บทที่ 403 ขึ้นเรือไปแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 403 ขึ้นเรือไปแล้ว

บทที่ 403 ขึ้นเรือไปแล้ว

ทันทีที่กุ้ยซื่อได้ยินสิ่งนี้ก็พลันตื่นตัวขึ้นในทันใด “เจ้า… เจ้าไปได้ยินจากใครมา!” คำพูดของซุ่นซื่อราวกับกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะบอกคนอื่น และจะทำให้ชื่อเสียงของกุ้ยชุนเจียวถูกทำลาย

กู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางตกใจและหวาดกลัวของกุ้ยซื่อ จึงคิดกับตัวเองว่าสิ่งที่นางกลัวที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว

“ตงเหมยบอก…” กู้เสี่ยวหวานไม่ได้บอกว่าทุกคนในหมู่บ้านรู้เรื่องนี้แล้ว แต่เมื่อนางได้ยินประโยคนี้ กุ้ยซื่อก็กรีดร้องและสาปแช่ง “เจ้าเด็กโง่คนนั้น! ข้าไม่ได้บอกนางว่าห้ามพูดไร้สาระอย่างนั้นหรือ!”

สีหน้าโกรธเกรี้ยวตามมาด้วยสีหน้าสีหน้าสิ้นหวัง

“สามี เราควรทำอย่างไรดี!” กุ้ยซื่อเป็นผู้หญิงที่ไม่มีความแน่วแน่ คราวนี้เมื่อเห็นว่าไม่มีข่าวคราวของกุ้ยชุนเจียว และกุ้ยตงเหมยก็ปริปากบอกเรื่องนี้กับคนอื่น ๆ ไปแล้ว นางไม่รู้ว่าผู้คนจะเอาเรื่องนี้ไปพูดให้เสียหายอย่างไร ถ้าเป็นเช่นนั้น ชีวิตของกุ้ยชุนเจียวจะพังทลาย!

ใบหน้าของกุ้ยซื่อแดงก่ำด้วยความโกรธ

ทั้งกังวลทั้งโกรธ กังวลเพราะไม่รู้ว่ากุ้ยชุนเจียวตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง โกรธที่กุ้ยตงเหมยเป็นพวกไม่เข้าใจสถานการณ์ พี่สาวของนางหายตัวไปทั้งคน นางยังจะไปพูดจาเหลวไหลบอกคนอื่นว่ากุ้ยชุนเจียวหายตัวไปหนึ่งคืน นี่ไม่ใช่การทำลายชื่อเสียงของนางหรอกหรือ!

กุ้ยซื่อทั้งกังวลทั้งเกลียดชัง นางหันกลับไปและกำลังจะรีบออกไปตามหาต่อ เมื่อเห็นท่าทางวิตกกังวลของนาง กู้เสี่ยวหวานก็รีบหยุดนางอย่างรวดเร็ว “กุ้ยซื่อ อย่าเพิ่งเป็นกังวล! ตอนนี้ท่านก็เหมือนกับคนตาบอด ต่อให้ไปหาอย่างไรก็คงจะหาไม่พบ!”

กุ้ยซื่อที่ถูกกู้เสี่ยวหวานรั้งเอาไว้ ครั้นเห็นท่าทางที่นิ่งสงบของกู้เสี่ยวหวาน นางก็ดูสิ้นหวัง “แล้วเจ้าจะทำอย่างไร? ชุนเจียวของข้าหายตัวไปหนึ่งวันและหนึ่งคืนแล้ว!” กุ้ยซื่อกังวลมากจนค้นหามาทั้งคืน และยังขอให้ครอบครัวแม่ของนางมาช่วยหาในวันนี้ด้วย แม้นางจะรู้ว่าการค้นหาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้านั้นไม่ดีอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือก เพราะนางไม่รู้ว่ากุ้ยชุนเจียวไปอยู่ที่ไหน!

“เมื่อวานตอนที่ไปดูโคมไฟ พวกท่านไปหากุ้ยตงเหมยที่ไหน?” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถามอย่างใจเย็น

“บนถนนสองสายนี้มีผู้คนและร้านค้ามากมาย ดังนั้นข้าและชุนเจียวจึงตกลงที่จะไปหาบนถนนคนละสาย จากนั้นเราก็รวมตัวกันที่หน้าร้านอาหาร ข้าพบตงเหมย แต่ไม่พบชุนเจียว ฮึก ฮือ…” กุ้ยซื่อรู้สึกเสียใจเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

ท่าทางที่หยิ่งยโสยามปกติได้หายไปนานแล้ว แทนที่ด้วยความเป็นแม่ที่วิตกกังวลเพราะลูกสาวหายตัวไป

เมื่อเห็นสีหน้าที่เศร้าโศกของกุ้ยซื่อ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกสะเทือนใจเช่นกัน “กุ้ยซื่อ พวกเราแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ไปที่ถนนสองสายนี้และถนนใกล้เคียงเพื่อค้นหา ถ้าจะให้ดีที่สุดต้องเข้าไปถามร้านค้าทุกร้าน ถามว่าเมื่อวานพวกเขาเห็นชุนเจียวหรือไม่ ข้าจะไปที่ร้านจิ่นฝูและขอให้เถ้าแก่ช่วยหา!”

ทันทีที่นางได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังจะไปตามคนนอกเพื่อตามหากุ้ยชุนเจียว กุ้ยซื่อก็ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางประหม่าทันที “เจ้า…”

“เถ้าแก่ร้านจิ่นฝูรู้จักคนมากกว่าเรา หากมีคนลักพาตัวกุ้ยชุนเจียวไปจริง ๆ ไม่ว่าจะทางน้ำหรือทางบกก็สามารถไปได้ทั้งนั้น ให้เขาถามคนส่งสินค้า หากกุ้ยชุนเจียวไปในถนนสองสายนี้ แน่นอนว่าการถามทุกคนจะดีกว่า” กู้เสี่ยวหวานอธิบาย “ท่านป้าสามารถมั่นใจได้ว่าเถ้าแก่ร้านจิ่นฝูไม่ใช่คนเลว เขาจะเก็บความลับไว้อย่างดีและจะไม่ทำลายชื่อเสียงของกุ้ยชุนเจียวอย่างแน่นอน!”

เมื่อกุ้ยซื่อได้ยินกู้เสี่ยวหวานกล่าวว่าจะไม่ทำลายชื่อเสียงของชุนเจียว จึงคิดว่าตงเหมยปากสว่างจะพูดทุกอย่างออกไปหมด พวกเขาทั้งคู่เป็นเด็กในวัยเดียวกัน แต่เหตุใดนิสัยของพวกเขาจึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเช่นนี้

กู้เสี่ยวหวานเต็มใจช่วยเหลือ กุ้ยซื่อก็รู้สึกอับอายมากเมื่อคิดว่านางเคยรังแกครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานมาก่อน ในใจนางรู้สึกแย่ยิ่งนัก เมื่อมองกู้เสี่ยวหวาน นางก็อย่างจะพูดอะไรออกมาแต่ก็พูดไม่ออก

กู้เสี่ยวหวานรู้ว่านางจะพูดอะไร แต่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาเสียเวลา นางรีบบอกพวกกุ้ยสวิ้นเหอทันที “ท่านลุงกุ้ย พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่มและไปหาที่ถนนคนละสาย รีบไปรีบกลับ ยิ่งหาได้เร็วเท่าไรยิ่งดี หลังจากถามเสร็จแล้วให้มารวมตัวกันที่นี่”

กุ้ยสวิ้นเหอและกุ้ยซื่อต่างก็พยักหน้า และเห็นกู้เสี่ยวหวานกับฉินเย่จือเดินไปที่ถนนอย่างรวดเร็ว กุ้ยซื่อและคนอื่น ๆ จึงรีบเดินไปที่ถนนอีกสายหนึ่งทันที

กู้เสี่ยวหวานไปที่ร้านจิ่นฝูก่อนและอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อหลี่ฝานได้ยินว่าเด็กหญิงหายตัวไปก็ตกใจ และรับปากอย่างรวดเร็วว่าเขาจะคนไปถามให้อย่างแน่นอน

กู้เสี่ยวหวานบรรยายชุดของกุ้ยชุนเจียวเมื่อวานนี้ และวิ่งออกไปอีกครั้ง

หลี่ฝานก็ทำตามคำพูด เขาส่งผู้คนไปที่ทางน้ำและทางบกทันทีเพื่อสอบถามอย่างรอบคอบ

คนของหลี่ฝานรีบออกไปสอบถามทันที

ฝ่ายของกุ้ยสวิ้นเหอและกุ้ยซื่อกลับมาโดยไม่ประสบความสำเร็จ และทางกู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้ข่าวอะไรกลับมา เมื่อพวกเขามาถึงสถานที่ที่ตกลงกันไว้ พวกเขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา ทันทีที่เขาเห็นกู้เสี่ยวหวาน เขาจึงรีบพูดว่า “แม่นางกู้ ข้าคือฉางกุ้ยที่เถ้าแก่ส่งไปตามหาคน ข้าไปถามคนพายเรือและได้อธิบายเกี่ยวกับลักษณะของเด็กสาวที่เจ้าพูดถึง คนพายเรือเรือบอกว่า เมื่อเช้านี้มีลูกค้าคนหนึ่งมาที่ท่าเรือ นางมีมีลักษณะเหมือนที่เจ้าบอก!”

“ว่าอย่างไรนะ?” เมื่อกุ้ยซื่อได้ยินว่ามีคนเห็นกุ้ยชุนเจียว นางก็ก้าวไปข้างหน้าทันทีและดึงชายผู้นั้นไว้ “เจ้าพูดจริงหรือ มีคนเห็นลูกสาวของข้าจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”

ฉางกุ้ยคนนั้นพยักหน้า แต่ใบหน้าของเขาดูแย่เล็กน้อย “คนพายเรือผู้นั้นบอกว่าเขาเห็นผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ แต่สถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก และเขาก็ส่งผู้หญิงคนนั้นออกไปแล้วเมื่อเช้านี้”

“ว่าอย่างไรนะ? ส่งไปแล้ว?” กุ้ยซื่อกำเสื้อผ้าของเขาแน่นขึ้น และเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก “ส่งไปที่ใดกัน?”

เมื่อฉางกุ้ยเห็นกุ้ยซื่อตื่นตระหนกมาก เขาก็พูดอย่างตะกุกตะกัก “ข้า… ข้าก็… ไม่แน่ใจ ข้าเพิ่งได้ยินเขาพูดว่าเขาส่งลูกค้าไปแล้ว และลักษณะท่าทางของผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นคนในครอบครัวของท่าน นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ามาที่นี่ ไม่เช่นนั้น ท่านก็ไปกับข้าและถามรายละเอียดกับเขาเอง!”

กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ถ้าเช่นนั้นท่านก็นำทางไปเถิด”

ฉางกุ้ยนั้นหลุดพ้นจากพันธนาการของกุ้ยซื่อ วิ่งเหยาะ ๆ ไปที่เรือประมงพร้อมกับกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ

คนที่อยู่บนเรือมีหมวกปิดหน้า กำลังหลับตาตั้งสมาธิ

เมื่อกุ้ยซื่อเห็นว่าคนผู้นี้ส่งลูกสาวออกไป นางทั้งโกรธทั้งกังวลมากจนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนว่า “เจ้าส่งลูกสาวของเข้าไปที่ไหน?”