บทที่ 402 ไปช่วยตามหา

บทที่ 402 ไปช่วยตามหา

บนถนนรกร้างไร้ผู้คน ร้านค้าต่าง ๆ ก็ปิดลง เหลือเพียงโคมไฟที่ยังคงแขวนอยู่ด้านนอกที่ปลิวไสวในสายลมยามค่ำคืน ในตอนที่ยังมีผู้คนพลุกพล่าน การได้เห็นโคมสีแดงจำนวนมากนั้นเป็นสิ่งที่สวยงามมาก

แต่ในตอนนี้ไม่มีผู้คนอยู่บนถนนแล้ว มีเพียงกุ้ยซื่อและกุ้ยตงเหมยเท่านั้นที่ยังคงเรียกชื่อกุ้ยชุนเจียวอยู่

ลมกลางคืนเย็นขึ้นเล็กน้อย และเสียงของทั้งสองคนก็ลอยหายไปตามสายลม

มีเพียงโคมไฟเท่านั้นที่แกว่งไปมาตลอดเวลา มองดูแล้วน่าขนลุก

กุ้ยซื่อกังวลราวกับมดบนกระทะร้อนและยังคงเรียกชื่อกุ้ยชุนเจียว หากแต่ไม่มีเสียงใดตอบรับกลับมานอกจากความเงียบ

ทั้งสองค้นหาไปทั่วถนนทั้งสองสายแล้ว แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า แม้แต่หนูตัวเล็ก ๆ ก็ไม่เห็น นับประสาอะไรกับคนตัวใหญ่

กุ้ยชุนเจียวหายตัวไปราวกับว่านางระเหยไปในอากาศ

ในคืนนั้น กุ้ยซื่อค้นหาอย่างบ้าคลั่งและพากุ้ยตงเหมยไปด้วย กุ้ยตงเหมยปวดเท้าและคอของนางก็ราวกับถูกไฟไหม้ แม้ว่าจะเหนื่อย กุ้ยตงเหมยก็กังวลเกี่ยวกับกุ้ยชุนเจียวเช่นกัน

นางตามกุ้ยซื่อไปหาพี่สาวทั้งคืน

แต่ความพยายามคืนนั้นไร้ผล ผมของกุ้ยซื่อยุ่งเหยิง ใต้ดวงตาของนางจึงเป็นสีเขียวคล้ำและดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน

มุมปากของกุ้ยซื่อมีตุ่มน้ำขึ้น และหัวใจของนางก็บีบรัดเป็นอย่างมาก

ในตอนนี้เรี่ยวแรงของทั้งสองคนนั้นน้อยเกินไป และกุ้ยตงเหมยก็ดูเซื่องซึม ดังนั้นกุ้ยซื่อจึงรีบเช่าเกวียนและพากุ้ยตงเหมยกลับบ้าน

เมื่อกุ้ยสวิ้นเหอได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้น เขาจึงโกรธเกรี้ยวจนแทบจะฆ่ากุ้ยตงเหมย

หากไม่ใช่เพราะกุ้ยตงเหมยเอาแต่ใจและวิ่งหนีไปตั้งแต่แรก กุ้ยชุนเจียวจะหายตัวไปได้อย่างไร

กุ้ยตงเหมยถูกกุ้ยสวิ้นเหอทุบตีจนนางส่งเสียงร้องโหยหวน จากนั้นเขาจึงตามกุ้ยซื่อเพื่อออกไปตามหากุ้ยชุนเจียวอีกครั้ง

กุ้ยตงเหมยถูกกุ้ยสวิ้นเหอทำร้าย แม้ว่านางจะดูกังวลเกี่ยวกับการหายตัวไปของพี่สาว แต่นางก็คิดว่าการหายตัวไปของกุ้ยชุนเจียวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตน ตอนนี้นางคิดว่ากุ้ยชุนเจียวกำลังซ่อนตัว และรอให้พ่อแม่สั่งสอนนาง จากนั้นจึงจะออกมายิ้มเยาะ!

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกสงสัยมากหลังจากได้ยินกู้หนิงผิงเล่าเรื่องนี้

เมื่อคืนมีคนมาดูโคมไฟมากมาย ถ้ากุ้ยชุนเจียวแยกตัวจากครอบครัวและหาทางกลับไม่ได้ ก็แค่รอที่ไหนสักแห่งหรือเอ่ยถามคนแถวนั้น จะไม่ก็ตามหากุ้ยซื่อและกลับบ้านไปเลยก็ยังได้

อย่างไรก็ตาม วันและคืนกำลังผ่านไป แต่กุ้ยชุนเจียวก็ยังไม่กลับมา ดังนั้นกุ้ยชุนเจียวคงจะไม่หลงทาง แต่ต้องถูกลักพาตัวไปเป็นแน่

สมัยก่อนผู้หญิงนั้นมีค่า แค่จับเด็กสาวไปขายในหอนางโลม ถ้าหน้าตาดีราคาก็จะสูง ถ้าหน้าตาไม่ดีจะขายเป็นสาวใช้หรือจะขายเป็นชนชั้นล่างในเตาเผา

ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด สถานการณ์ตอนนี้ของกุ้ยชุนเจียวคงจะอันตรายมาก หากเป็นเช่นนั้นเกรงว่านางคงจะไม่มีวันได้กลับมาอีก

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกกังวลเล็กน้อยในใจ เพราะนางเป็นผู้หญิง หากเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นมา ทั้งชีวิตก็คงจะถูกทำลายลงไป

กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถามอย่างกังวลว่า “มีใครในหมู่บ้านไปช่วยหาหรือไม่?”

“ไม่รู้สิ ดูเหมือนว่ากุ้ยซื่อไม่ได้ไปบอกใครในหมู่บ้าน เกรงว่าพวกเขาคงไม่ต้องการให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ใครจะไปรู้ว่ากุ้ยตงเหมยจะปากสว่างพูดออกมากันล่ะ เกรงว่ากุ้ยซื่อคงไม่รู้ว่าเรื่องที่ลูกสาวของนางหายตัวไป คนในหมู่บ้านจะรู้กันหมดแล้ว!” กู้หนิงผิงกล่าวพลางขมวดคิ้ว “ท่านพี่ คนในหมู่บ้านนี้พูดอะไรบางอย่างที่ไม่ดี พวกเขาพูดว่า…”

“พูดว่าอะไร?” กู้เสี่ยวหวานตกใจ

“มีคนบอกว่ากุ้ยชุนเจียวหายไปทั้งคืน คงจะไม่บริสุทธิ์แล้ว!” กู้หนิงผิงอายเล็กน้อย

“คนพวกนี้ปกติก็ไม่คิดจะทำอะไร แต่พวกเขากลับชอบพูดเรื่องไร้สาระ!” กู้เสี่ยวหวานดุอย่างโกรธจัด หลังจากกล่าวจบแล้ว นางก็หันไปหาฉินเย่จือและกล่าวว่า “ไปเถอะ เราไปในเมืองกัน ข้าเกรงว่าตอนนี้ครอบครัวกุ้ยอยู่ในเมืองและกำลังตามหานางอยู่!”

หลังจากกล่าวจบ นางก็ออกไปข้างนอก

กู้หนิงผิงเอ่ยถามจากด้านหลัง “ท่านพี่ ท่านจะทำอะไร?”

“ไปตามหาคนน่ะสิ! หนิงผิง เจ้าอยู่บ้านดูแลเสี่ยวอี้ให้ดี อย่าไปไหน ถ้าข้ายังไม่กลับมาก็ทำอาหารให้น้องสาวกินด้วย รอพวกเรากลับมา!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างกังวล

โชคดีที่ยังไม่ได้แยกวัวออกจากเกวียน ดังนั้นฉินเย่จือจึงรีบขับเกวียนวัวไปในเมือง

ระหว่างทาง กู้เสี่ยวหวานรู้สึกกระวนกระวายใจมากจนเร่งให้ฉินเย่จือรีบมากขึ้น

“เร็วหน่อย เร็วขึ้นอีก” กู้เสี่ยวหวานยังกังวลอยู่ในใจ และรู้สึกว่าเกวียนวัวนั้นช้ามาก “คราวหน้าเราต้องซื้อรถม้า เพราะรถม้าเร็วกว่า!”

ฉินเย่จือตอบรับ “เสี่ยวหวาน เหตุใดเจ้าถึงจะไปช่วยหานาง?”

กู้เสี่ยวหวานรู้ดีว่า ‘นาง’ ที่ฉินเย่จือกล่าวออกมาเป็นใคร

เฮ้อ ดูเหมือนว่าฉินเย่จือจะไม่รู้ว่าทำไมนางถึงต้องไปช่วยตามหา

จิตวิญญาณของกู้เสี่ยวหวานอายุสามสิบปีแล้ว เมื่อมองไปที่กุ้ยชุนเจียว นางก็เหมือนกับเด็กสาวข้างบ้าน แม้ว่านางจะนิสัยเสียไปบ้าง แต่นางก็ไม่ได้ทำอะไรเลวร้าย ถึงแม้ว่านางจะทำจริง ๆ แต่แค่สั่งสอนนางเสียหน่อยก็เพียงพอแล้ว

ในครอบครัวของเด็กผู้หญิง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือชื่อเสียง กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการให้ครอบครัวของเด็กผู้หญิงถูกทำลายทั้งชีวิตเพราะเรื่องดังกล่าว หากนางหากุ้ยชุนเจียวอย่างสุดความสามารถก็ถือได้ว่าเป็นบุญ

“อย่างไรก็ตามนางเป็นเพียงเด็กผู้หญิงและชื่อเสียงก็สำคัญมาก ถ้าไม่รีบหานางให้พบโดยเร็วที่สุด เกรงว่าชีวิตของนางจะพังทลายหากช้าไปหนึ่งก้าว” กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจ เสียงของนางเต็มไปด้วยความกังวล

ฉินเย่จือพยักหน้า มันเป็นความจริง

กุ้ยชุนเจียวเคยทำร้ายกู้เสี่ยวอี้มาก่อน แต่กู้เสี่ยวหวานไม่เคยถือสาเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ ถ้านางสามารถช่วยได้ นางก็จะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือโดยไม่สนใจว่ากุ้ยชุนเจียวจะทำอะไรไว้ในอดีต

“เสี่ยวหวาน ถ้าทุกคนเป็นเหมือนเจ้า เช่นนั้นก็คงจะดี!” หลังจากผ่านไปนาน ฉินเย่จือก็พูดบางอย่างด้วยเสียงแผ่วเบา

กู้เสี่ยวหวานเป็นกังวลและต้องการไปในเมืองโดยเร็วที่สุด เพราะคำพูดของฉินเย่จือนั้นเบา กู้เสี่ยวหวานจึงไม่ได้ยิน

เมื่อทั้งสองมาถึงในเมือง พวกเขาบังเอิญเห็นกุ้ยซื่อนั่งรถม้ามาพร้อมกับใครบางคน

ใบหน้าของกุ้ยซื่อดูเหน็ดเหนื่อย แต่นางก็ตามพวกเขาอย่างอดทนและกล่าวอะไรบางอย่างกับพวกเขา คนเหล่านั้นก็กังวลเช่นกัน หลังจากได้ยินคำพูดของกุ้ยซื่อ พวกเขาก็กระจัดกระจายไปรอบ ๆ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังตามหาใครสักคน

ในเวลานี้ กุ้ยสวิ้นเหอเห็นกู้เสี่ยวหวาน และเดิมทีอยากจะตามคนเหล่านั้นไปเพื่อตามหาลูกสาว แต่เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานเดินมาทางพวกเขา เขาจึงทำได้เพียงเดินเข้าไปหา “เสี่ยวหวาน เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

สีหน้าของกุ้ยซื่อเป็นกังวล และเมื่อนางเห็นกู้เสี่ยวหวานก็ไม่กล่าวเสียดสี หลังจากเหลือบมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน นางก็กำลังจะจากไป

กู้เสี่ยวหวานรีบหยุดนางไว้ “กุ้ยซื่อ ได้ยินมาว่าชุนเจียวหายตัวไปหรือ?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

กุ้ยชุนเจียวหายตัวไปไหนกัน แต่กู้เสี่ยวหวานก็คนดีจริง ๆ นะคะเนี่ย คนเคยทำไม่ดี แต่ก็ยังใจดีด้วย

ไหหม่า(海馬)