่ในห้องเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง จากนั้นเขาจึงล็อกห้องแล้วเดินออกมา

หลังออกจากห้อง นัทธียังไม่เดินลงไปชั้นล่างในทันที แต่เขากลับตรงไปยังห้องคุณปู่

ห้องของคุณปู่เหมือนกับห้องของพ่อและแม่ ตั้งแต่ที่คุณปู่เสียชีวิตไป ห้องก็ถูกปิดตาย ภายในเต็มไปด้วยฝุ่นและใยแมงมุม

แต่นับว่าน้อยกว่าห้องของพ่อและแม่มาก อีกทั้งยังมีรอยเท้าและรอยนิ้วมือที่ชัดเจนอีกด้วย

ดูเหมือนว่าจะมีคนเข้ามาก่อนหน้าเขา

ส่วนจะเป็นใครนั้น ก็ไม่อาจรู้ได้ หากไม่ใช่ขงเบ้ง ก็อาจจะเป็นนิรุตติ์ พวกเขาอาจเข้ามาเพื่อค้นหาเบาะแสของพินัยกรรม แต่ท้ายที่สุดไม่พบอะไรจึงกลับออกไป

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นัทธีก็ยิ้มเยาะออกมา จากนั้นจึงเดินไปที่โต๊ะหนังสือของคุณปู่

บนโต๊ะของคุณปู่ยังมีหนังสือและเอกสารวางอยู่ไม่น้อย นัทธีพลิกดูอย่างลวก ๆ จู่ ๆ ก็ต้องรู้สึกตกใจ เพราะเขาพบจดหมายหนึ่งฉบับถูกสอดอยู่ในหนังสือเล่มหนึ่ง ด้านบนเขียนเอาไว้ว่า : ถึงนัทธี

“นี่มัน……คุณปู่ทิ้งเอาไว้ให้ฉันหรือ ?” นัทธีพึมพำโดยไม่อยากเชื่อในสายตาตัวเอง