ตอนที่ 783 งานเลี้ยง (10) / ตอนที่ 784 งานเลี้ยง (11)
ตอนที่ 783 งานเลี้ยง (10)
“ข้าปลอดภัยดี” จวินอู๋เสียไม่อยากจะเดาเหตุผลของท่าทีที่เปลี่ยนไปของเหลยหยวนให้เสียเวลา นางตอบเขาไปอย่างไม่ใส่ใจแล้วหมุนตัวเดินจากไปในทันที และเดินชมสวนที่งดงามภายใต้แสงจันทร์ต่อไป
ถึงจะโดนจวินอู๋เสียเชิดใส่เช่นนั้น แต่เหลยหยวนก็ไม่ได้ขุ่นเคืองแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขาเดินขึ้นมาพยายามชวนคุยต่อไป “ดีแล้วที่ปลอดภัย พวกเราเป็นเจ้าภาพศึกประลองภูติวิญญาณ ถ้าเราปล่อยให้ผู้เข้าแข่งขันบาดเจ็บก่อนที่การประลองจะเริ่มต้นขึ้น ก็คงเป็นความผิดพลาดของพวกเรา”
จวินอู๋เสียเหลือบตามองเหลยหยวน พร้อมกับความระแวงสงสัยในใจนางที่เพิ่มขึ้น
การกระทำของเหลยเชินก่อนหน้านี้ก็ทำให้นางสงสัยอยู่พอควรแล้ว นางไม่คิดว่าสำนักศึกษาเฟิงหัวที่ตกต่ำลงแล้วจะมีอะไรเป็นประโยชน์กับเขาได้ แต่เหลยเชินก็ยังยืนยันที่จะทำดีต่อพวกเขา นั่นก็น่ารังเกียจพอแล้วและนางก็พยายามหลีกเลี่ยงเหลยเชิน แต่ตอนนี้ยังมีเหลยหยวนมาอีกคน พวกองค์ชายของรัฐเหยียนเป็นแบบนี้หมดทุกคนเลยหรือไง นี่ทุกคนมีขี้เลื่อยอยู่ในหัวสมองมาตั้งแต่เกิดอย่างนั้นรึ
นอกจากคนในครอบครัวกับสหายของนางแล้ว จวินอู๋เสียไม่ชอบพูดกับคนอื่น เมื่อเห็นเหลยหยวนพูดจ้อไม่ยอมหยุด จวินอู๋เสียจึงขัดจังหวะเขาด้วยการพูดว่า “กลับเถอะ”
แล้วนางก็หมุนตัวเดินกลับไปที่งานเลี้ยงโดยไม่พูดอะไรอีก
แสงจันทร์สาดส่องใบหน้าที่อึ้งกิมกี่ของเหลยหยวน เขาคิดว่าที่จวินอู๋เสียแสดงท่าทีเย็นชาต่อเหลยเชินก็เพราะจวินอู๋เสียไม่ชอบเหลยเชินเป็นการส่วนตัว แต่ตอนนี้เขาเองก็ถูกปฏิบัติไม่ต่างกับเหลยเชิน เขาเริ่มคิดแล้วว่าเป็นเพราะเด็กหนุ่มคนนี้มีนิสัยเย็นชา และไม่ว่าใครจะเข้ามามันก็ไม่ต่างกัน
“องค์ชายรอง” ข้ารับใช้ที่อยู่ข้างกายเหลยหยวนถามขึ้นเบาๆ อย่างระมัดระวังเมื่อเห็นใบหน้าอ้วนกลมขององค์ชายรองแข็งทื่อไปกลางคัน
“กลับไปที่งาน!” เหลยหยวนส่งเสียงลอดไรฟัน นอกจากเหลยเชินแล้ว ไม่มีใครกล้าหมิ่นเขาขนาดนี้ เขาเกือบจะอาละวาดออกมาแต่เมื่อนึกถึงพลังวิญญาณขั้นสีเขียวที่ส่องสว่างจากร่างของจวินอู๋เสียเมื่อครู่ เขาก็สะกดความโกรธเอาไว้และไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
ไม่ว่าจวินอู๋เสียจะตอบสนองต่อเหลยเชินเช่นไรก็ตาม เหลยหยวนก็ตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นการฉลาดแน่ถ้าไปหาเรื่องกับเด็กหนุ่มที่มีความแข็งแกร่งเกินคนเช่นนั้น
งานเลี้ยงเพิ่งเริ่มต้น เหลยเชินกำลังพูดคุยกับชวีหลิงเย่ว์ที่อยู่ข้างๆ เขาอย่างสนุกสนาน ในขณะที่หางตาของเขาก็คอยเหลือบไปมอง หลังจากที่จวินอู๋เสียออกไปจากงาน ศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกรหลายคนก็ตามหลังไปแทบจะทันที ถึงแม้เหลยเชินจะรู้เจตนาของศิษย์พวกนั้นดี แต่เขาก็ไม่คิดจะทำอะไรเพื่อหยุดคนพวกนั้น ทั้งสองครั้งที่เขาได้พบปะกับจวินอู๋เสีย เขาก็เข้าใจว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่คนที่เข้าหาได้ง่าย และถ้าเขาอยากจะได้จวินอู๋เสียมาเป็นพวกจริงๆ เขาก็ต้องใช้วิธีนอกกติกาบ้าง
และสำนักศึกษาพิชิตมังกรก็ให้เขา ‘ยืมมือ’ โดยไม่ได้ตั้งใจ
เหลยเชินเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าจะได้เห็น ‘ความบันเทิง’ ที่ศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกรจะมอบให้แก่จวินอู๋เสีย และเมื่อเจ้าหนูเย็นชาเข้าถึงยากคนนั้นเจ็บตัวสักเล็กน้อย เขาก็จะสามารถทำตัวเป็นผู้ช่วยเหลือซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจวินอู๋เสียดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่ในตอนที่เหลยเชินกำลังคิดภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เขาจะโผล่ไปช่วยจวินอู๋เสียอยู่นั้นเอง เขาก็เห็นศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกรวิ่งกลับเข้ามาด้วยใบหน้าซีดขาว พวกเขากลับไปนั่งที่โดยไม่พูดอะไรสักคำ สีหน้าซีดเผือดราวกับศพ ดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งกลับมาพร้อมชัยชนะจากการแก้แค้นเลยแม้แต่น้อย
เหลยเชินขมวดคิ้ว ทำไมปฏิกิริยาของศิษย์สำนักศึกษาพิชิตมังกรถึงได้แตกต่างจากที่เขาคิดไว้
พวกเขาไม่ได้ไปเผชิญหน้ากับจวินเสียหรอกหรือ ทำไมทุกคนถึงดูเหมือนเพิ่งจะเห็นผีกันมา
เหลยเชินบ่นในใจไปเรื่อยๆ แล้วทันใดนั้นเขาก็เห็นร่างเล็กๆ ก้าวเดินมาตามทางที่มีแสงจันทร์สาดส่องตรงมายังงานเลี้ยง
เขาไม่พบร่องรอยขีดข่วนใดๆ บนตัวจวินอู๋เสียเลยสักรอย แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังคงสะอาดเรียบร้อยไม่มีรอยยับอยู่เลย สีหน้าของอีกฝ่ายก็ยังคงสงบนิ่งเหมือนตอนที่เดินออกไป
หรือศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกรหาตัวจวินเสียไม่เจอ
ตอนที่ 784 งานเลี้ยง (11)
เหลยเชินกำลังสับสนอย่างหนัก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เรื่องถึงได้ดูแตกต่างไปจากที่เขาคิดเอาไว้มาก
เหลยหยวนกลับมานั่งที่ตัวเองอย่างเงียบๆ ครั้งนี้สายตาที่เขามองไปยังจวินอู๋เสียไม่ได้มีแววดูหมิ่นเหยียดหยามอีกต่อไปแล้ว
งานเลี้ยงเริ่มขึ้นแล้ว นางรำร่ายรำท่ามกลางเสียงโห่ร้อง พวกนางส่ายสะโพกอย่างอ่อนช้อยงดงาม ริมฝีปากประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานนุ่มนวล ภาพอันงดงามนี้สะกดพวกผู้เยาว์ที่ยังไม่โตเต็มวัยเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขาดื่มกินอาหารที่ทางงานเลี้ยงได้จัดไว้ให้ ลุ่มหลงมัวเมาไปกับความสำราญและความหรูหราของตำหนักรัชทายาท หลายคนปรารถนาความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยเช่นนี้อีกและปล่อยตัวปล่อยใจไปกับช่วงเวลาสุขสำราญนั้น งานเลี้ยงที่เหลยเชินจัดขึ้นในครั้งนี้ได้ล่อลวงให้ใจของศิษย์มากมายเต็มไปด้วยความโลภและความปรารถนา
เมื่อได้ลิ้มลองความร่ำรวยขององค์รัชทายาทแห่งรัฐเหยียนเข้าไป พวกเขาก็อดเปรียบเทียบกับชีวิตในตอนนี้ของตัวเองไม่ได้ และยิ่งทำให้เพิ่มความปรารถนามากขึ้นไปอีก
เฉียวฉู่กับคนอื่นๆ ไม่ได้สนใจสุรามากนัก และอาหารชั้นเลิศในงานเลี้ยงก็ไม่สามารถกระตุ้นความอยากอาหารของพวกเขาได้ มีเพียงการทำอาหารของเยี่ยเม่ยเท่านั้นที่ทำให้พวกเขาเกิดความอยากขึ้นมาได้
เหลยเชินยิ้มด้วยความพอใจกับสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความอิจฉาของพวกผู้เยาว์ นั่นเป็นผลลัพธ์ที่เขาอยากจะเห็น ไม่ว่าสายตาพวกนั้นจะเป็นของคนที่เขาต้องการจะดึงมาเป็นพวกหรือไม่ เขาก็อยากแสดงให้ทุกคนเห็นสิ่งที่องค์รัชทายาทมีอยู่ในครอบครอง เหลยเชินรู้ดีว่าผู้เยาว์ที่อยู่ในวัยเช่นนี้มีจุดอ่อนต่อการหลอกล่อด้วยความร่ำรวยฟุ้งเฟ้อ
เขาหันไปมองจวินอู๋เสียโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ไม่เห็นสิ่งที่เขาคาดหวังจะได้เห็นจากใบหน้าของจวินอู๋เสีย เขาแค่นั่งอยู่กับที่เงียบๆ สายตามองต่ำราวกับไม่ใส่ใจในความสำราญรอบๆ ตัว ดวงตาของเขากระจ่างใสและเย็นชาเช่นเดิม แยกตัวจากคนอื่น และดูไม่สามารถเข้ากันได้กับความอึกทึกครึกโครมในตำหนักรัชทายาทในตอนนั้น
ศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกรไม่พยายามหาเรื่องกับสำนักศึกษาเฟิงหัวอย่างที่เหลยเชินคาดเอาไว้เลย และนั่นก็ตัดโอกาสเขาที่จะลงมือตามแผนที่คิดไว้ งานเลี้ยงที่เขาอุตสาหะวางแผนจัดขึ้นมาแม้ว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน แต่น่าผิดหวังที่ทุกคนที่ว่านั้นไม่รวมจวินอู๋เสีย คนผู้เดียวที่เขาอยากจะดึงมาเป็นพวกมากที่สุด
ทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณของกู้หลีเซิงทำให้โลกต้องสั่นสะเทือน เหลยเชินเคยให้คนเข้าหากู้หลีเซิงเพื่อเชิญเขามาที่รัฐเหยียนและกลายมาเป็นคนของเขา แต่กู้หลีเซิงปฏิเสธข้อเสนอในทันที ทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณของกู้หลีเซิงกลายมาเป็นอาวุธของเขา กระทั่งเหลยเชินก็ยังไม่กล้าบังคับกู้หลีเซิงให้ยอมจำนนต่อเขา ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเล็งมาที่จวินอู๋เสียแทน
แต่…
ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรทำให้เด็กนี่สนใจได้เลย ถึงแม้เขาจะไม่ได้ทำให้เหลยเชินต้องอับอายขายหน้า…แต่เขาก็ไม่ได้มีการตอบสนองในทางที่ดีเช่นกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่เหลยเชินรู้สึกอับจนปัญญาและตัดสินใจไม่ได้ว่าเขาควรจะดำเนินการกับเป้าหมายของเขาอย่างไรต่อไป ด้วยความรู้สึกผิดหวังที่ยังไม่สามารถชนะใจจวินอู๋เสียได้ กระทั่งสุรารสเลิศที่ผ่านลิ้นก็ดูจะสูญเสียรสชาติไปสิ้น
งานเลี้ยงเริ่มเสียงดังอึกทึกมากขึ้น แต่องค์ชายสามและองค์ชายสี่ที่น่าจะอยู่ที่นี่ด้วยก็ยังไม่ปรากฏตัว จนกระทั่งงานเลี้ยงเลิก ทั้งสองคนก็ยังไม่มา
ตลอดทั้งงานเหลยเชินพยายามจะพูดคุยกับจวินอู๋เสียแต่ก็ไม่มีโอกาส จวินอู๋เสียไม่ยอมเงยหน้าขึ้นเลยสักครั้งและไม่พูดอะไรเลยสักคำ เหลยเชินจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้และหันไปคุยกับชวีหลิงเย่ว์แทน
เมื่อเวลาล่วงเลยไปจนดึกดื่น งานเลี้ยงก็ถึงเวลาสิ้นสุด ผู้เยาว์มากมายยังคงสนุกกันไม่เต็มอิ่ม พวกเขาเดินออกจากตำหนักรัชทายาทไปอย่างไม่เต็มใจ ใบหน้าแดงจากฤทธิ์ของสุรา หลายคนมองกลับหลังด้วยความปรารถนาในทุกๆ สองสามก้าวที่เดินไปจากตำหนักอันหรูหราแห่งนั้น
ในทางกลับกัน เหล่าศิษย์จากสำนักศึกษาเฟิงหัวจากไปโดยไม่หันกลับมาเลยสักครั้ง ภายใต้ความวุ่นวายที่บรรดาศิษย์พากันจากไปอย่างไม่เต็มใจ ไม่มีใครสักคนที่สังเกตเห็นว่ามีแมวดำตัวน้อยตัวหนึ่งกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของจวินอู๋เสีย