บทที่ 542 พายุมาแล้ว

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 542 พายุมาแล้ว

บทที่ 542 พายุมาแล้ว

หลังจากจดหมายท้าสู้ส่งไปถึงบ้านวายุ มันก็ทำให้ทุกคนในบ้านวายุพากันขมวดคิ้วแน่น ! อีกฝ่ายเล่นส่งจดหมายท้าสู้แบบไม่ทุกข์ไม่ร้อนมาเช่นนี้ ทำให้พวกเขาไม่รู้จะตอบโต้กลับไปยังไงเลยจริง ๆ !

เมื่อเห็นว่าวิธีนี่ดูน่าสนใจไม่น้อย กลุ่มอำนาจอื่น ๆ จึงพากันทำตาม ดังนั้นต่อมาไม่นาน มันก็ได้มีจดหมายท้าสู้ส่งมาที่บ้านวายุมากมายราวกับสายฝนกระหน่ำ !

ภายในวันไม่กี่วันมานี้ มีจดหมายท้าสู้มายังที่พักของฉู่เหินแล้วกว่าหมื่นฉบับ และนี้ก็ยังไม่หมด เพราะจนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังคงมีจดหมายส่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ! ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ น่ากลัวว่าอีกไม่กี่วันสนามหญ้าด้านหน้าได้ถูกจดหมายกลบหมดแน่ !!!

ใบหน้าของศิษย์พี่ 8 ดูกลุ้มใจมาก แต่ว่ามันก็ใกล้จะถึงว่าที่ 98 วันแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงรอเท่านั้น

ในอีกไม่กี่วันก่อนจะครบ 98 วันนั่นเอง จู่ ๆ ระหว่างนั้นในหัวของฉู่เหินก็คล้ายจะมีอะไรบางอย่างปรากฏขึ้น ก่อนที่หมิงอู่พลังจิตของชายหนุ่มจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ! อีกทั้งพลังวรยุทธ์และพลังกายของเขาก็ทะลวงเข้าสู้ขั้นครึ่งจอมปราชญ์พร้อม ๆ กัน !

พลังยุทธ์เพิ่งจะเลื่อนขั้น ฉู่เหินก็สัมผัสได้ว่าพลังของตัวเองเพิ่มขึ้นหลายเท่า ความรู้สึกเหมือนกับพลังที่กำลังจะระเบิดออก ทำให้ลึก ๆ เขาอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นดีใจไม่ได้เลย ถ้าอาศัยการฝึกฝนอย่างเดียว เกรงว่าใช้เวลาอีกหลายปีก็คงไม่ได้แบบนี้แน่ ! ต้องขอบคุณสมุนไพรที่อาจารย์นำมา มันช่วยได้มากทีเดียว

ถึงแม้จะเพิ่งเลื่อนขั้นเป็นครึ่งจอมปราชญ์ก็ตาม หากแต่พลังการโจมตีของชายหนุ่มนั้นไม่อาจดูแคลนได้เลย ! เพราะเมื่อนับรวมกับไพ่ลับที่มีแล้ว ต่อให้สู้กับขั้นครึ่งจอมปราชญ์ระดับสูงเขาก็คิดว่าสามารถสู้ได้ !

ทันทีที่ฉู่เหินเลื่อนขั้นเป็นครึ่งจอมปราชญ์สำเร็จ อยู่ ๆ มวลอากาศก็พลันเปลี่ยนไป ก่อนจะมีสายฟ้าฟาดลงมา ! ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจริง ๆ หรือแค่คิดไปเองว่าฝนกำลังจะตก หากทว่าคนที่วรยุทธ์ขั้นเทพดาราขึ้นไปนั้น พวกเขาต่างก็รู้ดีว่านี้เป็นด่านทดสอบของสวรรค์

ในโลกแห่งนี้มีคนอยู่ 3 ประเภทเวลาเจอด้านเคราะห์ของสวรรค์

คนประเภทที่ 1 จะถูกผู้คนเรียกว่าเก่งจนไม่ใช่มนุษย์ คนแบบนี้ทุก ๆ ครั้งที่มีการเลื่อนขั้นก็จะต้องผ่านด่านเคราะห์สวรรค์ให้ได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว เมื่อเจอเข้ากับสายฟ้าฟาดแบบนี้ ก็มีน้อยคนนักที่จะก้าวผ่านมันไปได้ !

ส่วนคนประเภทที่ 2 คือคนที่ฝึกฝนพลังจิตบางอย่างได้ คนแบบนี้ก็ต้องเผชิญกับด่านเคราะห์ที่รุนแรงมากเช่นเดียวกัน ทว่าในตอนที่เผชิญด่านเคราะห์พลังจิตก็จะเพิ่มขึ้น 1 ขั้น อีกทั้งพลังมหาศาลที่ซ่อนเอาไว้ก็จะถูกปลุกขึ้นมา ! จนอาจทำให้พลังจิตดูดกลืนพลังสายฟ้ามาใช้ได้ ซึ่งสิ่งนี้ก็นับได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะ !

คนประเภทที่ 3 แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งมากที่สุด คนประเภทนี้จะมีทั้งพลังกายและพลังวรยุทธ์ที่เดินไปในทิศทางเดียวกัน ! และเมื่อคนประเภทนี้เลื่อนสู่ขั้นครึ่งจอมปราชญ์เมื่อไหร่ ด่านเคราะห์สายฟ้าก็จะเริ่มต้นขึ้น !

แค่เป็น 1 ใน 3 ประเภทนี้ก็สามารถที่จะมองเย้ยหยันคนในรุ่นเดียวกันได้แล้ว ! และก็คิดไม่ถึงว่าวันนี้พรรควายุอัสนีของพวกเขา จะมีอัจฉริยะเกิดขึ้นมาคนหนึ่ง ขั้นเทพดาราแต่ละคนที่เข้าฌานอยู่ต่างก็อดใจไม่ไหว พากันออกมาดู ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นบนภูเขา และใครกันที่ทำให้มันเกิดขึ้น !

ด่านเคราะห์สวรรค์นั้นเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้นในรอบร้อยปี ไม่พูดถึงขั้นเทพดาราเหล่านี้ กระทั่งเหล่าผู้เฒ่าของพรรควายุอัสนียังต้องออกจากฌานมาดู ! ใบหน้าของทุกคนต่างก็ประดับด้วยรอยยิ้มยินดี ที่พรรควายุอัสนีจะมีเด็กอัจฉริยะเกิดขึ้นแล้ว !

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาออกมา และพบว่าด่านเคราะห์สวรรค์อัสนีนั้นเกิดที่บ้านวายุ ก็พากันขมวดคิ้วแน่นในทันที ! ตอนนี้บ้านวายุก็แข็งแกร่งเกินพอแล้ว ยังจะมีเพิ่มอีกหรือ !

ตอนนี้บ้านวายุมีลูกศิษย์วิปลาส 8 คนแล้ว และถ้ามีวิปลาสคนที่ 9 ขึ้นมาอีกคนล่ะก็ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดีแล้ว !

บัดนี้เมื่อเห็นว่าด่านเคราะห์อยู่ที่บ้านวายุ สมองของพวกเขาก็ประมวลผลอย่างหนัก พากันคิดว่าจะทำยังไงดีเพื่อให้พลังอำนาจบ้านวายุอ่อนแอลงได้ !

ด้านหัวหน้าพรรควายุอัสนีเอง เขาก็กำลังคิดว่า ถ้าตัวเองชักชวนให้อัจฉริยะคนนั้นมาเข้าเป็นพวก ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นจะยินยอมมากับตัวเองไหม ! ต้องเข้าใจว่าถ้าเขาทำอย่างนี้ ก็เท่ากับไม่ไว้หน้าบ้านวายุ ! ถ้าอัจฉริยะนั่นยอมมากับตัวเองก็คงดี แต่ถ้าไม่ยินยอมล่ะก็ เขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนแล้ว !

วิธีการที่ประนีประนอมที่สุดก็คือรอดูว่าอัจฉริยะคนนั้นคิดยังไง ! พอคิดถึงตรงนี้หัวหน้าพรรควายุอัสนีก็ตัดสินใจใช้แผนนี้ในทันที ! ว่าแล้วเขาจึงยืนรออย่างเงียบ ๆ เพื่อหาโอกาสคุยกับคนคนนั้น !

ขณะที่ทุกคนกำลังคิดไปต่าง ๆ นา ๆ จู่ ๆ ก็เห็นเงาร่างสวมเกราะร่างหนึ่งพุ่งมาจากบ้านวายุ ! ก่อนจะหยุดที่กลางอากาศราวกับเทพสงคราม !

จูเก๋อโยวหมิงที่เพิ่งเปิดฝาถังไม่ทันไร ฉู่เหินก็ลอยขึ้นไปทันที เพราะชายหนุ่มนั้นสัมผัสได้ถึงด่านเคราะห์อัสนีของตัวเองที่ใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าเขาไม่รีบออกมาตอนนี้ละก็ เกรงว่ากระท่อมของอาจารย์จะถูกทำลายอย่างแน่นอน ! จึงพุ่งตัวออกมาหยุดที่กลางอากาศ และเงยหน้ามองก้อนเมฆสีดำที่มีอยู่เต็มท้องฟ้า !

ตอนนี้นี่เอง ที่ในใจของฉู่เหินนึกบางเรื่องขึ้นมาได้ ! ว่าตัวเองมาที่โลกใบนี้นานพอควรทีเดียว เขาจำได้เป็นอย่างดีเลยว่าในช่วงแรก ๆ นั้นลำบากลำบนแค่ไหน แต่มาตอนนี้เขากลับลอยอยู่กลางอากาศ และมองทุกสิ่งอย่างได้อย่างหยิ่งผยอง ! นี่ทำให้เขารู้ว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากขนาดไหน !

ในตอนที่ฉู่เหินหยุดร่างกายอยู่ตรงนั้น ก็มีบางอย่างลอยมาอยู่เคียงข้างเขา ! นั้นไม่ใช่ใครอื่น ก็คือหมาป่าของเขาเอง ! เพราะตั้งแต่ที่ชายหนุ่มออกเดินทางไป หมาป่าก็อยู่ที่บ้านวายุเข้าฌานไม่ยอมไปไหน ! ตอนนี้เมื่อสัมผัสกลิ่นอายของชายหนุ่มได้ มันจึงรีบลอยมาอยู่ข้าง ๆ เขาในทันที !

ฉู่เหินมองเจ้าหมาป่าด้วยดวงตาเปล่งประกาย ! หมาป่าในตอนนี้กับเมื่อก่อนไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะตอนนี้เจ้าหมาป่ามีปีกงอกขึ้นมา 1 คู่ ! อีกทั้งขนของมันก็ไม่ใช่สีเทาแล้ว กลับกลายเป็นสีทองแทน ! และที่ทำให้ผู้คงแปลกใจมากที่สุด ก็คือศีรษะของหมาป่ามีเขางอกออกมาข้างหนึ่ง !

ขณะที่ทั้งสองยืนข้างกัน ด่านเคราะห์อัสนีก็ทำท่าจะผ่าลงมาแล้ว !

ฉู่เหินปรายตามองเจ้าหมาป่าอย่างแปลกใจ เขารู้สึกว่าด่านเคราะห์อัสนีครั้งนี้ไม่ได้มีเขาแค่คนเดียว แต่เหมือนจะเป็นของเขาและหมาป่า ! เท่านี้ก็รู้แล้วว่าหมาป่าตัวนี้ไม่ใช่หมาป่าธรรมดา เพราะถ้าเป็นสัตว์ร้ายธรรมดาเมื่อเลื่อนขั้นจะเจอเข้ากับด่านเคราะห์สวรรค์อัสนีแบบนี้ได้ยังไง !

ฉู่เหินอดคิดเงียบ ๆ ในใจไม่ได้ หรือจะเกี่ยวกับที่หมาป่าตัวนี้มันฉลาดมาก ๆ กัน ? มันคงกดพลังวรยุทธ์ของตัวเองไม่ให้เลื่อนขั้นเป็นแน่ ซึ่งก็อาจเป็นเพราะกลัวว่าถ้าเลื่อนขั้นแล้วมีด่านเคราะห์ปรากฏ จะมีคนรู้ว่ามันไม่ใช่สัตว์ร้ายธรรมดา ! แต่มาตอนนี้กลับต่างออกไป เพราะมีคนอื่นที่ต้องผ่านด่านเคราะห์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงน่าจะไม่มีใครสงสัยอะไร ! ทุกคนคงจะคิดว่าที่ร่างกายของเจ้าหมาป่าเปลี่ยนไป เป็นผลมาจากเจ้าของของมัน !

ไม่ต้องกล่าวถึงอย่างอื่น อาศัยเพียงความฉลาดของมันก็นับว่าน่าประหลาดใจแล้ว ! ทำให้อดไม่ได้ที่ฉู่เหินจะจ้องมองด้วยดวงตาแวววับ ด้วยความอยากรู้ว่าแท้จริงแล้วนั้น เจ้าหมาป่าตัวนี้เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหนกันแน่ !

ทุกคนโดยเมื่อเห็นหมาป่าปรากฏตัวขึ้นแบบนี้ ก็พากันตกใจ และวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นา ๆ “โอ้โห คิดไม่ถึงเลยว่าหมาป่าธรรมดา ๆ ตัวหนึ่งจะเปลี่ยนเป็นสัตว์เทพสายฟ้าไปได้ ! แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงก็เป็นแค่สัตว์เทพสายฟ้าขั้น 5 เท่านั้น แม้จะถือว่าไม่เลว แต่ก็ไม่ได้ดีอะไร”

คนอื่น ๆ ที่กำลังตกใจ เมื่อได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย จุดแข็งของสัตว์เทพสายฟ้าคือความเร็ว ดังนั้นมันจึงเหมาะกับการใช้ขี่ไปไหนมาไหนเท่านั้น !

น่าเสียดายนัก ดูท่าสัตว์เทพอัสนีตัวนี้จะฉลาดน้อยไปแล้ว แค่เห็นเจ้านายตัวเองกำลังรับด่านเคราะห์ ตัวเองกลับพุ่งไปหาโดยไม่คิดอะไร นี้ไม่ได้เรียกว่าเป็นการหาที่ตายหรอกหรือ !

อีกทั้งที่ทำให้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อก็คือ ฉู่เหินที่ดูไม่มีความคิดที่จะหนีไปจากสัตว์เทพสายฟ้าตัวนี้เลยแม้แต่น้อย ! พวกเขาต่างก็จ้องมองความสนุกด้วยใจจดใจจ่อ ในความคิดของพวกเขา อาศัยด่านเคราะห์อัสนีที่น่ากลัวตรงหน้านี้ แม้ว่าทั้งสองจะรอดไปได้ แต่ก็คงน่าเวทนาสุด ๆ เช่นกัน !