ตอนที่ 413 นักกินได้อันดับที่หนึ่ง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 413 นักกินได้อันดับที่หนึ่ง

เจียงโม่หานหัวเราะเบา ๆ “นักปราชญ์ท่านใดวิจารณ์ได้ติดดินขนาดนี้ ? ”

หลินเว่ยเว่ยแยกเขี้ยวใส่ทันที “ก็นักปราชญ์ติดดินไงเล่า ! ” นักเขียนในยุคอนาคตย่อมใช้คำที่สละสลวยได้น้อยลงอยู่แล้ว

เจียงโม่หานพยักหน้า “ข้ารู้จักขนมจีบมรกต เป็นอาหารเช้าพิเศษของหยางโจวแล้วก็ยังมี ‘หยางโจวคู่เด็ด’ อีกหนึ่งอย่าง เป็นขนมทอดพันชั้น สีเหมือนฝูหรง ( ดอกพุดตาน ) และค่อนข้างโปร่งใส พูดกันว่าตัวขนมมีมากถึง 64 ชั้น รสสัมผัสหอมหวานกลมกล่อม มีเอกลักษณ์…”

ขณะเคี้ยวขนมจีบมันหมูอย่างเอร็ดอร่อย หยานจิงหยูก็ทำหูกาง ไม่พลาดบทสนทนาของทั้งสองแม้แต่น้อย เขาพูดด้วยความประหลาดใจ “น้องเจียงเคยไปหยางโจวแล้วหรือ ? ข้าได้ยินว่าอาหารมื้อเช้าของหยางโจวไม่ได้เรียกว่าอาหารเช้า แต่เรียกชาเช้า เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ? ”

เจียงโม่หานตอบอย่างเรียบนิ่ง “ไม่เคยไป แต่เคยอ่านเจอในตำราเท่านั้น…”

…! บัณฑิตน้อย เจ้าจะทำให้บรรยากาศเงียบสงัดไม่ได้ !

โชคดีที่หยานจิงหยูไม่ใส่ใจ เขารีบบรรยายถึงอาหารเลิศรสที่เคยได้ยินมาบ้าง เจียงโม่หานคอยฟังเงียบ ๆ และตอบเพียงประโยคสองประโยคเท่านั้น แต่มันทำให้อีกฝ่ายอยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์มากกว่าเดิม…

ข่าวใหญ่ ข่าวใหญ่ ! อวี้สื่อตงฉินและโฉวฝู่อำมหิตร่วมดื่มกินและสนทนากันอย่างสนุกสนาน…

ห้าวันต่อจากนั้นก็มาถึงวันประกาศผลสอบฝู่ซื่อ เมิ่งจิ่งหงเดินนำโดยมีหลิ่วจงเทียนและหลินจื่อเหยียนเดินขนาบข้าง ส่วนเผิงหยูเหยี่ยนและหยางยี่หรานเดินตามหลังมาติด ๆ ทั้งห้าคนเป็นเสมือนใบมีดที่เบียดเข้าไปในฝูงชนที่มาดูผลสอบ

“ออกแล้ว ! ออกแล้ว ! ” เจ้าหน้าที่นำผลสอบมาติดบนป้ายประกาศ พวกบัณฑิตที่รอดูก็มีอาการเหมือนหยดน้ำกำลังไหลลงน้ำมันเดือดจัดคือเริ่มกระจายตัวทันที

เมื่อโดนพวกคนด้านหลังผลัก เมิ่งจิ่งหงก็เบียดเข้ามาอยู่ตรงกลางฝูงชนอย่างรวดเร็ว เขามีสีหน้าซีดเผือด “เลิกเบียดได้แล้ว อาหารเช้าที่กินมาจะโดนพวกเจ้าเบียดจนไหลย้อนออกมาอยู่แล้ว ! ”

หลินจื่อเหยียนที่อยู่ด้านหลังก็ตัวสูงไม่พอจึงผลักเมิ่งจิ่งหง “อย่ามัวพูดจาไร้สาระ รีบดูผลสอบเร็ว ! ”

เมิ่งจิ่งหงมองจากรอบนอกสุด ผ่านไปไม่นานเขาก็ทำตัวเหมือนไก่โดนเหยียบเท้าที่ร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจ “หาชื่อของข้าเจอแล้ว ! ฮ่าฮ่า ข้าได้อันดับที่ 43 ข้าเป็นบัณฑิตถงเซิงแล้ว ! ”

หากไม่โดนเบียดจนขยับตัวไม่ได้ เขาก็อยากกระโดดตีลังกา ! เผิงหยูเหยี่ยนกับหลินจื่อเหยียนยังจิ้มที่เอวเขา “อย่าเพิ่งดีใจ กลั้นไว้ก่อน ! ดูต่อสิ ! ”

เมิ่งจิ่งหงเข้าใจความรู้สึกในตอนนี้ของคนอื่น เขาจึงอดกลั้นความรู้สึกดีใจเอาไว้แล้วหรี่ตาเพื่อไล่มองบนกระดานต่อไป “หาเจอแล้ว ! สหายหลิ่ว เจ้าได้อันดับที่ 38 ! ”

หลิ่วจงเทียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ บ้านของตนกับบ้านของเมิ่งจิ่งหงเป็นสหายกัน สามารถพูดได้ว่าพวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ในสำนักศึกษาก็มีความสามารถระดับใกล้เคียงกัน เจ้าเมิ่งจิ่งหงไม่ค่อยสนใจอ่านตำรา ส่วนตนก็ไม่ค่อยมีพรสวรรค์ในการอ่านสักเท่าไร ดังนั้นด้านการเรียนรู้ของทั้งสองจึงไม่ค่อยแตกต่าง ถ้าเจ้าหมอนี่สอบบัณฑิตถงเซิงได้ แต่เขาไม่ติด พอกลับไปแล้วคงไม่มีหน้าไปพบท่านพ่อแน่นอน…โชคยังดี โชคยังดี !

เมิ่งจิ่งหงหันไปมองสหายสนิทของตนแล้วขยิบตาให้ หลิ่วจงเทียนยกมือถูข้างแก้มของตนแล้วพูดกับเขาว่า “หาต่อ ! ศิษย์พี่เผิงกับน้องจื่อเหยียนยังรออยู่ ! ”

เมิ่งจิ่งหงพูดด้วยรอยยิ้ม “พวกเราสอบติดแล้ว ศิษย์พี่เผิงกับน้องจื่อเหยียนยังต้องกังวลอะไรอีก ? ต้องติดอยู่แล้ว…นั่นไง ข้าเดาถูกจริง ๆ ด้วย ศิษย์พี่เผิง ท่านสอบได้อันดับที่ 26 ! ”

หยางยี่หรานดูผิดหวังเล็กน้อย ศิษย์พี่เมิ่งดูจากหลังไปหน้า หมายความว่า 26 อันดับล่างไม่มีเขาอยู่เลย ต้องหมดสิทธิ์แล้วแน่นอน ! ตอนสอบสนามสองเขาก็มีลางสังหรณ์บางอย่างแล้ว กอปรกับปัญหาเรื่องฝนรั่วในสนามสอบที่สามจึงทำให้เขาล้มป่วย ความหวังที่จะมีรายชื่อจึงยิ่งริบหรี่…ตอนนี้ก็คงต้องตัดใจ !

หลินจื่อเหยียนดีใจแทนพี่เขยใหญ่ ในเวลาเดียวกันก็ยิ่งร้อนใจ มาถึงอันดับที่ 26 แล้ว ข้างหน้ายังมีรายชื่ออีกครึ่ง ไม่รู้ว่าจะมีชื่อของตนอยู่ไหม…

เผิงหยูเหยี่ยนสังเกตเห็นความวิตกกังวลของอีกฝ่ายจึงหันไปตบบ่าเขาแล้วพูดว่า “จื่อเหยียน ไม่ต้องกลัว ! ศิษย์น้องเจียงก็พูดแล้วว่าด้านการเรียนนั้นเจ้ามีพรสวรรค์กว่าข้า บทความก็เต็มเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณ อันดับของเจ้าต้องอยู่ด้านหน้าแน่นอน ! ”

“หาเจอแล้ว ! หลินจื่อเหยียน อันดับที่ 12 ! ” เมิ่งจิ่งหงหันกลับมายกกำปั้นให้เขา “เจ้าตัวแสบ ได้อันดับดีใช้ได้ ! ”

เมิ่งจิ่งหงยังไล่ดูอันดับจากหลังไปหน้าอีกครั้ง แต่ท้ายที่สุดก็ยังหาชื่อหยางยี่หรานไม่เจอ พวกเขาทั้งห้าจึงพยายามเบียดตัวออกจากฝูงชน ทั้ง 4 คนที่สอบติดแม้จะดีใจก็นึกถึงความรู้สึกของหยางยี่หรานจึงคิดหาวิธีปลอบเขาแทน…

หยางยี่หรานพูดอย่างปล่อยวาง “เดิมทีด้านการเรียนของข้าก็สู้พวกท่านไม่ได้อยู่แล้ว ท่านพ่อก็บอกว่าคราวนี้ให้ข้ากับญาติผู้พี่มาทำความคุ้นเคยกับสนามสอบและขั้นตอนระหว่างนั้นก่อน พอถึงเวลาสอบอีกรอบจะได้มีความมั่นใจขึ้น ! ไม่ต้องนำข้ามาทำให้จิตใจของพวกท่านห่อเหี่ยวหรอก”

เมิ่งจิ่งหงเข้าไปตบบ่าเขา ก่อนจะหันไปพูดกับคนที่เหลือว่า “พวกเจ้าเดาสิว่าอันดับหนึ่งคือใคร ? พวกเรารู้จักด้วยล่ะ ! ”

หลินจื่อเหยียนมุ่ยปาก “ยังต้องเดาอีกหรือ ? ท่านเห็นพวกเราโง่หรือไร ? บัณฑิตที่เข้าสอบฝู่ซื่อและพวกเรารู้จัก นอกจากเราไม่กี่คนแล้วก็ไม่ใช่พี่หยานหรืออย่างไร ? ”

เมิ่งจิ่งหงหัวเราะฮ่าฮ่า “คาดไม่ถึงเลยว่าพี่หยานจะร้ายกาจขนาดนี้ บัณฑิตนับพัน แต่เขาคว้าอันดับหนึ่งมาได้ หืม ? พวกเจ้าคิดหรือไม่ว่าพี่หยานคนนี้คงไม่ได้เป็นศัตรูตัวฉกาจของสหายเจียงหรอกกระมัง ? ”

สำหรับพี่เขยรองแล้ว หลินจื่อเหยียนยังมั่นใจมากพอสมควร “ข้าคิดว่าศิษย์พี่เจียงมีสิทธิ์ชนะมากกว่า วันนั้นพี่หยานกับศิษย์พี่เจียงถกเถียงความรู้กัน พี่หยานยังชื่นชมอีกฝ่ายอย่างสุดบรรยาย มันไม่ชัดเจนอีกหรือ ! ” ว่าที่พี่เขยรองคนนั้น แม้แต่ผู้อาวุโสเซวียยังชื่นชม ฉะนั้นอันดับหนึ่งในการสอบจอหงวนครานี้ต้องเป็นของพี่เขยรองแน่นอน !

หยานจิงหยูรู้ผลสอบจากปากบ่าวรับใช้แล้วก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอันใด เนื่องจากตัวเขาได้ศึกษาอยู่ในสำนักศึกษาชั้นดีที่สุดของเมืองหลวงและยังมีผู้อาวุโสในบ้านคอยชี้แนะอีก ต้นทุนจึงสูงกว่าบัณฑิตทั่วไปมากพอสมควร ผนวกเข้ากับรูปแบบการเขียนบทความของบัณฑิตทางเหนือยังไม่ค่อยสละสลวย ความยากในการสอบสำหรับเขาจึงลดลงอย่างมาก หากไปทางใต้ล่ะก็ ด้วยความรู้ของเขานี้แค่ติดหนึ่งในสิบอันดับแรกก็ถือว่าไม่เลวแล้ว !

หยานจิงหยูนั่งรอฟังข่าวอยู่ที่โรงน้ำชาตรงข้ามสนามสอบ เมื่อเขาก้มมองก็เห็นร่างอันแสนคุ้นตาของคนทั้งห้า

“พี่เผิง น้องชายหลิน ! ” หยานจิงหยูเดินลงมาจากโรงน้ำชา ขณะอยู่ห่างจากพวกเขาทั้งห้าตั้งหลายก้าวก็โบกมือทักทายอย่างสนิทสนมแล้ว

“ยินดีด้วย ยินดีด้วย พี่จิงหยูสอบได้ที่หนึ่ง ! ” หลินจื่อเหยียนทำมือคารวะเพื่อแสดงความยินดีต่ออีกฝ่าย

“พวกเจ้าไปดูผลสอบมาแล้วหรือ ? ” หยานจิงหยูคารวะตอบ “ลำดับที่ได้คงไม่เลวกระมัง ? ”

หยางยี่หรานคลี่ยิ้ม “นอกจากข้าแล้ว พวกเขาทั้งสี่ก็ติดอันดับกันหมด ! ”

หยานจิงหยูรีบพูดปลอบเขาสองสามประโยค ก่อนจะพูดว่า “ข้าจองห้องอาหารไว้ที่หยวนเค่อหลาย มื้อเที่ยงนี้ข้าเลี้ยงเอง…”

หลินจื่อเหยียนเผยสีหน้าไม่ค่อยดี “พี่รองตื่นมาเตรียมวัตถุดิบตั้งแต่เช้าตรู่ บอกว่าเที่ยงนี้ให้กลับไปกินหม้อไฟ ทุกคนจะได้ร่วมวงสนุก…”

“หม้อไฟ ? สิ่งใดคือหม้อไฟ ? ” หยานจิงหยูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที คราวก่อนได้ชิมฝีมือหลินกู่เหนียงแล้ว เขาก็ยังนึกถึงมาโดยตลอด ! หลินกู่เหนียงมีรสมือขั้นเทพ ขอเพียงเป็นอาหารที่นางเคยกิน นางก็ทำออกมาได้หมด แถมรสชาติยังดีกว่าด้วย !

…นี่เป็นข้อแก้ตัวใหม่ที่หลินเว่ยเว่ยคิดขึ้นมา เพราะการอ้างว่านางชอบใช้สูตรอาหารของบรรพบุรุษแล้วดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไร บ้านของผู้ใดที่จะมีสูตรอาหารทั้งเหนือและใต้หรือของกินจากทั่วโลกขนาดนี้กันเล่า ?