ตอนที่ 781 งานเลี้ยง (8) ตอนที่ 782 งานเลี้ยง (9)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 781 งานเลี้ยง (8) / ตอนที่ 782 งานเลี้ยง (9)
ตอนที่ 781 งานเลี้ยง (8)

จวินอู๋เสียหรี่ตาลง มองพวกผู้เยาว์ที่เข้ามาใกล้แล้วรวบรวมพลังวิญญาณไว้ที่ฝ่ามือ

เมื่อพลังวิญญาณสีเขียวที่ห่อหุ้มฝ่ามือของจวินอู๋เสียเริ่มรวมตัวส่องสว่าง รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้เยาว์หลายคนทุกคนที่ล้อมรอบนางอยู่ก็แข็งค้างไปในทันที

ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างพลางจ้องมองแสงสีเขียวสว่างจ้านั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

เจ้าเด็กน้อยนี่ดูอย่างไรก็อายุแค่สิบสี่สิบห้าปีเท่านั้นกระมัง พวกเขาคิดว่าอย่างดีที่สุดเขาก็อยู่ในขั้นสูงสุดของพลังวิญญาณขั้นสีแดง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่พวกเขามั่นใจมากจนมาหาเรื่องเขา แต่เมื่อแสงสีเขียวนั่นปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา ก็ทำให้พวกเขาตกใจราวกับเห็นผี

สีเขียว!

สวรรค์โปรดเถิด พลังวิญญาณขั้นสีเขียว!

ผู้เยาว์ทุกคนที่ยกโขยงมาหาเรื่องจวินอู๋เสียพากันอ้าปากค้าง

อายุสิบสี่ปีแต่กลับมีพลังวิญญาณขั้นสีเขียวแล้ว!

เป็นไปไม่ได้!

กระทั่งหนึ่งในสุดยอดสำนักศึกษาอย่างสำนักศึกษาพิชิตมังกร ก็ไม่เคยพบเห็นเด็กอายุสิบสี่ปีที่ไหนที่มีพลังวิญญาณขั้นสีเขียวมาก่อน ตัวพวกเขาเองก็อายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปีกันแล้ว คนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาก็มีพลังวิญญาณแค่ขั้นสีส้มเท่านั้น ต่อให้เป็นศิษย์ที่เก่งที่สุดในสำนักศึกษา ก็มีพลังวิญญาณแค่ขั้นสีเหลืองและก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากแล้ว

แต่ทว่า…

เจ้าเด็กน้อยที่ยังสูงไม่ถึงไหล่ของพวกเขาคนนี้ เจ้าเด็กที่ดูอ่อนแอและเปราะบางอย่างมากคนนี้ คือผู้ที่มีพลังวิญญาณขั้นสีเขียวอย่างแท้จริง!

ในชั่วพริบตา พวกผู้เยาว์ทั้งหลายก็พบว่าตัวเองหัวเราะไม่ออกอีกต่อไป รอยยิ้มของพวกเขายังคงแข็งค้างอยู่อย่างนั้นราวกับพวกเขากลายเป็นหินกันไปแล้ว ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างที่สุด!

สายตาเย็นชาของจวินอู๋เสียกวาดมองใบหน้าแข็งทื่อของผู้เยาว์พวกนั้นพร้อมกับหรี่ตาลง

“เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อกันแล้วรึ” ริมฝีปากสีแดงขยับส่งเสียงที่ทำให้พวกผู้เยาว์เย็นวาบไปทั้งสันหลัง

พวกผู้เยาว์ทั้งหลายหดคอลงขณะที่พยายามจะวางท่าเอาไว้ให้คงเดิม แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพลังวิญญาณขั้นสีเขียวที่ค่อยๆ แผ่ขยายออกมา ขาของพวกเขาก็พากันอ่อนปวกเปียก!

นี่เป็นฝันใช่หรือไม่

อายุสิบสี่ปีแต่มีพลังวิญญาณขั้นสีเขียว…

เป็นได้แค่ฝันเท่านั้นแหละ!

ริมฝีปากของพวกเขาเริ่มกระตุกขณะที่พากันล่าถอยไปทีละก้าวอย่างช้าๆ พวกเขารู้สึกกดดันจากพลังวิญญาณขั้นสีเขียวที่แผ่ออกมา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีกันห้าคน แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็มีพลังวิญญาณอยู่แค่ขั้นสีส้มเท่านั้น พลังวิญญาณขั้นสีเขียวนั้นเหนือกว่าพวกเขาถึงสองขั้น!

จำนวนคนไม่ได้สร้างความแตกต่างใดๆ ขึ้นมาเลย ต่อให้พวกเขามีมากกว่านี้สองเท่า พวกเขาก็ยังแพ้ราบคาบอยู่ดี!

สายตาเย็นชาของจวินอู๋เสียกวาดมองกลุ่มผู้เยาว์ที่ใบหน้าซีดขาวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ก็ไสหัวไปเสีย”

ผู้เยาว์พวกนั้นไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก พวกเขาพากันร้องออกมาอย่างหวาดกลัวพร้อมกับหันหลังวิ่งหนีเอาตัวรอดจากปีศาจที่ปีนขึ้นมาจากขุมนรก!

ถึงจะเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์จนบรรลุถึงขั้นสีเขียวได้ อย่างน้อยคนผู้นั้นก็มักจะอายุสามสิบปีขึ้นไปแล้ว และพรสวรรค์เช่นนั้นก็พบเจอได้ยากยิ่ง เมื่อจวินอู๋เสียเปิดเผยพลังวิญญาณขั้นสีเขียวด้วยอายุสิบสี่ปีของนาง มันจึงไม่ใช่แค่น่ากลัว แต่ยังทำลายความเข้าใจของพวกเขาทั้งหมดไปด้วย!

เหลยหยวนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดกำลังคาดหวังว่าจะได้ดูอะไรสนุกๆ ทันใดนั้นก็เห็นศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกรวิ่งหนีสุดชีวิตราวกับกลัวตาย สถานการณ์ดูแปลกไปมาก ผู้เยาว์พวกนั้นเพิ่งจะล้อมจวินอู๋เสียเอาไว้และเขาก็ไม่เห็นว่าจวินอู๋เสียจะมีท่าทีตอบสนองอะไร และพอเขาคิดว่าศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกรกำลังจะโจมตี อยู่ๆ พวกนั้นก็หันหลังวิ่งหนีหางจุกตูดเสียอย่างนั้น!

แค่นี้หรือ!

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกนั้นวิ่งหนีเล่า” เหลยหยวนมองตามหลังพวกศิษย์ที่หนีตายไปด้วยสีหน้าสับสน ขณะที่ข้ารับใช้ที่อยู่ข้างๆ เขาก็เริ่มตัวสั่น

“อะ…องค์ชายรอง…องค์ชายรอง ดะ…ดู…”

ตอนที่ 782 งานเลี้ยง (9)

เหลยหยวนกระชากเสียงอย่างหงุดหงิด “เจ้าพูดไม่ได้หรือไง เลิกอึกอักได้แล้ว!”

“ดู…เร็ว…ดู…” เสียงของข้ารับใช้ยิ่งสั่นมากขึ้นกว่าเดิม

เหลยหยวนเดาะลิ้นแล้วหันกลับไป กวาดสายตาหงุดหงิดมองเข้าไปในสวน

และการเหลือบมองเพียงครั้งเดียวนั้น ก็ทำให้เขาอ้าปากค้างอย่างที่ไม่สามารถหุบลงได้!

ภายใต้แสงจันทร์ เด็กหนุ่มร่างเล็กยืนอยู่เพียงลำพังในสวนโดยมีแสงของพลังวิญญาณขั้นสีเขียวปกคลุมร่าง แสงสีเขียวมรกตสว่างจ้านั้นเป็นข้อพิสูจน์ว่าพลังวิญญาณขั้นสีเขียวของเขาอยู่ในขั้นสูงสุดแล้ว แสงสีเขียวสว่างจ้าค่อยๆ หายไปพร้อมๆ กับความรู้สึกไม่แยแสของเหลยหยวน

“เขียว…พลังวิญญาณขั้นสีเขียว…” เหลยหยวนทำตาโตเหมือนไข่ห่าน เขาจ้องมองเด็กหนุ่มร่างเล็กที่ดูอ่อนแอบอบบางอย่างไม่เชื่อสายตา เขาขยี้ตาเพื่อให้แน่ใจว่าตาของตัวเองไม่ฝาด

“อายุสิบสี่ปี…พลังวิญญาณขั้นสีเขียว…แล้วยัง…ขั้นสูงสุด…” เหลยหยวนตกตะลึง เขาไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เห็นศิษย์จากสำนักศึกษาที่กำลังตกต่ำแสดงพลังที่น่าเหลือเชื่อออกมาเช่นนี้…

ด้วยอายุเท่านี้กับพลังวิญญาณระดับนี้…มันเกินกว่าขอบเขตใดๆ ที่เคยได้ยินมา!

เจ้าเด็กนี่ยังเป็นมนุษย์หรือเปล่า

ในตอนนั้นเหลยหยวนมีเหตุผลอย่างแรงกล้าที่จะเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งปลอมตัวมา!

ถ้าไม่ใช่แบบนั้น พลังของเด็กคนนี้ก็เกินมนุษย์แล้ว!

ไม่ใช่แค่ในสำนักศึกษาเฟิงหัวเท่านั้น ต่อให้ค้นหาทั่วทั้งในอีกสองสุดยอดสำนักศึกษาหรืออีกหลายร้อยสำนักศึกษา ก็ไม่อาจจะหาศิษย์คนอื่นที่เป็นเช่นนี้ได้อีก!

ด้วยเหตุนั้น ถึงจะไม่มีเรื่องสนุกๆ ให้เขาดูอีกแล้วและตัวเขาเองก็ตกใจกลัว แต่เหลยหยวนก็รู้สึกดีใจที่เขาไม่ได้โผล่หน้าเข้าไปก่อน ไม่เช่นนั้นคนที่ต้องอับอายในตอนนี้ก็คงเป็นเขา “ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเสด็จพี่ถึงได้ปฏิบัติกับเด็กนั่นเป็นพิเศษ เช่นนั้นเขาก็รู้อยู่แต่แรกแล้วน่ะสิ!” เหลยหยวนพูดลอดไรฟันพลางสบถด่าเหลยเชินอย่างรุนแรงอยู่ในใจ เขาก็สงสัยอยู่ว่าทำไมเหลยเชินถึงได้ทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์อะไรแบบนั้น ที่แท้เสด็จพี่ของเขาก็ค้นพบคุณค่าในตัว ‘จวินเสีย’ แล้ว เขาถึงได้เรียกเด็กนั่นว่า ‘น้องจวิน’ ต่อหน้าคนอื่นๆ ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าทำไมจวินอู๋เสียถึงไม่แสดงความกระตือรือร้นต่อการแสดงความโปรดปรานของเหลยเชินเลย ด้วยความสามารถของเด็กนั่น เขาไม่จำเป็นต้องประจบประแจงใคร ดูจากความเร็วในการบ่มเพาะพลังวิญญาณของเขา พลังขั้นสีม่วงก็คงอยู่อีกไม่ไกล!

ตอนแรกเหลยหยวนรู้สึกยินดีที่เหลยเชินหยามสำนักศึกษาพิชิตมังกรต่อหน้าธารกำนัล ทำให้เขามีโอกาสทำความสนิทสนมกับพวกนั้น แต่ดูจากสถานการณ์ที่เขาเพิ่งพบเจอนี้ เขาจับได้ไม้สั้นเห็นๆ ไม่ว่าศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกรจะยอดเยี่ยมสักเท่าไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถเทียบกับเด็กหนุ่มที่มีศักยภาพในการทะลวงเข้าสู่พลังวิญญาณขั้นสีม่วงได้

ในหัวของเหลยหยวนเริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว เขาเห็นว่าจวินอู๋เสียไม่ได้ตอบรับเหลยเชินอย่างเต็มที่นัก นั่นหมายความว่าจวินอู๋เสียไม่ได้ชอบเหลยเชินใช่หรือไม่ แล้วก็หมายความว่าเขาอาจจะยังมีโอกาสใช่หรือไม่

เมื่อความคิดนั้นผุดขึ้นมาในหัว เหลยหยวนก็รู้สึกลิงโลดขึ้นมา เขาไม่ยอมแพ้ไปง่ายๆ แบบนั้นหรอก เหลยหยวนจัดแจงดึงอารณ์ให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่ทำได้และปรับสีหน้าของตนก่อนจะเดินเข้าไปในสวน

จวินอู๋เสียเพิ่งจะจัดการไล่พวกเด็กเกเรที่ไม่รู้ที่ทางของตัวเองออกไป และอยู่ๆ นางก็เผชิญหน้ากับ ‘มนุษย์ลูกบอล’ ที่ ‘กลิ้ง’ ตรงเข้ามาหานาง

“น้องชายไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ข้าเห็นคนของสำนักศึกษาพิชิตมังกรตรงมาที่นี่เมื่อครู่ เลยเป็นห่วงว่าพวกนั้นอาจจะหยาบคายต่อเจ้า พวกนั้นไม่ได้ทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่” เหลยหยวนเปลี่ยนท่าทีดูหมิ่นเหยียดหยามจวินอู๋เสียที่ในงานเลี้ยงไปอย่างสิ้นเชิง เขาเดินเข้ามาใกล้พร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าและมาหยุดอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสีย เขาตั้งใจที่จะวางภาพลักษณ์ที่สุภาพและสง่างาม แต่ด้วยร่างกายอ้วนกลมของเขาทำให้เวลาหัวเราะทั้งร่างของเขาก็กระเพื่อมขึ้นลง กลายเป็นภาพที่ตรงกันข้ามกับที่เขาพยายามจะแสดงออกมา

จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อยมองเหลยหยวนที่อ้วนจนเกือบจะกลายเป็นลูกบอลกลมๆ

ถ้านางจำไม่ผิด เจ้าลูกบอลตรงหน้านี่น่าจะเป็นองค์ชายรองแห่งรัฐเหยียน ในงานเลี้ยงเมื่อครู่เขาไม่ได้แสดงท่าทีอย่างอื่นเลยนอกจากการดูถูกเหยียดหยามสำนักศึกษาเฟิงหัว แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้เปลี่ยนไปแบบปุบปับเช่นนี้เล่า