บทที่ 541 คลื่นใต้น้ำ

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 541 คลื่นใต้น้ำ

บทที่ 541 คลื่นใต้น้ำ

ยิ่งจูเก๋อโยวหมิงเติมไฟเข้าไป อุณหภูมิน้ำก็ยิ่งสูงขึ้น จนฉู่เหินรู้สึกราวกับตัวเองกำลังโดนต้ม ผิวของเขาในตอนนี้นั้น มันได้กลายเป็นสีแดงก่ำเหมือนกับกุ้งต้มไม่มีผิด !

ว่าแล้วชายหนุ่มก็พลันทำการโคจรพลังกิเลนทันที หากแต่มันก็ไม่ค่อยได้ผลชัดเจนเท่าใดนัก ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะโคจรพลังกายตัวเองควบคู่ไปด้วย ทำให้ฉู่เหินเริ่มสัมผัสได้ถึงพลังงานพิเศษบางอย่าง ที่กำลังไหลเข้าสู่ผิวหนังอย่างรวดเร็ว

เขารู้สึกเหมือนว่าร่างกายตัวเอง และพลังวรยุทธ์กำลังจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ! ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ชายหนุ่มคาดไม่ถึงแม้แต่น้อย เขาจึงได้แต่ปล่อยให้กระแสเลือดกิเลนภายในร่างกายของตัวเองหมุนวนอย่างต่อเนื่อง !

การหมุนวนนั่นทำให้สายเลือดกิเลนแตกตัว จากเดิมมีเพียงกระแสเลือดกิเลนสายเดียวเท่านั้น ทว่าตอนนี้มันกลับแบ่งเป็น 2 สาย และจาก 2 สายก็เปลี่ยนเป็น 4 สาย !

ทุกครั้งที่กระแสไหลเลือดกิเลนเกิดการเปลี่ยนแปลง ตัวเขาจะรู้สึกเหมือนรากฐานได้ยกระดับชั้นขึ้น ! และแม้ว่ารากฐานจะเลื่อนระดับ ทว่ามันก็ไม่ได้เพิ่มเรื่องพลังการโจมตีและพลังวรยุทธ์ของเขาแต่อย่างใด แต่กลับทำให้พลังชีวิตเขาเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีจำกัดแทน !

การเพิ่มพูนพลังชีวิตครั้งนี้เป็นประโยชน์กับฉู่เหินอย่างมาก ! ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ชายหนุ่มคาดไม่ถึงแม้แต่น้อย หลังจากเวลาผ่านไป ลมปราณในร่างกายของเขาก็ดูเหมือนจะมั่นคงยิ่งขึ้น !

ระหว่างที่ฉู่เหินอยู่ในระหว่างขั้นตอนการต้มยา สถานการณ์ที่พรรควายุอัสนีก็ได้ปั่นป่วนไปหมดแล้ว มันได้เกิดเสียงพูดคุยมากมายที่มาจากอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหลาย พวกเขาต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือขอฉู่เหินท้าสู้ ! แต่สำหรับเรื่องที่ชายหนุ่มอยู่ระหว่างต้มยานั้น พวกเขากลับไม่รู้ถึงมันเลยแม้แต่น้อย

เสียงโหวกเหวกโวยวายด้านนอกดังขึ้นไม่หยุด และยิ่งดังเท่าใด คำพูดที่เล็ดลอดออกมาเข้าหูมันก็ยิ่งดูจะหยาบคายมากขึ้นเท่านั้น ! บ้างก็ว่าศิษย์บ้านวายุนั้นไม่เอาไหน ไม่กล้าแม้แต่จะรับคำท้า ! กระทั่งมีคนจำนวนหนึ่งบุกเข้าบ้านวายุเพื่อจะขอท้าสู้ โดยไม่เห็นหัวของคนอื่น ๆ ในบ้านวายุแม้แต่น้อย !

ฉากนี้ทำให้ศิษย์ทุกคนที่บ้านวายุโกรธมาก ! พวกเขารู้ดีว่าตอนนี้ฉู่เหินกำลังเข้าณานอยู่ ไม่รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย แต่คนพวกนี้กลับเอาแต่ยั่วยุอยู่นั่นแหละ ! โดยเฉพาะกับคำพูดที่พวกนั้นพูดยิ่งไม่น่าฟัง จนทำให้ศิษย์พี่ 6 และศิษย์พี่ 7 รับไม่ได้ !

ใจก็อยากจะเข้าไปซัดให้คว่ำให้มันจบ ๆ ไป หากแต่คนที่พวกนี้นั้นต้องการท้าสู้ด้วยมีเพียงฉู่เหินคนเดียว ดังนั้นทั้ง 2 คนจึงทำอะไรไม่ได้เช่นกัน !

ด้านฉู่ตงและหลิวฮุ่ย ทั้ง 2 คนนี้นั้นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนพวกนั้นแม้แต่น้อย ดังนั้นแล้วถ้าออกไปรับคำท้าแทนก็มีแต่จะถูกเหยียดหยามเปล่า ๆ ทำให้ศิษย์พี่ 6 และศิษย์พี่ 7 ไม่ยินยอมให้พวกเขาออกไปรับ ! ได้แต่ปล่อยให้คนทั้งบ้านวายุรู้สึกอัดอั้นตันใจกันแบบสุด ๆ ต่อไป

เมื่อการต้มยาจนถึงวันที่ 49 จูเก๋อโยวหมิงก็เปิดฝาแล้วใส่สมุนไพรลงไปจำนวนหนึ่ง ! ทางด้านฉู่ตงที่รอโอกาสนี้อยู่แล้ว เขาก็ได้เข้าไปบอกสถานการณ์ตอนนี้ให้ฉู่เหินฟัง และถามว่าควรจะแก้ปัญหายังไง ! เมื่อชายหนุ่มได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เขาก็ขมวดคิ้วเบา ๆ ก่อนจะบอกบางอย่างกับฉู่ตงไป !

ตอนนี้การต้มยากำลังอยู่ในขั้นตอนสำคัญ ฉู่เหินไม่สามารถปลีกตัวไปได้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ต่อให้เขาไม่ลงมือ หากแต่ชายหนุ่มก็มีวิธีกำจัดสิ่งสกปรกในบ้านออกไปเหมือนกัน !

ฉู่เหินได้ผ่านการต้มยามาแล้ว 49 วัน ทำให้ทั่วทั้งร่างเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ! ที่สำคัญคือเขาเริ่มจะจับสิ่งพิเศษบางอย่างได้แล้ว

เขารู้สึกว่าถ้าตัวเองทะลวงอีกชั้นหนึ่ง ไม่แน่ว่าเขาอาจจะรู้แจ้งกฎแห่งสวรรค์สักข้อก็เป็นได้ ! และเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉู่เหินก็มีความสุขแล้ว ! ต้องเข้าใจว่าการที่เขาค้นพบพลังจิตสังหารนั้น ถือได้ว่าเป็นโชคก้อนใหญ่แล้ว แต่ถ้าได้รู้กฎแห่งสวรรค์อีกหนึ่งข้อล่ะ ? มันจะดีขนาดไหนกันนะ ! ว่าแล้วฉู่เหินก็กลับไปโคจรพลังต่อในทันที

อีกทางด้านหนึ่ง เหตุการณ์ที่บ้านวายุนั้นยังคงวุ่นวายเช่นเดิม ทำให้คนของบ้านวายุแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลยสักคน และเมื่อมองออกไป ก็จะเห็นศิษย์พี่ 6 เดินนำ ศิษย์พี่หญิง 7 และ 8 เดินตาม เพื่อทำการแยกกลุ่มคนจากทั้ง 4 บ้านและกลุ่มอื่น ๆ ที่ต้องการท้าสู้ ให้มีพลังวรยุทธ์และอายุพอ ๆ กัน

ศิษย์พี่ทั้ง 3 คนดูดุดันและเด็ดขาดเป็นอย่างมาก ด้วยโดนบีบจากเรื่องคำท้า ว่าถ้าไม่รับคำท้าคุณก็ไม่ต่างอะไรจากหมาตัวหนึ่ง ! เมื่อเป็นแบบนี้ทั่วทั้งบ้านวายุก็เกิดความโกลาหลขึ้นมา เพราะพวกเขาทั้งสามนั้นทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ! จึงทำให้ทุก ๆ วันหลังจากนั้น ลูกศิษย์จากทั้ง 4 บ้านและตระกูลหลิวต้องมีคนร้องโหยหวนกลับไปทุกวัน !

โดยเฉพาะกับคนที่พลังวรยุทธ์มากกว่าขั้นเทพดาราขึ้นไป !

ทุกเสียงร้องนั้นน่าเวทนา เหมือนถูกหักกระดูกเป็นท่อน ๆ ! ทำให้ตอนนี้ไม่มีใครกล้าสร้างความวุ่นวายที่หน้าบ้านวายุอีกแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นบ้านไหนหรือว่าตระกูลใหญ่ไหนกล้ามาสร้างความวุ่นวายที่บ้านวายุ พวกเขาก็เป็นต้องถูกความโกรธของทั้ง 3 คนเล่นงานกลับเข้าอย่างจัง !

ดังนั้นจึงถือได้ว่าตอนนี้บ้านวายุกลับมาสงบสุขแล้ว !

พอเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ พวกตัวต้นเหตุก็ได้แต่แอบกัดฟันอย่างไม่พอใจ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าบ้านวายุจะใช้วิธีแบบนี้ ! แต่นอกจากจะกัดฟันแน่นแล้วพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้อีก ! เดิมพวกเขาคิดจะใช้วิธีนี้ทำให้บ้านวายุเสียชื่อเสียง คิดไม่ถึงว่าพวกนั้นจะคิดวิธีโต้กลับแบบนี้มาได้ !

จะใช้แผนการอื่นก็คิดไม่ออกเลยสักนิดเดียว ! แต่ถ้าอาศัยแผนการท้าสู้กับขั้นเดียวกันแบบนี้ ตอนนี้คงไม่มีใครสู้กับทั้ง 3 วิปลาสนั่นได้ ! จะให้พวกผู้อาวุโสออกไปก็ไม่ใช่เรื่อง ! และที่สำคัญ พวกผู้อาวุโสพวกนั้นก็ไม่กล้าไปด้วย เพราะถ้าพวกเขากล้ารังแกเด็กละก็ เกรงว่าจูเก๋อโยวหมิงจะไม่ยอมปล่อยพวกเขาแน่ !

หลังจากบทเรียนครั้งก่อน ทำให้ทุกคนรู้ว่าพลังวรยุทธ์ของจูเก๋อโยวหมิงในพรรควายุอัสนีนั้นไม่มีใครสู้ได้เลย ! ดังนั้นการจะปะทะกับคนที่น่ากลัวแบบนั้น พวกเขาจำเป็นต้องระวังตัว !

ฉู่เหินสัมผัสได้ว่าหมิงอู่ของตัวเองอยู่ในขั้นตอนสำคัญ และจากการต้มยาในครั้งนี้ มันก็ทำให้เขาเข้าใจถึงพลังที่ถ่ายทอดมาจากยักษ์สามตาได้ลึกซึ้งกว่าเดิม ! อีกทั้งยังบรรลุถึงพลังจิตที่แข็งแกร่งมาก ๆ ด้วยอีกอย่างหนึ่ง เพียงแต่ระหว่างที่เขากำลังจะได้มานั้น มันกลับยังไม่อาจคว้ามาได้ ! คล้ายจะขาดอะไรไปบางอย่างทุกครั้งไป !

แต่หลังจากเวลาผ่านไป เขาก็รู้สึกว่ากฎแห่งสวรรค์ของตัวเองนั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว จนสุดท้ายชายหนุ่มก็คล้ายจะสัมผัสได้ถึงม่านพลังบาง ๆ ที่กำลังแตกออก ! และเป็นในช่วงเวลานี้เอง ที่ฉู่เหินรู้สึกว่าพลังวรยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้น ! จากที่พลังวรยุทธ์อยู่ปราชญ์ระดับสูง ก็คล้ายจะก้าวเข้าสู่ขั้นครึ่งจอมปราชญ์แล้ว !!!

ด้านพลังกายของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่แม้จะเป็นอย่างงั้น ทว่าตอนนี้พลังกายของเขาก็อยู่ที่ขั้นครึ่งจอมปราชญ์แล้ว เรียกได้ว่าพลังกายและพลังวรยุทธ์ของเขาระดับพลังเท่ากันแล้ว นี้เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ในเมื่อช่วงรอยต่อตอนเลื่อนขั้นของพลังกายนั้นยากมากจริง ๆ

เวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตาก็ผ่านไปแล้ว 70 กว่าวัน ! ใน 70 กว่าวันนี้ จูเก๋อโยวหมิงคอยคุ้มกันข้าง ๆ ฉู่เหินไม่ก้าวไปไหนแม้เพียงครึ่งก้าว ! ยิ่งเมื่อเข้าสู้ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ จูเก๋อโยวหมิงก็ยิ่งต้องระมัดระวัง ! เพราะแบบนี้ทำให้เขาไม่รู้เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นข้างนอก

ที่ตระกูลหลิวนั้นมีอัจฉริยะอยู่มากมาย คนพวกนั้นต่างก็หยิ่งผยอง ! จนทำให้พวกเขาถูกส่งไปเก็บตัวฝึกฝนพลังวรยุทธ์ ! และตอนนี้มันก็เป็นเวลาที่พวกเขาต้องออกจากการเข้าฌานพอดี ! เรียกได้ว่าคนพวกนี้เป็นเด็กวัยรุ่นที่อัจฉริยะที่สุดในตระกูลหลิวแล้ว !

ท่ามกลางคนเหล่านั้น มีคนหนึ่งชื่อว่า หลิวอู่เหมิง เขาก็คือพี่ชายของหลิวอู่ซวงนั้นเอง คนคนนี้นั้น นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะหาตัวจับยากที่สุดในกลุ่ม ! ต้องเข้าใจว่าพรสวรรค์ของหลิวอู่เหมิงคือขั้นที่ 9 เมื่อผนวกรวมเข้ากับการได้รับการสั่งสอนมาอย่างยาวนานจากตระกูล มันก็จึงทำให้ตอนนี้พลังวรยุทธ์ของเขาอยู่ในขั้นครึ่งจอมปราชญ์ระดับคอขวดแล้ว !

หลังจากที่เขาออกมา น้องชายเขาหลิวอู่ซวงก็เข้ามาร้องห่มร้องไห้กับตน ! พอหลิวอู่เหมิงได้ยินที่น้องชายพูด ก็โกรธจนลุกขึ้นยืน ! ที่จริงเขาไม่ได้สนว่าจะมีใครมารังแกน้องชายเขาจริง ๆ ไหม เพราะเขารู้ว่านิสัยน้องชายเขาไม่ค่อยดีเท่าไร

ทว่ามีคำกล่าวว่าจะตีหมาใครก็ให้ดูเจ้าของก่อน รู้อยู่แล้วว่านี้เป็นน้องชายเขา แต่กลับกล้าทำแบบนี้ ! นั่นก็หมายความว่าคน ๆ นั้นรนหาที่ตายซะแล้ว ต่อมาพอเขารู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตระกูลหลิวตอนนี้ เขาก็ยิ่งเกลียดฉู่เหินเข้ากระดูกดำ ! ดังนั้นจึงได้ทำการส่งจดหมายท้าสู้ออกไป 1 ฉบับ เพื่อจะใช้โอกาสนี้จัดการฉู่เหินซะ !