ตอนที่ 412 คว่ำก่อนเป็นเต่า

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 412 คว่ำก่อนเป็นเต่า

หลินเว่ยเว่ยยกจอกสุราขึ้นมา เจียงโม่หานก็ยกขึ้นเช่นกัน หยานจิงหยูจึงหยอกล้อทั้งสองว่า “นี่เรียกภรรยาร้องสามีรับหรือเปล่า ? ”

เจียงโม่หานยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะดื่มสุราในจอกพลางรู้สึกไม่คิดฝันว่าโฉวฝู่อำมหิตจะมีวันได้มาร่วมดื่มสุรากับอวี้สื่อตงฉิน หากเป็นเมื่อชาติก่อนคงเป็นแค่นิทานหลอกเด็ก !

ทว่าเมื่อเทียบกับเจียงโม่หานผู้แสนจะเย็นชาแล้ว หยานจิงหยูยังมีหัวข้อให้สนทนากับหลินจื่อเหยียนมากกว่า “น้องจื่อเหยียน ! พี่สาวของเจ้าทำอาหารของภาคเหนือและใต้ได้มากมายขนาดนี้เลยหรือ ? อีกทั้งอาหารแต่ละจานยังมีรสชาติดั้งเดิมมากด้วย…”

หลินจื่อเหยียนเผยให้เห็นถึงความภาคภูมิใจทันที “เรื่องนี้พี่สาวของข้ามีพรสวรรค์มาก ! พี่รองทำได้มากมายหลายอย่าง แค่อาหารจานปลาก็ทำให้บนโต๊ะของท่านมีความหลากหลายแล้ว อย่างเช่น ปลาต้มผักดองเสฉวน ปลาต้มราดพริกกระเทียม ปลาเปรี้ยวหวานซีหู (ปลานึ่งราดซอสเปรี้ยวหวาน) ปลาต้มในน้ำซุป…อ้อ ยังมีหัวปลาราดพริก รสชาติสุดยอดไปเลย ! ”

หยานจิงหยูมีดวงตาเปล่งประกายทันที “น้องจื่อเหยียนช่วยถามพี่รองของเจ้าให้หน่อยว่ารับลูกศิษย์หรือเปล่า ? ”

“รับลูกศิษย์อะไร ? ใครจะเรียน ? ” หลินจื่อเหยียนถามด้วยความงุนงง

หยานจิงหยูรีบชี้มาที่จมูกตนเอง “ข้า ! ข้าเรียน ! ข้าจะบอกเจ้าให้ ข้าเองก็มีพรสวรรค์ในการทำอาหาร…ข้า…”

เมื่อบ่าวรับใช้ของเขาได้ยินเช่นนั้นก็รู้ทันทีว่าคุณชายเริ่มเมาแล้ว คุณชายเป็นคนคออ่อนแต่ชอบงานเลี้ยงสังสรรค์ นายท่านจึงกำชับครั้งแล้วครั้งเล่าว่าไม่ให้เขาปล่อยคุณชายไปร่วมดื่มกับผู้ใด แต่ใครจะคิดว่าสุราองุ่นเพียงไม่กี่จอกก็ทำให้คุณชายเมาได้แล้ว !

บ่าวรับใช้รีบเข้าไปเตือน “คุณชายขอรับ คราวก่อนตอนที่ท่านแอบเข้าไปในครัวก็เกือบทำห้องครัวไหม้ ท่านลืมไปแล้วหรือขอรับ ? นับแต่นั้นมานายท่านก็สั่งให้คุณชายอยู่ห่างจากห้องครัว 20 ฉื่อ ท่านคงไม่ได้ลืมไปหมดแล้วหรอกนะขอรับ ? ”

“ข้าเกือบเผาห้องครัวนั่นเป็นเรื่องสมัยใดแล้ว ? ยังจะหยิบยกมาพูดอีกหรือ ? อีกอย่างถ้าข้าทำอาหารเป็นแล้วจะเผาห้องครัวอีกหรือไร ? ” หยานจิงหยูไม่พอใจสุด ๆ ดวงตาที่หันมามองบ่าวรับใช้แทบถลนออกมาอยู่แล้ว

บ่าวรับใช้รีบอธิบายแทนคุณชาย “ต้องขออภัยทุกท่านด้วยขอรับ คุณชายของข้าน้อยคออ่อน…”

“ใครบอกว่าข้าคออ่อน ? มา มาดื่มกันอีก 300 จอก ใครคว่ำ (หน้า) ก่อนเป็นเต่า ! ” หยานจิงหยูยกจอกสุราอันว่างเปล่าในมือขึ้นอีกครั้งแล้วเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจและ…ดื่มอยู่คนเดียว

เมาแล้วจริง ๆ ! คุณชายที่สง่างามและมีมารยาทขนาดนี้กลับพูด ‘ใครคว่ำก่อนเป็นเต่า’ ออกมาได้…ทำให้คนฟังอยากสำลักข้าวออกมา !

หลินจื่อเหยียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “นะ…นี่คือสุราองุ่น รสหวานเหมือนน้ำผลไม้ เพิ่งดื่มไปไม่กี่จอกก็เมาแล้วหรือ ? คออ่อนจริง ๆ…”

“ผู้ใดคออ่อน ? ” หยานจิงหยูหันขวับมามอง

หลินจื่อเหยียนรีบพูด “ข้า ข้าคออ่อน นี่เพิ่งดื่มไปไม่กี่จอกก็เริ่มมึนหัวแล้ว…”

หยานจิงหยูยิ้มออกมาอย่างโง่งม “น้องจื่อเหยียน เจ้าอย่าดูถูกตนเอง เจ้าอายุยังน้อย ดื่มไม่ไหวก็ไม่มีใครหัวเราะเยาะเจ้าหรอก…ถ้าใครกล้าหัวเราะเยาะเจ้าก็เท่ากับมีเรื่องกับข้าหยานจิงหยูคนนี้ ! ” ขณะพูดก็ยกมือมาทุบอกตัวเองแรง ๆ

หลินเว่ยเว่ยส่งสายตาให้น้องชายเพื่อบอกให้รินสุราแด่หยานจิงหยูอีกจอก…ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ มีเพียงต้องให้ดื่มลงไปเท่านั้นถึงจะทำให้เขาไม่เกเรมากขึ้น

เป็นอย่างที่คิด หลังจากหยานจิงหยูดื่มคารวะคนบนโต๊ะทีละจอกและคีบปลากระรอกทอดราดซอสเปรี้ยวหวานเข้าปาก…จู่ ๆ เขาก็ไม่เคลื่อนไหวอีกและทันใดนั้นบนโต๊ะอาหารก็มีเสียงกรนดังขึ้น เวลาเดียวกันเขาก็กำลังอมเนื้อปลาอยู่ในปากด้วย !

หลินเว่ยเว่ยแทบสำลักข้าวออกมา เมิ่งจิ่งหงและหลิ่วจงเทียนนำตัวเขาไปไว้ที่ห้องของหลินจื่อเหยียน แล้วทุกคนก็กลับมาดื่มกินต่ออีกครั้ง

เจียงโม่หานอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า…อวี้สื่อตงฉินในชาติก่อนก็มีด้านอ่อนไหวเช่นนี้ด้วย…

เช้าวันต่อมา หยานจิงหยูตื่นขึ้นมาในห้องเล็ก ๆ เมื่อเดินออกจากห้องที่แปลกตาแล้วเขาก็ยังเห็นลานบ้านที่ไม่คุ้นตาอีกจึงรู้สึกมึนงงในทันที…นี่เขาอยู่ที่ใด ? เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่ได้ ?

“พี่จิงหยูตื่นแล้วหรือ ? ” เมื่อคืนนี้หลินจื่อเหยียนไปนอนที่ห้องของหยางยี่หรานและถือโอกาสดูแลคนป่วยด้วยเลย ทว่าดูเหมือนคนป่วยจะไม่ต้องการให้เขาดูแลเพราะหลับลึกกว่าเขาเสียอีก !

พอเห็นหลินจื่อเหยียนแล้ว ความทรงจำก็ค่อย ๆ ย้อนคืนมา หยานจิงหยูถามด้วยความเขินอาย “เมื่อวานนี้ข้าดื่มจนเมา…คงไม่ได้ทำเรื่องน่าอายไว้ใช่หรือไม่ ? ”

“ไม่เลย นิสัยตอนเมาของพี่จิงหยูดีมาก มีแค่นอนสลบไปเท่านั้น ไม่ว่าใครเรียกก็ไม่ตื่น และเป็นศิษย์พี่เมิ่งกับศิษย์พี่หลิ่วที่หามท่านมาในห้อง” หลินจื่อเหยียนอยากหัวเราะออกมาแต่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะโมโห “อาหารเช้าเสร็จแล้ว พี่จิงหยูล้างหน้าล้างตาแล้วออกมากินอาหารเช้าด้วยกัน ! ”

หยานจิงหยูหันหลังกลับเข้าห้องแล้วดึงตัวบ่าวรับใช้มาถามว่าเมื่อคืนตนทำอะไรลงไปบ้าง ทันใดนั้นเขาก็แทบอยากเอาหน้าซุกไว้ในอ่างน้ำแล้วไม่อยากเงยหน้าขึ้นมาอีกเลย…เจอกันครั้งแรก อีกฝ่ายรั้งให้กินข้าวที่บ้านแต่เขากลับดื่มจนเป็นเช่นนั้น ถูกต้องแล้วที่ท่านพ่อห้ามเขาดื่มสุรา เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ! ขายหน้าสุด ๆ !

“พี่จิงหยู หากซาลาเปาทอดน้ำ1กับขนมจีบเย็นหมดแล้วจะไม่อร่อย ท่านเสร็จหรือยัง ? ” เสียงของหลินจื่อเหยียนดังมาจากด้านนอก

หยานจิงหยูกัดฟัน ไม่ว่าอย่างไรก็ขายหน้าไปแล้ว แม้จะหลบหน้า ทว่าอีกฝ่ายย่อมไม่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน หากเอาแต่หลบอยู่ในห้องไม่ยอมออกไป จะไม่ยิ่งน่าอายกว่าหรือ ?

“หอมมาก ! ” เพิ่งเดินเข้ามาก็ได้กลิ่นหอมหวนในห้องแล้ว มันช่างเย้ายวนจนทำให้น้ำลายไหลได้เลย

หลินจื่อเหยียนยกชามน้ำแกงร้อน ๆ เข้ามา กลิ่นหอมลอยออกมาจากน้ำแกงนี่เอง หลินจื่อเหยียนพูดพร้อมรอยยิ้ม “น้ำแกงไข่สูตรเฉพาะของพี่รอง ! ”

“ไก่อะไรนะ ? ” หยานจิงหยูไม่ค่อยได้ยินจึงถามซ้ำอีกรอบ

“ไม่ใช่ไก่ แต่เป็นไข่ ! ” เอาล่ะ เดี๋ยวนี้ถึงขั้นมาสอนภาษากันแล้ว

หลินเว่ยเว่ยถีบก้นน้องชาย “อย่าทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าเป็นของประหลาด ความจริงก็แค่น้ำแกงไข่ชนิดหนึ่ง น้ำแกงของท่านเสร็จแล้ววางอยู่ในครัว ! ”

“ดีเลย ! ” หยานจิงหยูเห็นคนอื่นเข้าไปยกชามน้ำแกงไข่ออกมา เขาจึงวิ่งเข้าไปเพื่อจะยกของตนออกมาบ้าง แต่ชามน้ำแกงร้อนเกินไป ทำให้เขาเกือบจะทำชามหลุดมือ !

บ่าวรับใช้รีบวิ่งเข้าไปรับไว้แล้ววางมันลงกับโต๊ะ…เฮ้อ! น่าโมโหจริง ๆ คุณชายทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ยังคิดจะเรียนทำอาหารอีก แค่กินยังไม่รู้เลยว่ากินอะไรเข้าไป !

“มา มา ! ชิมซาลาเปาทอดกันดีกว่า พูดกันว่าเป็นอาหารจากทางหางโจว” หลินจื่อเหยียนคีบซาลาเปาทอดน้ำให้หยานจิงหยูอย่างกระตือรือร้น ส่วน ‘พูดกันว่า’ ที่จริงแล้วเขารู้มาจากพี่รองนั่นเอง

หยานจิงหยูกัดชิมคำเล็ก ๆ หลังชิมรสชาติอย่างละเอียดแล้วก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “กรอบ ไม่แข็ง ไม่เลี่ยน อร่อยมาก หลินกู่เหนียง เยี่ยมมาก ! ”

อีกฝ่ายชมพี่รอง แต่หลินจื่อเหยียนดีใจยิ่งกว่าอีกฝ่ายชมตนเองเสียอีก หลินจื่อเหยียนคีบ ‘ขนมจีบมันหมู’ ให้ หยานจิงหยู จากนั้นอีกฝ่ายก็คีบเข้าปากทั้งลูก กลิ่นหอมมาพร้อมความร้อน ธัญพืชเด่นชัดและข้าวเหนียวยังสุกกำลังดี นอกจากนี้ยังมีรสสัมผัสของมันหมูจาง ๆ เรียกได้ว่าทุกคำเต็มไปด้วยความอร่อย

หยานจิงหยูไม่เปิดปากพูดชมแต่อย่างใด เขายกนิ้วหัวแม่มือให้อย่างต่อเนื่อง คนอื่นก็พอใจกับอาหารเช้าในวันนี้มาก ดูได้จากการกินอย่างตะกละตะกลามนั้น

หลินเว่ยเว่ยยิ้มก่อนจะพูดกับเจียงโม่หานว่า “ข้ายังทำ ‘ขนมจีบมรกต’ เป็นด้วยล่ะ ขนมจีบมีรูปทรงเหมือนดอกเบญจมาศ ด้านในคือไส้ผัก พอนึ่งจนสุกแล้วไส้สีเขียวของผักในแผ่นแป้งสีใสก็จะเหมือนหยกเชียวล่ะ พอกินแล้วจะมีรสหวานและกลิ่มหอมของผัก เหมือนได้เข้าไปในสวนกลางฤดูใบไม้ผลิ มีนักปราชญ์เคยชมไว้ว่า ‘ชุ่มชื่นวิจิตร เคี้ยวเพลินไม่เบื่อ ไม่เพียงรสเลิศ ยังมีสีสันงดงาม’ ”

[i]
1 ซาลาเปาทอดน้ำ เป็น ซาลาเปาลูกเล็กคล้ายเสี่ยวหลงเปาแต่จะนำไปนึ่งกึ่งทอดให้มีความเกรียมทั้งบนและล่าง