ตอนที่ 789 เริ่มศึกประลองภูติวิญญาณ (4) / ตอนที่ 790 เริ่มศึกประลองภูติวิญญาณ (5)
ตอนที่ 789 เริ่มศึกประลองภูติวิญญาณ (4)
ผู้เยาว์คนนั้นมองจวินอู๋เสียที่เดินช้าๆ เข้าไปจับสลากตาค้าง สีหน้าของเขาไม่ยินดีเลยสักนิด แต่เป็นความกลัวสุดขีดจนอยากจะร้องไห้!
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน!
ทำไมข้าต้องสู้กับเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นด้วย!
เมื่อคิดย้อนกลับไปในวันงานเลี้ยงที่ตำหนักรัชทายาท เขากับศิษย์ร่วมสำนักศึกษาคนอื่นๆ อีกหลายคนได้เข้าไปหาเรื่องจวินอู๋เสียในสวน แต่กลับจบลงด้วยการวิ่งหนีหางจุกตูด ภาพเหตุการณ์วันนั้นได้บอกเขาว่า ชะตากรรมของเขาในศึกประลองภูติวิญญาณปีนี้จบสิ้นลงแล้ว!
ให้ตายเถอะ เด็กนั่นมีพลังวิญญาณขั้นสีเขียวเลยนะ! มันคือขั้นสีเขียว!
แล้วคนที่มีพลังวิญญาณขั้นสีส้มกระจอกๆ อย่างข้าจะไปทำอะไรเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นได้
สิ่งที่ผู้เยาว์คนนั้นอยากทำมากที่สุดในตอนนั้นก็คือร้องไห้
ถ้าถามเขาว่าใครคือคู่ต่อสู้ที่เขาไม่อยากสู้ด้วยมากที่สุดในรอบแรกนี้ คำตอบย่อมไม่ใช่ชวีหลิงเย่ว์! แต่จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากสัตว์ประหลาดที่บ่มเพาะพลังวิญญาณได้รวดเร็วจนบ้าคลั่งนี้ต่างหาก!
คนอื่นๆ ไม่รู้ถึงพลังของจวินอู๋เสีย แต่พวกโชคร้ายจากสำนักศึกษาพิชิตมังกรมีโอกาสได้เห็นระดับขั้นพลังของจวินอู๋เสียแล้ว ข้อมูลที่น่าจะเป็นประโยชน์นี้กลับทำให้ศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกรอยากจะเอาหัวโขกกำแพงตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!
ถ้าเขาไม่รู้ระดับขั้นพลังของจวินอู๋เสีย เขาอาจจะคิดแบบเดียวกับคนอื่นๆ และพอใจมากที่จะได้บดขยี้คู่ต่อสู้ที่จะทำให้เขาได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย แต่ทว่า…
เขากำลังคิดว่าคนที่จะถูกบดขยี้อย่างง่ายดายคงเป็นตัวเขาเองอย่างแน่นอน!
ศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกรทำได้เพียงร่ำไห้อยู่ในใจด้วยสีหน้าซีดเผือด แต่สีหน้าย่ำแย่นั่นกลับทำให้ผู้เยาว์คนอื่นๆ มองไปอีกแบบ…
“อย่างที่คิด ศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกรคงรู้สึกว่าเป็นการเสียศักดิ์ศรีสำหรับพวกเขา ดูสิ คนผู้นั้นหน้าเขียวแล้ว! เขาต้องแค้นใจที่คู่ต่อสู้เป็นเด็กอ่อนแอแบบนั้น ไม่มีความท้าทายเลย” ผู้เยาว์คนหนึ่งกระซิบอย่าง ‘รอบรู้’ พร้อมกับแอบมองศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกรที่หน้าซีดขาว
และผู้เยาว์ที่ยืนถัดจากเขาก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“สำนักศึกษาพิชิตมังกรไม่ใส่ใจเรื่องโชคหรอก จากที่ข้าเห็น นอกจากชวีหลิงเย่ว์ของสำนักศึกษาธงศึกแล้ว เขาไม่คิดว่าจะมีใครที่นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมได้อีก การประลองกับเจ้าหนูตัวเล็กแบบนั้นอาจจะเป็นการดูหมิ่นเขาอย่างที่สุดเลยก็ได้”
พวกผู้เยาว์พากันพูดจาเรื่อยเปื่อยโดยไม่รู้ความจริง พวกเขายังคงยกยอศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกรต่อไปโดยไม่รู้ว่า…ในใจของชายผู้น่าสงสารคนนั้นกำลังร้องไห้เป็นสายเลือด
พวกเจ้าต้องล้อข้าเล่นแน่…
หลังจบการต่อสู้นี้ คนที่จะขายหน้าก็คือข้าต่างหาก!
ขณะที่ทุกคนกำลังรู้สึกว่าจวินอู๋เสียจะพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย ศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกรก็กำลังรู้สึกสงสารตัวเอง ส่วนอีกคนหนึ่งก็กำลังรู้สึกกังวลแทนจวินอู๋เสีย
หลังจับสลากเสร็จ ศึกประลองภูติวิญญาณก็เริ่มขึ้นด้วยผู้แข่งขันที่จับได้หมายเลขหนึ่ง ส่วนคนที่เหลือก็เฝ้าดูอยู่ด้านข้าง
ใครก็ตามที่ได้ขึ้นประลองเป็นคู่แรกก็จะรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองคนเดินขึ้นมาบนเวทีภายใต้ความกดดันอย่างที่สุด ไหล่ของพวกเขาสั่นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่คนดูทั้งหมดก็พากันหาที่นั่ง สำหรับคนที่จับสลากได้หมายเลขสูงๆ พวกเขารู้ว่าวันนี้ยังไม่ถึงตาของพวกเขา แต่ก็ยังไม่ไปจากสนามประลองเนื่องจากต้องการอยู่ดูการต่อสู้เพื่อทำความเข้าใจพลังและรูปแบบการโจมตีที่ศิษย์คนที่เข้ารอบใช้ให้ดียิ่งขึ้น เพราะไม่ว่าศิษย์คนไหนได้เข้าไปในรอบต่อไป ก็อาจจะกลายเป็นคู่ต่อสู้คนต่อไปของพวกเขาก็ได้
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง คำสอนโบราณที่ใช้ได้ตลอดกาล
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่การประลองคู่แรกเริ่มขึ้น จวินอู๋เสียก็เดินตรงไปที่ทางออกทันที ดูไม่สนใจที่จะทำความเข้าใจคู่ต่อสู้ในอนาคตเลยแม้แต่น้อย
การจากไปของจวินอู๋เสียเป็นที่สังเกตเห็นของผู้ชมมากมายที่รวมตัวกันอยู่รอบเวทีประลอง ในเมื่อนางเป็นคนเดียวในลานประลองที่เดินออกไป จึงไม่มีอะไรสะดุดตาคนไปมากกว่านี้แล้ว
ตอนที่ 790 เริ่มศึกประลองภูติวิญญาณ (5)
“รู้ตัวว่าไม่มีโอกาสชนะน่ะสิ กระทั่งจะอยู่ดูพอเป็นพิธียังไม่ทำเลย” ผู้เยาว์บางคนพูดเย้ยหยัน พวกเขาบางคนรู้ดีแก่ใจว่าตัวเองจะไม่รอดในศึกประลองภูติวิญญาณรอบแรก แต่ไม่ว่าพวกเขาจะอ่อนแอแค่ไหน อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่เดินจากไปอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้น
นั่นจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความอับจนหนทางของตัวเองเท่านั้น อย่างน้อยการอยู่ดูก็จะทำให้ได้ประสบการณ์บางอย่างถึงจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะชนะ แต่ก็ได้เรียนรู้บางอย่างในศึกประลองภูติวิญญาณครั้งนี้
การเห็นคนทำตัวอย่างที่จวินอู๋เสียทำ เดินจากไปโดยแม้แต่จะดูการต่อสู้สักครั้งเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ฮ่าๆ ข้าไม่คิดว่าเขาตั้งใจจะหยาบคายหรอก แต่การจับสลากได้หมายเลขเดียวกับศิษย์พี่หลินแบบนี้ เขาคงกลัวมากจนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ก็แค่นั้น” ผู้เยาว์ร่างผอมคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้กับศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกรพูดขึ้นเสียงดังเมื่อเห็นจวินอู๋เสียเดินออกไปจากสนามประลอง เขาอยากให้มีคนได้ยินเขาแสดงความชื่นชมต่อศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกร
“ศิษย์พี่หลินต้องทำให้เขากลัวมากแน่ๆ ข้าเดาว่าพอถึงเวลาขึ้นเวที เขาอาจจะขอยอมแพ้โดยไม่สู้แล้วสละสิทธิ์ไปเลยก็ได้” ผู้เยาว์อีกคนพูดขึ้นเสียงดังอย่างไม่ยอมแพ้ที่จะเลียแข้งเลียขาอย่างหน้าไม่อาย
พวกเขามาจากสำนักศึกษาเล็กๆ และรู้พลังของตัวเองดีว่าแข็งแกร่งไม่พอสำหรับที่นี่ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทำผลงานออกมาได้ดีเป็นที่น่าภูมิใจ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดที่จะประจบสอพลอศิษย์จากสำนักศึกษาใหญ่ๆ และมีชื่อเสียงเป็นที่เคารพนับถือ ด้วยความหวังว่าจะสามารถได้รับผลประโยชน์อะไรบ้างในอนาคตจากการรู้จักกับพวกหัวกะทิเหล่านี้ ชวีหลิงเย่ว์จากสำนักศึกษาธงศึกเป็นสตรี ถ้าพวกเขาเข้าหานางแบบใจกล้าหน้าด้านก็อาจจะถูกตบกลับมาก็ได้ ดังนั้นสำนักศึกษาพิชิตมังกรจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่นี่ เห็นได้จากจำนวนศิษย์ที่รายล้อมศิษย์ของสำนักศึกษาพิชิตมังกร ทุกคนต่างกระหายที่จะพาตัวเองเข้าไปใกล้ชิดกับเขา
มุมปากของหลินฉีเริ่มกระตุก เขามองดูศิษย์กลุ่มใหญ่รอบตัวเขาพากันยกย่องเชิดชูเขา แต่เขากลับไม่สามารถรู้สึกปลาบปลื้มยินดีได้เลย
ดูพอเป็นพิธีอะไรเล่าเจ้าพวกบ้า! เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นไม่อยากจะเสียเวลากับการประลองเด็กเล่นนี้ต่างหาก ในสายตาของผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเขียว พวกขั้นสีแดงกับขั้นสีส้มก็เป็นเหมือนกับเด็กเล่นกันเท่านั้นแหละ! มันก็แค่เสียเวลาดูเท่านั้น!
หลินฉีพบว่ากระทั่งจะหลั่งน้ำตาก็ยังทำไม่ได้ เขาพยายามจะวางมาดนิ่งๆ ต่อหน้าทุกคน หูของเขาได้ยินคำประจบสอพลออย่างชัดแจ้งทุกอย่าง ถ้านี่เป็นวันอื่น เขาคงยืดหลังฟังคำชื่นชมทั้งหมดอย่างมีความสุข แต่ในตอนนี้…เขาไม่มีอารมณ์เลยจริงๆ
เขาไม่สงสัยเลยสักนิดว่าหลังการประลองของเขากับจวินอู๋เสีย เขาจะอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเศร้าแค่ไหน!
ถูกผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเขียวตบคว่ำต่อหน้าผู้คน!
คำยกย่องชมเชยทั้งหมดในวันนี้จะทำให้เขาตกสู่ขุมนรกที่ลึกยิ่งขึ้นภายหลังวันที่จวินอู๋เสียกระทืบเขาเล่น
แค่คิดก็ทำให้เขามองเห็นโศกนาฏกรรมที่กำลังใกล้เข้ามา
ด้วยความคิดที่ว่าอีกไม่กี่วันเขาจะถูกจวินอู๋เสียทารุณและต้องขายหน้าต่อหน้าทุกคน หลินฉีก็ไม่สามารถทนอยู่ในลานประลองต่อไปได้ การที่ต้องเผชิญหน้ากับจวินอู๋เสียแทบจะทำให้เขาอยากฆ่าตัวตาย และเมื่อคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ตำหนักรัชทายาทที่เขากับสหายได้ไปหาเรื่องจวินอู๋เสียแล้ว เขาก็ยิ่งกลัวว่าจวินอู๋เสียจะจำได้และเอามาลงกับเขาในการประลอง! เมื่อคิดได้ดังนั้น หลินฉีจึงนั่งเฉยๆ ต่อไปไม่ได้ เขากระโดดขึ้นจากที่นั่งทันทีและวิ่งไล่ตามหลังจวินอู๋เสียไปอย่างบ้าคลั่ง
มันต้องไม่เกิดขึ้น! อย่างน้อยก็ต้องพยายามเอาตัวรอดไว้ก่อน!
การรีบร้อนจากไปอย่างกะทันหันของหลินฉี ทำให้คนอีกผู้หนึ่งตกใจจนกวาดเอาศิษย์คนอื่นๆ กระเด็นออกไป และยังไม่ทันที่เสียงโวยวายจะเงียบลง ชวีหลิงเย่ว์ก็ลุกขึ้นวิ่งออกไปจากลานประลองเช่นกัน
คนสามคนที่ออกจากลานประลองตามกันไปติดๆ ทำให้พวกผู้เยาว์ในลานประลองเขตที่หนึ่งพากันสับสนงุนงง พวกเขามองหน้ากันอย่างสงสัยก่อนจะหันกลับจดจ่ออยู่กับการต่อสู้บนเวทีตรงหน้าอีกครั้ง