บทที่ 435 ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่า
บทที่ 435 ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่า
ซูอันรู้สึกเขินอายที่จะยอมรับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังเหล่านี้ ดังนั้นจึงเริ่มโอ้อวดทันที “แน่นอนว่าคณิกาอันดับหนึ่งนั้นดีที่สุด! เป็นประสบการณ์อันสุดยอดจริง ๆ!”
เขาโพล่งทุกอย่างที่นึกขึ้นได้ โดยใช้โครงเรื่องจากนวนิยายปลุกใจเสือป่าทางอินเตอร์เน็ตซึ่งเขาเคยอ่านมาก่อน
แม้ว่าสถาบันจันทร์กระจ่างจะมีนักศึกษาจำนวนมากจากครอบครัวที่มีอิทธิพล แต่ก็มีหลายคนที่มาจากครอบครัวธรรมดาด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชั้นเรียนสีเหลือง
พวกเขาทั้งหมดอายุยังน้อย ดังนั้นจึงไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้มากนัก เลือดของพวกเขาเริ่มสูบฉีดขณะที่ฟัง ใบหน้าและหูของแต่ละคนแดงระเรื่อ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
—
ท่านยั่วยุชั้นเรียนสีเหลืองสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 66…66…66…
—
ซูอันรู้สึกท้อแท้ ไอ้พวกนี้ไม่มีจิตสำนึกจริง ๆ พวกเขากำลังได้ฟังหนังสือเสียงฟรี ๆ แต่มาโกรธข้าซะได้!
ฮึ่ม! ช่างเถอะ เนื่องจากพวกเจ้าได้ให้คะแนนความโกรธแค้นแก่ข้าแล้ว นายน้อยผู้นี้จะยอมอภัยให้กับความผิดบาปของพวกเจ้าทุกคน
แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีนักศึกษาคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาเพื่อส่งข้อความ “อาซู มีคนกำลังตามหาเจ้าอยู่ที่ประตูห้อง!”
ทุกคนคุ้นเคยกับชื่อเล่นของเขาแล้ว
นักศึกษาบางคนที่กำลังมีอารมณ์ร่วมกับนวนิยายของซูอันอย่างสมบูรณ์ก็เกิดเคืองเมื่อเกิดการหยุดชะงักอย่างกะทันหัน ต่างคนต่างสงสัยว่าใครกันที่รบกวนพวกเขา?
แต่เมื่อพวกเขาหันกลับไปมองที่ประตู ก็เห็นสาวงามที่ดูเป็นกุลสตรีในชุดกระโปรงยาวยืนอยู่ข้างประตู นางโบกมือให้ซูอันด้วยรอยยิ้มที่แสนอ่อนหวาน
“นั่นไม่ใช่สุดยอดสาวงามอันดับเก้า เจิ้งตานหรอกเหรอ?”
“นางช่างสวยราวกับเทพธิดาจริง ๆ!”
“ดูกิริยามารยาทของนางสิ ผู้หญิงที่เรียบร้อยและอ่อนหวานแบบนี้คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการนำมาเป็นแม่ศรีเรือนอย่างแน่นอน!”
“จงฝันต่อไปเถิดเจ้าพวกโง่ นางหมั้นกับนายน้อยของตระกูลซ่างแล้ว นอกจากนี้ แม้ว่านางจะยังไม่หมั้น พวกเจ้าก็คงไม่มีโอกาส!”
“ว่าแต่ทำไมนางถึงมาหาอาซูที่นี่? แถมนี่ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยซ้ำ”
“บัดซบ ไหน ๆ เจ้าก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ไหนบอกข้าหน่อยสิว่าพวกเขามีเรื่องอื้อฉาวกันจริง ๆ งั้นเหรอ?”
…
แก้มของเจิ้งตานแดงก่ำเมื่อได้ยินเสียงซุบซิบทั้งหมด นางก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย ซึ่งมันยิ่งเสริมภาพลักษณ์ที่อ่อนหวานและสงวนตัวมากขึ้นกว่าเดิม
ซูอันเดินไปที่ประตู หญิงสาวที่ดูขี้อายคนนี้สวมกระโปรงยาวตามแบบหนังสือเรื่อง อีหนูชาเขียว (โสเภณี) จากโลกที่แล้วของเขา
แต่นางช่างสวยเหลือเกิน! ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไม่มีใครรังเกียจอีหนูชาเขียวแบบนี้สักคน
“แม่นางเจิ้ง…มาหาข้ามีธุระอะไร?”
เจิ้งตานเม้มริมฝีปากอย่างลังเลขณะที่ดวงตาของนางมองไปรอบ ๆ “เราหาที่อื่นคุยกันได้ไหม? แถวนี้คนเยอะเกินไป”
“ได้ งั้นเราไปเดินเล่นกันเถอะ” ซูอันคิดที่จะพานางไปที่บ้านพักของเขา แต่ในไม่ช้าก็ละทิ้งความคิด เพราะมีเวลาระหว่างคาบเรียนไม่มาก
ทั้งสองเดินตีคู่กันไปราวกับเป็นคู่รักกันจริง ๆ
เว่ยสั่วลุกขึ้นโค้งคำนับไล่หลังทันทีด้วยความชื่นชม “อาซูคู่ควรกับตำแหน่งแมงดาผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง! เขาเพิ่งคลุกเคล้ากับคณิกาอันดับหนึ่งเมื่อคืนนี้ และวันนี้แม่นางเจิ้งก็มาหาเขาถึงที่!”
“ฮึ่ม! มันอาจจะไม่มีอะไรแบบที่เจ้าคิดก็ได้ เจ้าอย่าเอาสมองอันสกปรกของเจ้าปั้นแต่งเรื่องให้มันเลยเถิดจะดีกว่า! แม่นางเจิ้งหมั้นแล้ว นางอาจจะต้องการปรึกษากับอาซูในเรื่องธุระบางอย่างก็เป็นได้!”
นักศึกษาอีกคนโต้กลับทันที แค่การฟังเรื่องชิวฮัวเล่ยมันก็เพียงพอแล้วที่จะเติมเต็มหัวใจของเขาให้เต็มเปี่ยมไปด้วยความอิจฉาริษยา และความขุ่นเคืองจนแทบจะหัวระเบิด ดังนั้นตอนนี้เขาจะรับอีกได้ยังไง เมื่อคิดว่าซูอันกำลังยุ่งอยู่กับสุดยอดสาวงามต่อหน้าต่อตาเขาอีกคน!
เหล่านักศึกษารู้สึกว่าหัวใจดวงน้อยของตัวเองกำลังจะแหลกสลาย
“เรื่องระหว่างชายและหญิงถือว่าไม่เหมาะสมงั้นเหรอ?” เว่ยสั่วมองกลับ “ถ้านางหมั้นแล้วไงล่ะ? การพิชิตคู่หมั้นของคนอื่นมันจะยิ่งทำให้รู้สึกถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่มากกว่าไม่ใช่หรือไง?”
คนอื่นที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “โอ้ เจ้าพูดคำที่กล้าหาญเหล่านี้ออกมาเป็นด้วยงั้นเหรอ? เจ้ากำลังจินตนาการว่าตัวเองเป็นอาซูอยู่เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเจ้าใช่ไหม? นี่เจ้าไม่รู้สึกอายบ้างหรือไง?”
ใบหน้าของเว่ยสั่วกลายเป็นแดงก่ำ “ไร้สาระ! ข้าแค่รู้สึกมีความสุขแทนเพื่อนของข้า”
…
อีกด้านหนึ่ง
เมื่อซูอันเห็นคะแนนความโกรธแค้นที่หลั่งไหลเข้ามาใหม่ชุดใหญ่ ชายหนุ่มก็เริ่มสงสัยว่าพวกในห้องเรียนกำลังทำอะไรอยู่ เขาจากมาแล้ว ทำไมถึงยังโกรธเขากันอยู่อีก?
“อาซู ข้าได้ยินมาว่าเจ้าถูกเฉินเซวียนโจมตีระหว่างทางมาที่นี่ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ทั้งสองได้เดินมาถึงพื้นที่อันเงียบสงบ ท่าทางที่ขี้อายและสงวนตัวของนางได้หายไป และถูกแทนที่ด้วยการแสดงออกที่ดูเป็นห่วงเป็นใยอย่างยิ่ง นางดึงมือเขาและพลิกไปมามองด้วยแววตาเป็นกังวลราวกับพยายามค้นหาบาดแผลอย่างจริงใจ
“ข้าจะคิดเงินเจ้าถ้าเจ้าแตะต้องตัวข้านานกว่านี้” ถ้าเขายังไม่รู้ถึงความตั้งใจของนาง ซูอันอาจจะถูกล่อลวงไปแล้ว ทักษะการแสดงของนางช่างดีเหลือเกิน นางดูเหมือนหญิงสาวที่เป็นห่วงเป็นใยเขามากมายจนราวกับว่าเป็นคู่แท้กัน
“ข้าแค่ตรวจดูเจ้าเท่านั้นเอง” ใบหน้าของเจิ้งตานแดงเล็กน้อย “แต่ในเมื่อเจ้ายังสามารถพูดแบบนี้ได้ มันก็แสดงว่าเจ้าสบายดี ข้าโล่งใจละ”
“ขอบคุณมากสำหรับความเป็นห่วงของแม่นางเจิ้ง” ซูอันเอื้อมมือออกไปจับมือนางอย่างคล่องแคล่ว วัน ๆ นางทำอะไรบ้างถึงมือนุ่มได้ขนาดนี้? อาบน้ำแร่ แช่น้ำนมทุกวันหรือเปล่า?
เจิ้งตานดึงมือของนางกลับอย่างเขินอาย ภาพของชายผู้นี้ที่ลูบขาเปลือยเปล่าของนางแวบเข้ามาในหัวของนางอีกครั้ง
นางไม่รู้จริง ๆ ว่าครั้งนั้นเกิดอะไรขึ้นกับนาง สิ่งต่าง ๆ ไปไกลกว่าที่คิด เจิ้งตานเตือนตัวเองอย่างเข้มงวดว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก
นางยังไม่ลืมเหตุผลที่มาหาเขาในวันนี้ “อาซู ข้าได้ยินมาว่าเฉินเซวียนอยู่ในระดับหก! ถ้าเขาตั้งใจจะฆ่าเจ้า เจ้าก็ต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน!”
“ข้าจะทำอะไรได้? ยังไงก็ตาม ต่อให้มันกล้ามาอีก ข้าก็จะซ่อนตัวอยู่ในสถาบันทุกวัน ข้าไม่คิดว่ามันจะกล้าเข้ามาในสถาบันจันทร์กระจ่าง” ซูอันตอบกลับ
“จริง ๆ แล้วเจ้ายังคงค่อนข้างปลอดภัยในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ อ๋องฉู่เป็นผู้บ่มเพาะระดับแปดที่แข็งแกร่ง แถมข้างในคฤหาสน์ยังมีผู้บ่มเพาะอีกมากมาย และยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังมีอาจารย์ที่เจ้าสามารถร้องขอความช่วยเหลือได้” เจิ้งตานยิ้มหวาน ทำท่าทางราวกับว่านางกำลังพูดคุยในเรื่องที่ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร
“อาจารย์ของข้า?” ซูอันแสดงสีหน้าตกตะลึง “เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”
เจิ้งตานกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้านี่ปากแข็งจริง ๆ ทักษะการเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยมของเจ้าคงไม่ได้ผุดมาจากอากาศใช่ไหม?”
ซูอันหัวเราะคิกคัก “ข้าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะมาโดยตลอด แน่นอนว่าข้าคิดมันด้วยตนเอง! แม่นางเจิ้ง เจ้ากำลังพยายามหลอกถามอะไรข้าอยู่ใช่ไหม? ดูเหมือนว่าทักษะของเจ้าในด้านนี้ยังขาดอยู่เล็กน้อยนะ”
“ถ้าเจ้าไม่อยากพูดถึง ก็ลืมมันไปก็แล้วกัน” เจิ้งตานพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ข้าเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้า แต่เจ้าก็ยังสงสัยว่าข้ามีแรงจูงใจอื่น!”
ซูอันมองนางขึ้น ๆ ลง ๆ แล้วพูดว่า “จากความทรงจำของข้า แม่นางเจิ้งหมั้นหมายแล้ว จะไม่ให้สงสัยได้ยังไง โดยเฉพาะการที่จู่ ๆ เจ้าก็มาหาข้าแบบนี้?”