บทที่ 442 บุตรสาวแห่งแมงมุม

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 442 : บุตรสาวแห่งแมงมุม

ในดินแดนแห่งความมืดซึ่งเป็นที่อยู่ของเอลฟ์ดำนับไม่ถ้วน ถ้ำที่ครั้งหนึ่งซานดัลฟอน มารดาแห่งแมงมุมพักอาศัย

โพรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนด้านในพรุนละเอียดดุจรังผึ้ง ทุกช่องต่างเต็มไปด้วยเอลฟ์ดำ ศีรษะอันมีผิวคล้ำดำและผมสีเงินชะโงกออกมามองยามได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอก

เมื่อเชอร์รี่ก้าวสู่ดินแดนแห่งความมืด ความรู้สึกคุ้นเคยก็โชยปะทะหน้า ดวงตาสว่างไสวของเธอจมสู่ห้วงความทรงจำในวัยเด็กซึ่งผุดขึ้นในใจ

เธอพาสาวใช้ของเธอ เบลล่าและเพื่อนที่พบบนท้องถนน ชาร์ล็อตต์ คาร์ดาสมาด้วยเพียงสองคน

เชอร์รี่หันศีรษะของเธอไปมองสตรีสูงศักดิ์ร่างผอมสง่างามในชุดเดรสสีขาวผู้ติดตามเธออยู่ข้างหลัง ดวงตาอสรพิษสีเขียวพิศวงแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อนแล้ว

แม้จะไม่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไร แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่าไวลด์คือนักเวทมนตร์ดำผู้แข็งแกร่งที่สุดในขณะนี้…

เมื่อคิดเช่นนี้ เชอร์รี่ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ขณะเดินทาง เชอร์รี่ได้บอกไวลด์ว่าเธอจำไวลด์ได้ทันทีจากคำพูดของหลินเจี๋ยที่ว่า ‘หากยังมีชีวิต ก็ยังมีโอกาสได้พบ’

ไวลด์อึ้งไปชั่วขณะ และเชอร์รี่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เองที่ไวลด์เชื่อมั่นอย่างหนักแน่นอีกครั้งว่าตนยังไม่ถูกเจ้าของร้านหลินทอดทิ้ง

ในตอนที่ต้องเลือกระหว่างเขาและโจเซฟ ไวลด์เกือบคิดเสียแล้วว่าเจ้าของร้านหลินเลือกโจเซฟ แต่ผลคือเขาก็ยังรอดชีวิต และดูเหมือนเขาจะยังมีประโยชน์ต่อเจ้าของร้านหลิน

เชอร์รี่ก็บอกไวลด์ถึงเหตุผลการมายังดินแดนแห่งความมืดในครั้งนี้เช่นกัน ไวลด์เบ้หน้ากับการกระทำใช้คนตายเป็นกับดักของอีกฝ่าย ชั่วในสันดานโดยแท้

แต่นี่คือบททดสอบที่เจ้าของร้านหลินมอบให้เขา ดังนั้นเขาต้องให้คำตอบที่น่าพึงพอใจ…

ไวลด์แทนที่ความคิดของชาร์ล็อตต์ ตอนนี้เธอและไวลด์แทบจะอาศัยโดยพึ่งพากัน สติของเธอยังไม่หลอมรวมกับเขาโดยสมบูรณ์ แต่ทั้งสองซ้อนทับกัน และความคิดของเธอกับไวลด์ก็สอดคล้องกันโดยสมบูรณ์

เชอร์รี่ชะงักฝีเท้า ในที่สุดเธอก็มาถึงร้านเหล้าขนาดเล็กซึ่งเป็นสิ่งบันเทิงหนึ่งในไม่กี่อย่างของเอลฟ์ดำ

เธอเลิกม่านร้านเหล้าออก เห็นใบหน้าที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยมากมาย พวกเขาทั้งหมดดูจะเป็นเศษเดนเอลฟ์ที่เคยรังแกเชอร์รี่และแม่ของเธอมาก่อน

เอลฟ์ดำหลายสิบตนนั่ง ๆ ยืน ๆ อยู่ทั่วร้านเหล้ากะจ้อยร่อยนี้ รายล้อมหญิงงามผู้มีเส้นผมสีเงินหยักเป็นลอนและดวงตาสีลาเวนเดอร์ซึ่งนั่งเอกเขนกอยู่ตรงกลาง

“เชอร์รี่น้อยของฉัน ไม่เจอกันมาตั้งนาน ขอกอดหน่อยสิจ๊ะ” ดวงตาของสเตฟานีทอประกายเมื่อเห็นเชอร์รี่ ราวกับเป็นญาติผู้ใหญ่ซึ่งรักบุตรหลานของเธอ

เชอร์รี่มองเธออย่างเฉยเมย เมินเฉยทุกอากัปกิริยา ทำเพียงกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “เลิกเล่นละครเถอะสเตฟานี ถึงจุดนี้ ไม่เหนื่อยหรือไงที่ต้องคอยเสแสร้ง?”

สเตฟานี ‘บุตรสาวแห่งแมงมุม’ ผู้เป็นอดีตคนสนิทของ ‘มารดาแห่งแมงมุม’ ซานดัลฟอนเทียบได้กับฝันร้ายในความทรงจำวัยเด็กของเชอร์รี่ แต่เธอไม่ใส่ใจน้ำเสียงของเชอร์รี่ ทำเพียงกระพือขนตาดุจปีกฝีเสื้อของเธอและมองไปเบื้องหลัง

มีสตรีสูงศักดิ์ผมทองตาฟ้าคนหนึ่งนั่งอย่างระมัดระวังอยู่เบื้องหลังเชอร์รี่ ดูออกจะกระวนกระวายนิดหน่อย

“เพื่อนเธอเหรอ?” สเตฟานีเลียปาก

“คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย?” เชอร์รี่เลิกคิ้วจ้อง “หยุดพูดไร้สาระเถอะ ฉันมารับเถ้ากระดูกแม่ฉันแล้ว”

“ฮะ ๆ” สเตฟานีอดหัวเราะไม่ได้ “เอลฟ์ดำทุกตนต่างหวังว่าสักวันจะถูกฝังในดินแดนแห่งความมืดนี้ แต่เธอกลับอยากพาแม่ของเธอไป เธอจะไม่มีความสุขเอานะ”

ได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของเชอร์รี่ด็มือหม่นโดยสมบูรณ์ เสียงของเธอเย็นลงหลายองศา ก่อนจะกล่าวอย่างเฉยเมย “คุณคิดว่าตัวเองพูดแทนใครได้? แม่ฉันไม่อยากอยู่ในที่แย่ ๆ แบบนี้แม้แต่นาทีเดียวหรอก!”

รอยยิ้มของสเตฟานีค้างบนใบหน้าเช่นเดียวกับสีหน้าของเธอ ในขณะเดียวกัน เหล่าเอลฟ์ที่รายล้อมต่างก้าวมาข้างหน้าตนแล้วตนเล่า ล้อมเชอร์รี่ไว้ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

“นังตัวดี” ม่านตาของสเตฟานีขยายขึ้นเล็กน้อย เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ กระโปรงยาวของเธอเต็มไปด้วยคริสตัลทอประกายดุจม่าน

“ฉันจะให้โอกาสเธอแล้วกัน เรามีเส้นทางสู่เขตล่างเป็นของตนเอง จุดประสงค์คือทำให้ดินแดนแห่งความมืดกลายเป็นบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์แห่งใหม่ และเปลี่ยนหอการค้าแอชของพวกเธอมาเป็นตัวเบี้ยของเรา”

เชอร์รี่เลิกคิ้วมองไปรอบ ๆ สีหน้าของเธอไม่เปลี่ยนแปลง ทักษะ ‘ผนึกสะกดใจ’ ของเธอที่ได้รับจากเจ้าของร้านหลินมักถูกเธอใช้ก่อน แต่แค่เห็นหน้าสเตฟานี เชอร์รี่ก็อยากกระโดดเข้าไปฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ เสียแล้ว

จากบางมุมมอง ความตายของแม่เธอก็เกี่ยวข้องกับยัยแก่สมควรตายคนนี้เยอะมาก

ดินแดนแห่งความมืดไม่เคยเป็นถิ่นของสเตฟานี ผนึกสะกดใจก็แค่การใช้เสน่ห์แบบหนึ่งเพื่อวางรากฐานให้เชอร์รี่ และตอนนี้เธอไม่มีเวลามากขนาดนั้น

จะว่าไป ตอนนี้มีสถานการณ์เสียเปรียบมากมายเกินไป และบางทีการจากไปทันทีก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง

แต่ว่า…เชอร์รี่อยากฆ่าสเตฟานีซะ!

เธอเงยหน้าขึ้น ในขณะที่สเตฟานีกล่าวว่า “โอ้…โง่แท้ ๆ”

ดวงตาสีม่วงของสเตฟานีหม่นแสงลงพลางกระซิบ “งั้นเธอกับแม่ก็อยู่ที่นี่ไปตลอดกาลแล้วกัน”

พูดจบ เหล่าเอลฟ์ซึ่งลับมีดรอมาตลอดต่างใช้ความสามารถเหนือธรรมชาติของตน หมายมาดฆ่าเธออย่างดุร้าย ทว่าใบหน้าน้อย ๆ ของเชอร์รี่ก็ยังคงแสดงสีหน้าดุดันอย่างไม่ยอมลง

สเตฟานีเห็นได้ง่ายดายว่าเชอร์รี่ไม่มีพลังเหนือธรรมชาติใด ๆ

ทำไมเธอถึงมั่นใจนัก? หรือเพราะแม่สาวผู้ดีปวกเปียกที่มาด้วยกัน? สเตฟานีมองหญิงสาวเบื้องหลังเชอร์รี่ สาวน้อยแสนงามผู้ดูตื่นกลัวเผยดวงตาอสรพิษสีเขียวเข้ม แต่กลับทำให้สเตฟานีรู้สึกว่าเธอดูออดอ้อน ไร้พิษสงโดยสิ้นเชิง

สเตฟานีวิเคราะห์อย่างระมัดระวัง

“นังพ่อแม่ไม่สั่งสอน…อึก!” ในขณะที่สเตฟานีกำลังจะสบถด่า จู่ ๆ ร่างกายของเธอก็เจ็บแปลบและก้มลงมองอย่างลืมตัว พบว่าคมดาบจากพลังของคนของเธอเองซึ่งโจมตีเข้าใส่เชอร์รี่เสียบเข้าไปในร่างของเธอนับแต่ตอนไหนไม่รู้

ดวงตาสีม่วงของสเตฟานีเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ ลูกน้องของเธอเองก็แสดงสีหน้าตื่นกลัว

“ฮึ” ใบหน้าที่ดูเยาว์วัยของเชอร์รี่เปี่ยมจิตสังหาร “ไปลงนรกซะ สเตฟานี”

‘คาถาดลใจ’ คือทักษะซึ่งพัฒนามาจาก ‘ผนึกสะกดใจ’ ที่เจ้าของร้านหลินให้เชอร์รี่มา

นับแต่ตอนที่เธอเข้ามาในร้านเหล้า เชอร์รี่ก็ได้ปลดปล่อยสนามอีเธอร์รอบตัวเธอ ส่งคำใบ้ให้ทุกคนรวมถึงสเตฟานีให้ปรับเปลี่ยนตัวตนระหว่างเชอร์รี่และสเตฟานีโดยไม่รู้ตัว

พวกเขาคิดว่าตนกำลังโจมตีเชอร์รี่ แต่ที่จริงแล้ว พวกตนกำลังโจมตีสเตฟานีอยู่ต่างหาก

ร่างของสเตฟานีถูกปักพรุน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความแปลกใจ

เชอร์รี่ถอนหายใจโล่งอก แรงต้านทางจิตใจของสเตฟานีสูงกว่าเธออย่างแน่นอน แต่เธอดูถูกเชอร์รี่มากเสียจนถูกคาถาของเชอร์รี่เข้า

เลือดหลั่งรินลงสู่ข้อมือ ร่างของสเตฟานีคุ้มงอจากบาดแผลสาหัส แต่เธอกลับหัวเราะเสียงต่ำ…

“นังลูกกำพร้า ฉันเกือบดูถูกแกมากไปแล้ว” เชอร์รี่เองก็รู้ว่าเธอไม่สามารถฆ่าสเตฟานีได้ในทันที

“ฮ่า ๆๆ!” สเตฟานีหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สะบัดหัวแหงนขึ้น ศีรษะส่วนบนของเธอเริ่มเปล่งแสง ดวงตากลม ๆ สีดำสนิทของแมงมุมเริ่มผุดขึ้นจากหน้าผากกว้างของเธอเหมือนฟองสบู่ ใบหน้าช่วงบนงอกเต็มไปด้วยเส้นขนสั้น ๆ แต่ใบหน้าส่วนล่างของเธอยังคงงดงามเช่นเคย

เชอร์รี่เบิกตากว้างขณะมองร่างของสเตฟานีที่เริ่มบวมเป่ง ชุดเดรสคริสตัลงดงามของเธอระเบิดออก ขาแมงมุมสีเลือดงอกออกมาจากส่วนท้องและสะโพก ร่างของเธอลดระดับลงกลายเป็นช่วงท้องมโหฬารเหมือนแมงมุมแม่ม่ายดำ

เธอกลายเป็นมนุษย์แมงมุมตัวใหญ่ยักษ์

“เชอร์รี่ เป็นอาหารของฉันซะ!” สเตฟานีมีน้ำลายไหลยืดตลอดเวลา เสียงของเธอแหลมบาดหูเหมือนเสียงเล็บครูดกระดานดำ กล่าวอย่างบ้าคลั่งว่า “ฉันไม่อยากใช้ร่างนี้เลย แต่เธอบังคับฉันเองนะ!”

เชอร์รี่แทบอาเจียนเมื่อเห็นร่างอันน่ารังเกียจของสเตฟานี เธอเปลือยร่างโดยสมบูรณ์ พ่นใยแมงมุมสีขาวออกมาจากส่วนก้น รายล้อมทั่วร้านเหล้าอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นรังของเธอในเสี้ยววินาที

เชอร์รี่ก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว เกือบล้มก้นจ้ำเบ้า เบลล่ารีบก้าวมาอยู่ตรงหน้าเชอร์รี่ ปลดกระโปรงสาวใช้ ดึงมีดสั้นออกมาหลายเล่มขว้างออกไปทันที ใบมีดทอประกายพุ่งเข้าหาสเตฟานี

น่าเสียดายที่พวกมันทั้งหมดนี้ดูจะทำได้เพียงจั๊กจี้สเตฟานี กระทั่งจะตัดใยแมงมุมอันดูบอบบางของเธอยังต้องเถือแล้วเถืออีก

“ท่านไวลด์!” เบลล่ากัดฟันมอง ‘ชาร์ล็อตต์’ ผู้ยังคงนั่งบนโซฟาอย่างเยือกเย็นราวขอความช่วยเหลือ

ชาร์ล็อตต์ยิ้มอย่างหมอง ๆ และเอ่ยชมเสียงแหบ “มีกลิ่นอายของมารดาแห่งแมงมุมนะนี่ ขโมยพลังเขามาใช่ไหม? อืม จะฆ่าก็คงน่าเสียดาย ใช้เป็นตัวอย่างทดลองสวย ๆ ได้นะ”

ตัวอย่างทดลอง? รสนิยมเป็นเอกลักษณ์จังนะคะ…

เชอร์รี่รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นท่าทีใจเย็นของไวลด์ เปลี่ยนไปบ่นในใจแทน

สีหน้าของสเตฟานีแข็งค้าง หันมองชาร์ล็อตต์โดยไม่รู้ตัว

เด็กสาวผู้ซึ่งก่อนหน้านี้ไร้พิษภัย ในตอนนี้แผ่พลังระดับเหนือนภาออกมาจนแทบปกคลุมทั่วดินแดนแห่งความมืดแล้ว

พลังอีเธอร์ในร่างของเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าซานดัลฟอนที่สเตฟานีเคยรับใช้แม้แต่น้อย