บทที่ 452 เขาเพิ่งจะสองขวบกว่า แต่จีบสาวเป็นแล้ว !

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

ทันใดนั้นฮั่วชิงชิงก็รู้สึกจะระเบิดอยู่แล้ว เธอรู้สึกว่าฝ่ามือของเธอร้อนจนไม่รู้จะร้อนยังไงแล้ว ทั้งตัวราวกับถูกไอของความร้อนรุ่มที่อยู่ในใจนั้นทำให้รู้สึกมึนมึนงงงง

แต่ถึงจะเป็นการสัมผัสที่มือแต่มันชัดเจนและจำฝังใจ

เธอคิดถึงตอนที่เขาเสียใจ ดังนั้นจึงไม่ได้ปล่อย พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาราวกับยุง : “ แล้วจากนั้นละ ?”

วินาทีต่อมา หันจื่ออี้ก็ได้วางมือใหญ่ๆของเขาลงบนมือของฮั่วชิงชิง : “ พวกเราด้วยกัน ”

ในขณะที่พูดนั้น เขาก็ได้โน้มตัวลงมาจูบเธอต่อ

ความคลุมเครือในอากาศที่ฟ่องฟูขึ้นมาทำให้ภายในเต็มไปด้วยความงดงามและนุ่มนวล

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ทันใดนั้นหันจื่ออี้ก็ได้เร่งความเร็วขึ้นและขยับร่างกายขึ้นมาด้านบนเล็กน้อย จากนั้น ฮั่วชิงชิงก็รู้สึกว่ามีของเหลวที่มีความรุ่มร้อนนั้นได้ตกใส่ส่วนหน้าท้องที่แบนราบของตัวเอง ในชั่วพริบตาเธอก็เข้าใจในทันที และทันใดนั้นแก้มของเธอแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

หันจื่ออี้ค่อยๆปล่อยมือของฮั่วชิงชิง จากนั้นก็ก้มศีรษะลงไปจูบหนึ่ง : “ ชิงชิง ขอบคุณคุณนะ ”

เมื่อพูดจบก็รีบลุกขึ้นมาในทันที : “ เดี๋ยวผมไปหาอะไรมาเช็ดให้ ”

ตลอดทางนั้นฮั่วชิงชิงไม่กล้าสบตากับหันจื่ออี้เลย ไปจนกระทั่งเขาเช็ดส่วนหน้าท้องของเธอจนสะอาด แล้วเธอก็รีบพูดออกมาประโยคหนึ่งว่า : “ ฉันว่าฉันไปล้างที่ห้องน้ำอีกรอบน่าจะดีกว่า ”

“ อื้ม ผมก็ไปด้วย ” ในขณะที่หันจื่ออี้พูดนั้น เดิมทีเขาก็ไม่ได้รอให้ฮั่วชิงชิงพูดว่า‘คุณก่อน’ หรือคำพูดอะไรพวกนี้เลย และเขาก็อุ้มเธอขึ้นมาพร้อมกับพูดว่า : “ ด้วยกัน ”

เมื่อไปถึงห้องน้ำ เขาก็ได้วางเธอลงพื้น และเริ่มทดสอบอุณหภูมิของน้ำ

ฮั่วชิงชิงที่เปลือยไปทั้งตัวก็ได้มีความ รู้สึกเกร็ง และเธอก็ได้หันหลังให้หันจื่ออี้

เขาดูเหมือนว่าจะชอบเห็นท่าทางเวลาที่เธอเขินอายเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าเธอหดตัวเล็กอยู่ตรงมุม ก็อดไม่ได้ที่จะขำ จากนั้นเดินเข้าไปดึงเธอมายังหน้ากระจก แล้วก็ล้อมเธอไว้พร้อมกับพูดอย่างยั่วเย้าว่า : “ ภรรยา พวกเราแต่งงานกันแล้วนะ……”

ฮั่วชิงชิงมองเข้าไปในกระจก ร่างกายของพวกเขาที่เปลือยเปล่าทั้งหมด แล้วก็ยังมีรอยจูบเของขาบนตัวเธออีกด้วย ถึงแม้มันจะทำให้คนรู้สึกกระดากอาย ถึงอย่างไร มันก็เป็นภาพวาดที่สวยงามจริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอฝันอยากจะได้มันมาตลอด และก็อดไม่ได้ที่จะใจลอย

พอหันจื่ออี้พาเธอไปอาบน้ำกลับมาและในขณะที่นอนก็ถอดหายใจและพูดว่า : “ ชิงชิง สามเดือนแรกยังไม่ได้เลย ดูเหมือนว่า หลังจากนี้คงจะต้องรบกวนมือของคุณแล้ว คุณเมื่อยมือไหม ให้ผมช่วยนวดให้คุณสักหน่อยไหม ?”

ฮั่วชิงชิงหันหลังเพื่อจะหนี แต่ก็ถูกหันจื่ออี้จับเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่านานมาแล้วที่ตัวเองไม่ได้มีความสุขแบบนี้ แล้วเขาก็ไม่สามารถที่จะผ่อนคลายมันออกมาได้

เขาที่กอดเธอไว้ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ : “ มีภรรยานี่มันดีจริงๆเลย ชิงชิง ผมรู้สึกว่าผมยิ่งจะชอบคุณมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ”

ในวันถัดไป ทั้งสองคนก็ได้ไปโรงพยาบาลด้วยกัน

หลังจากตรวจเลือดเสร็จ คุณหมอก็ได้พูดกับฮั่วชิงชิงว่า : “ เพียงแค่ว่าโปรเจสเตอโรนนั้นต่ำเล็กน้อย ตอนนี้อายุในครรภ์ของคุณยังไม่ถึงสองสัปดาห์ ดังนั้นแล้วถือว่าเป็นสภาวะที่ปกติ ผ่อนคลายสภาพจิตใจและระวังเรื่องสุขภาพให้ดี แน่นอนว่าเบื้องต้นก็ต้องออกกำลังกายด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ทุกอย่างปกติดีครับ !”

ทั้งสองคนก็กินยาลูกกลอนและทันใดนั้นก็รู้สึกผ่อนคลายลง

วันนี้แดดดีเลย และตรงข้ามโรงพยาบาลก็มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ดังนั้น ทั้งสองคนก็เลยไปเดินเล่นที่นั่น

แต่เมื่อเขาเดินไปที่ริมทะเลสาบเพื่อนั่งลงและพักผ่อน ทันใดนั้นฮั่วชิงชิงก็เจอกับคนคุ้นเคย แถมยังไม่ใช่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น !

เห็นเพียงเฉียวโยวโยวและหลานเสี่ยวถางที่กำลังโพสต์ท่ากับเด็กๆทั้งห้าคน และตรงข้ามก็เป็นหยานชิงเจ๋อที่กำลังถือกล้องถ่ายถ่ายรูปให้พวกเขา

ส่วนอีกด้านหนึ่ง ฟู่สีเกอก็กำลังจัดเรียงพวกเครื่องสำอางและอุปกรณ์ทำผม แล้วก็คุยกับสือมูเฉินไปด้วย

สุดท้าย ฮั่วชิงชิงก็ยังเห็นซูสือจิ่นที่ถือกระดานวาดภาพอยู่ริมทะเลสาบที่กำลังวาดรูปอะไรบางอย่าง

หันจื่ออี้ก็มองไปตามสายตาของเธอ แล้วก็เห็นพวกเขา ดังนั้นก็เลยพูดว่า : “ พวกเราจะเข้าไปทักทายไหม ?”

“ โอเค !” ฮั่วชิงชิงพยักหน้า แล้วก็เดินไปพร้อมกับหันจื่ออี้

“ มา เด็กๆทั้งห้าคน คนละหนึ่งอัน !” ฟู่สีเกอก็ได้เดินไปพร้อมกับอุปกรณ์ประกอบฉากที่เตรียมเอาไว้ เมื่อเงยตาขึ้นมา ก็เห็นมาแต่ไกลๆเลยว่าหันจื่ออี้จับมือของฮั่วชิงชิงและกำลังเดินมาทางที่นี้

เขาถึงกลับอึ้ง เพราะวันนั้นที่กินข้าวกับฮั่วชิงชิง เธอยังบอกอยู่เลยว่าเธอกับหันจื่ออี้นั้นหย่ากันได้สองปีแล้ว

ในตอนนั้นแววตาของฮั่วชิงชิงนั้นเยือกเย็นมาก เพราะว่ามันไม่เหมือนกับเรื่องปลอมเลยสักนิด ใครก็ได้มาบอกเขาหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?

ไม่นานนัก ฮั่วชิงชิงก็เดินไปถึง แล้วก็ได้ยิ้มให้กับฟู่สีเกอ : “ วันนี้พวกคุณนัดมารวมตัวสังสรรค์อย่างนั้นหรอ ?”

“ ใช่ ” ฟู่สีเกอพยักหน้า และสายตาก็ได้มองไปยังมือที่กุมกันของฮั่วชิงชิงและหันจื่ออี้ : “ นี่พวกเธอ……”

“ พวกเราสบายดี ” หันจื่ออี้พูด : “ นอกจากนี้ชิงชิงก็ท้องแล้วด้วย ”

“ ห๊ะ ?” ครั้งนี้ฟู่สีเกอรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เขาหันไปหาฮั่วชิงชิงและพูดว่า : “ ชิงชิง ก่อนหน้านี้เธอตั้งใจแกล้งฉันใช่ไหม ? แล้วก็อยากจะมาบอกข่าวเด็ดเรื่องนี้อย่างนั้นหรอ ?”

ฮั่วชิงชิงก็ถือโอกาสนี้ไหลตามน้ำไปกับสิ่งที่เขาแล้วก็พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า : “ อื้ม ดูแล้วจะแกล้งคุณสำเร็จด้วยนะ ถือว่าเป็นเรื่องยากนะที่จะได้เห็นสีหน้าแบบนี้ของคุณ !”

“ ใช้ได้เลยนิ สุดยอดจริงๆ ! วันนั้นฉันโดนเธอหลอกเข้าเต็มเปาเลยจริงๆ !” ในขณะที่ฟู่สีเกอพูดนั้น แล้วก็พูดกับฮั่วชิงชิงและทั้งสอง : “ วันนี้ไม่มีธุระอะไรใช่ไหม เป็นเรื่องยากนะที่ทุกคนจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา มาสนุกด้วยกันสิ ?”

“ ฉันไม่มีปัญหา ” หันจื่ออี้พยักหน้า แล้วก็พูดกับฮั่วชิงชิงว่า : “ ชิงชิงคุณว่ายังไงละ ? แล้วเหนื่อยหรือเปล่า ?”

“ ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันก็อยากจะสังสรรค์กับทุกคนพอดี !” ดูเหมือนว่า ก่อนหน้านี้จะโดดเดี่ยวมานานแล้ว ในตอนนี้มีผู้คนก็เยอะขนาดนี้ ภายในเวลาอันสั้นๆนี้มันก็ทำให้ชีวิตของเธอนั้นกลับมาอุดมสมบูรณ์แบบมากขึ้นแล้ว

“ ช่างถ่ายภาพหยานชิงเจ๋อที่อยู่ตรงนั้นอะ นี่เพื่อนฉันเอง ชิงชิงนายน่าจะรู้จักอยู่แล้วมั้ง ? ก่อนหน้านี้เขาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของฉัน……” ในขณะที่ฟู่สีเกอพูดนั้นก็ได้พาฮั่วชิงชิงไปเข้าเฟรมกับเฉียวโยวโยวและหลานเสี่ยวถาง : “ มามามา ฉันเรียกสาวสวยมาเพิ่มอีกคน ทุกคนมาถ่ายรูปด้วยกันเถอะ !”

ในขณะที่พูดนั้น ก็ได้เอาอุปกรณ์ที่อยู่ในมือนั้นแจกจ่ายให้กับเด็กๆทั้งห้าคน

ในบรรดาเด็กทั้งหมดหวันหว่านโตที่สุด ส่วนหยานโม่หานลูกของซูสือจิ่นนั้นเด็กที่สุด ถึงแม้อันที่จริงแล้วเขาและสือจิ่งเหยียนจะเกิดวันเดียวกัน แต่ก็เกิดช้ากว่าไปสองสามชั่วโมงก็เลยเป็นน้องเล็ก

ในตอนนี้ ฟู่อวี้เฉินและฟู่หยู่ปิงก็อายุสองขวบกว่าแล้ว พูดได้แล้ว และเมื่อทั้งสองเห็นฮั่วชิงชิง พวกเขาก็พูดอย่างอ่อนหวาน : “ สวัสดีค่ะคุณน้า สวัสดีครับคุณน้า !”

หัวใจของฮั่วชิงชิงก็ถึงกลับอ่อนระทวย แล้วตัวเองก็ยิ่งตั้งหน้าตั้งตารอให้ลูกตัวเองเกิด และเธอก็นั่งลงบนพื้นหญ้าพร้อมกับพูดว่า : “ สวัสดีจ่ะเด็กๆ ชื่ออะไรกันบ้างเอ่ย แนะนำตัวให้น้ารู้จักหน่อยสิ ?”

“ หนูชื่อ ฟู่หยู่ปิง หนูเป็นพี่สาวค่ะ ส่วนเขาชื่อ ฟู่อวี้เฉิน เขาเป็นน้องชายค่ะ……”

เมื่อฟู่หยู่ปิงเพิ่งจะพูดแบบนั้น ก็ถูกฟู่อวี้เฉินขัดเอาไว้ เขารู้สึกไม่พอใจ : “ ผมเป็นพี่ชายต่างหาก ส่วนเธอเป็นน้องสาว……”

“ หนูจะเป็นพี่สาว !” ฟู่หยู่ปิงเหลือบไปมองเฉียวโยวโยวและพูดว่า : “ แม่คะ ถางเป่าเป็นพี่สาวหรือว่าน้องสาวคะ ?”

เฉียวโยวโยวก็พูดอย่างสี่ตำลึงปาดพันชั่ง : “ ถางเปาเป็นน้องสาวของหวันหว่าน และหรงฉิวก็เป็นน้องชายของหวันหว่าน !”

เมื่อทั้งสองพี่น้องที่ถกเถียงกันได้ยินแบบนี้ ก็มองไปยังหวันหว่านที่โตกว่า และทันใดนั้นก็หยุดเถียงกันในทันที

ดังนั้น ฟู่อวี้เฉินก็แนะนำตัวต่อ : “ น้องชายคนเล็กคนนี้ชื่อหยานโม่หาน เขายังพูดไม่ได้ครับ ! ส่วนเขาสือจิ่งเหยียนก็ยังพูดไม่ได้เหมือนกันครับ !”

ในขณะที่พูดนั้น เขาก็ลุกขึ้นไปกอดที่ขาของฮั่วชิงชิง : “ คุณน้าคนสวย ชื่ออะไรครับ ? คุณน้ามีสามีหรือยัง ? แล้วถ้าผมโตขึ้นมาจะแต่งงานกับคุณน้าได้ไหมครับ ?”

“ พู——” เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินแบบนี้ก็ไม่สามารถที่จะกลั้นขำได้

เฉียวโยวโยวที่อยู่ทางนั้นเมื่อได้ยินก็ลุกขึ้นมาในทันที : “ สีเย็นตัวแสบ ทุกวันนี้คุณสอนอะไรลูกชายเราไปบ้างเนี่ย ? เขาเพิ่งจะสองขวบกว่า ก็จีบสาวเป็นละเนี่ย !”

ฮั่วชิงชิงก็หัวเราะจนน้ำตาคลอ แล้วชี้ไปยังสือมูเฉินที่กำลังคุยกับหันจื่ออี้อยู่ทางนู้น แล้วก็พูดกับฟู่อวี้เฉินว่า : “ เห็นคุณอาที่ใส่เสื้อสีฟ้าอยู่ตรงนั้นไหม ? เขาเป็นสามีของน้า ต้องขอโทษด้วยนะ เด็กน้อย คุณน้าแต่งงานแล้ว ไม่สามารถที่จะแต่งกับหนูได้แล้ว !”

ฟู่อวี้เฉินที่รู้สึกเศร้ามาก็พูดว่า : “ ทำไมเด็กอย่างผมเจอใครก็ไม่โสดเลยสักคนเลย ? เด็กอย่างผมจะหาภรรยาสักคนมันยากขนาดนี้เลยหรอ ?”

หลานเสี่ยวถางถึงกลับหัวเราะจนตัวโก่ง ส่วนเฉียวโยวโยวที่อยู่ทางนั้นก็กำลังหาฟู่สีเกอเพื่อคิดบัญชี และหยานชิงเจ๋อ เมื่อเห็นแบบนี้ก็เลยหยิบกล้องขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติและถ่ายภาพบันทึกเก็บเอาไว้

ซูสือจิ่นได้จดบันทึกแรงบันดาลใจที่ตัวเองนึกขึ้นได้เมื่อกี้นี้ และฟู่หยู่ปิงที่เพิ่งเดินมาก็พูดกับเธอว่า : “ แม่บุญธรรมคะ หรงฉิวทำขายหน้าอีกแล้ว ! หนูไม่มีน้องชายที่โง่แบบนี้ !”

ซูสือจิ่นก็อุ้มเธอขึ้นมา : “ เขาทำให้ขายหน้ายังไงกันเอ่ย ? ไหนลองเล่าให้แม่บุญธรรมฟังหน่อยซิ……”

ในตอนนั้น หลานเสี่ยวก็อุ้มหยานโม่หานที่ล้มลงโดยที่ไม่ทันได้ระวังขึ้นมา จากนั้นก็ไปคุยเล่นกับฮั่วชิงชิง : “ ชิงชิง ไม่ได้เจอพวกเธอมาตั้งนาน ”

ฮั่วชิงชิงพยักหน้า : “ อื้ม ก่อนหน้านี้มัวแต่ยุ่งอยู่ตลอด เดาได้ว่าต่อไปมันน่าจะดีกว่านี้ ฉันกำลังท้องอยู่ หลังจากนั้นก็คงจะเลี้ยงดูอยู่ที่นี่ ”

“ ว้าว ยินดีด้วยนะ ” หลายเสี่ยวถางก็ยิ้มพร้อมกับพูดว่า : “ แต่หลังจากที่ฝั่งบ้านเธอคลอดออกมา ก็เป็นคนที่เล็กที่สุดจริงๆแล้ว !”

“ ใช่ เดี๋ยวถ้าเข้าโรงเรียน ก็คงต้องให้พวกพี่ชายพี่สาวช่วยดูแลแล้ว !” ทันใดนั้นฮั่วชิงชิงก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองนั้นได้มีสมาชิกที่เป็นครอบครัวใหญ่อีกครั้ง

ในเวลานี้เอง หยานชิงเจ๋อก็กำลังเก็บกล้องถ่ายรูปก็พบว่าแขนเสื้อของตัวเองถูกคนดึงเอาไว้

เขาก้มศีรษะลงมอง ก็เห็นว่าหวันหว่านกำลังเงยหน้าขึ้นมองเขา ในดวงตาที่กลมก็มีท่าทีว่าขอให้อุ้มหน่อย

เขาอดไม่ได้ที่จะวางกล้องถ่ายรูป จากนั้นก็โน้มตัวลงไปอุ้มหวันหว่านขึ้นมา

เด็กคนนี้ ถึงแม้ตั้งแต่เด็กจะไม่พูดเลย แต่ในแววตาคู่นั้นดูประหนึ่งเขียนความรู้สึกเอาไว้ต่างๆนานา ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจไปด้วย

เขาก็อุ้มเธอขึ้นสูงๆแล้วทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาในทันที สีดำเงามันในสายตาเต็มไปด้วยความร่าเริงนับหมื่น

ในเวลานี้ซูสือจิ่นก็ได้อุ้มหยานโม่หานมาเหมือนกัน และเมื่อหยานโม่หานเห็นหวันหว่านก็อยากที่จะโถมตัวเข้าไปจุ๊บ

ซูสือจิ่นพูดล้อเล่นว่า : “ หานหานชอบหวันหว่านขนาดนั้นเลยหรอ ? อีกเดี๋ยวถ้ากลับบ้าน แม่และพ่อกลับบ้าน ส่วนลูกและหวันหว่านก็กลับไปที่บ้านพ่อบุญธรรมแม่บุญธรรม โอเคไหม ?”

หยานโม่หานคิดอยู่ชั่วครู่ เป็นเพราะว่ายังไม่พูดไม่ได้ ดังนั้น ทำได้เพียงพยักหน้าและดวงตาก็เป็นประกาย

“ พี่เฉิน ลูกสาวพี่จะฉกตัวลูกชายผมไป……” เมื่อหยานชิงเจ๋อเดินมาก็พูดบ่นใส่สือมูเฉิน

สือมูเฉินยักคิ้ว : “ งั้นนายถามหวันหว่านดูว่าเธอยินยอมที่จะรับไว้ไหม ?”

ดังนั้น หยานชิงเจ๋อก็ได้ถามหวันหว่านอีกครั้งจริงๆ

หญิงสาวตัวน้อยก็มองไปยังหยานโม่หานและหยานชิงเจ๋ออีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงส่ายหน้า จากนั้นก็ชี้ไปยังหยานชิงเจ๋อแล้วก็ยิ้มให้เขา

“ ชอบคุณอาหยาน ไม่ชอบหานหานงั้นหรอ ?” สือมูเฉินก็ถึงกลับทำหน้าไม่ถูก

หวันหว่านพยักหน้า

หยานโม่หานที่ถูกละทิ้งก็ดูเหมือนว่าจะเข้าใจ ทันใดนั้นก็อ้าปากกว้างร้องไห้ออกมาในทันที

เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนั้น ซูสือจิ่นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แต่ถึงอย่างไรเธอก็รีบปลอบลูกชายของเธอ

ในขณะที่หันจื่ออี้มองไปกลุ่มคนที่มีท่าทีที่เต็มไปด้วยความอลหม่านนั้น สายตาของเขาก็ได้หยุดอยู่บนตัวของฮั่วชิงชิง

ดีจริงๆเลย เขาจะไม่ได้อิจฉาคนรอบข้างแล้ว เป็นเพราะว่าความปรารถนาของเขาคือมีความสุข คนอื่นมีและเขาก็มี

หยานชิงเจ๋อชอบการถ่ายภาพมากจริงๆ ดังนั้น ภายหลังเขาก็ได้ถ่ายรูปให้กับทุกคนอีกไม่ใช่น้อย นอกจากนี้ยังได้ยินมาว่าในตอนนั้นฮั่วชิงชิงและหันจื่ออี้ไม่ได้ถ่ายภาพพรีเวดดิ้งตอนแต่งงาน ดังนั้นก็เลยรีบให้ฟู่สีเกอจัดทรงผมให้กับทั้งสองและหาอุปกรณ์ที่อยู่แถวนั้นมาแล้วก็เริ่มถ่ายเลย

เมื่อถ่ายเสร็จ ฟู่สีเกอก็แย่งกล้องถ่ายไปเพื่อไปดูรูปที่ถ่าย จากนั้นก็หัวเราะและพูกว่า : “ มีรูปให้ลงอวดในโมเมนต์วีแชทแล้ว !”

เมื่อพูดจบ ก็เอาการ์ดไปเสียบเข้ากับโน๊ตบุ๊คพร้อมกับพูดว่า : “ ชิงชิง ของพวกเธอฉันจะส่งให้ตอนนี้เลยแล้วกัน !”

ฮั่วชิงชิงก็ได้รับวีแชท เมื่อเห็นรูปถ่ายที่เธอและหันจื่ออี้ไม่ได้ถ่ายด้วยกันมาตั้งสองปี อีกนิดเบ้าตาก็เกือบจะแดงแล้ว

“ ชิงชิง ส่งให้ผมด้วย พอดีเลยผมไม่ได้ลงอะไรในโมเมนต์วีแชทมานานแล้ว ” หันจื่ออี้ก็พูดกระซิบอยู่ข้างหู

“ ค่ะ ”เธอพยักหน้า ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็มีว่าโมเมนต์วีแชทของตัวมีการแจ้งเตือนขึ้นมาว่าถูกแท็ก

เมื่อเธอเปิดเข้าไปดูก็เห็นว่าหันจื่ออี้โพสต์รูปที่ถ่ายด้วยกัน และบนนั้นก็เขียนคำแคปชั่นไว้ว่า : “ มีคุณนั้นดีจริงๆ ”