บทที่ 371 ผู้ชายของข้า ข้ารักเอง

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 371 ผู้ชายของข้า ข้ารักเอง

หยุนถิงหัวเราะเบาๆ “เจ้านี่รู้จักตอบแทนบุญคุณอยู่นะ”

“แน่นอนอยู่แล้ว พี่สาวผู้งดงามดีต่อข้า ข้าย่อมดีต่อท่านอยู่แล้ว” เสี่ยวหู่จื่อพูดอย่างได้ใจ

เหล่าจางเดินเข้ามาจากด้านนอก เขายังไม่ทันเอ่ยปากพูด น้ำเสียงเย็นชาของจวินหย่วนโยวลอยมาทันที “เหล่าจาง เจ้ามีลูกชายดีจริงนะ!”

คำพูดเดียวทำเหล่าจางตกใจแทบตาย “ซื่อจื่อไว้ชีวิตด้วย เจ้าเด็กนี่เป็นลูกหลงของข้า ปกติเอาแต่ใจไปหน่อย หากมีสิ่งใดทำให้ซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยขุ่นเคืองใจ ขอซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยลงโทษได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”

จวินหย่วนโยวถลึงตามองเขา “ข้าไม่อยากเห็นเจ้าเด็กนี่อีก”

“ขอรับ ขอรับ!” เหล่าจางรีบลุกขึ้น หน้าดำทะมึนมองลูกชายตน “ไอ้หนู เจ้ากล้าทำให้ซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยขุ่นเคืองใจ ยังไม่รีบออกมาอีก ระวังข้าจะตีเจ้าให้ก้นลายเลย!”

“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้ทำให้ซื่อจื่อเฟยขุ่นเคืองใจนะ ซื่อจื่อเฟยช่วยข้าไว้ ข้าไม่ทันระวังพูดผิด ทำให้ซื่อจื่อขุ่นเคืองใจเท่านั้นเอง!” เสี่ยวหู่จื่อเอียงคอถอนหายใจอธิบาย

“ซื่อจื่อมิใช่ผู้ที่จะโกรธได้ง่ายๆ เจ้าพูดอะไร?” เหล่าจางเองก็สงสัยเลยทนไม่ไหวถามขึ้น

“ข้าบอกให้พี่สาวผู้งดงามรอข้าโตแล้วแต่งกับข้า!” เสี่ยวหู่จื่ออธิบาย

“พี่สาวผู้งดงาม?” เหล่าจางสงสัย

หยุนถิงชี้มาที่ตนเอง “ข้าเอง!”

พอคำพูดนี้ออกมา เหล่าจางใบหน้าซีดเผือด คุกเข่าลงกับพื้นทันที “ซื่อจื่อ ข้าอบรมสั่งสอนไม่ดีเอง ทำให้เขาพูดจาเลื่อนเปื้อนเช่นนี้ ขอซื่อจื่อเห็นแก่ที่ข้าทำงานรับใช้เรือนนอกมาหลายสิบปี ไว้ชีวิตเขาด้วย ไม่เช่นนั้นพอข้าตายไปก็จะไม่มีใครขุดหลุมฝังศพให้ข้าแล้วนะ!”

พอเห็นท่าทางเขาร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้ว หยุนถิงรู้สึกอยากหัวเราะ

ส่วนเสี่ยวหู่จื่อเห็นพ่อตนเองร้องไห้คร่ำครวญอ้อนวอน ก็คิดได้ว่าตนคงพูดผิดจริงๆ เขาก้มหน้าต่ำไม่กล้าพูดอะไรอีก

“หากข้าไม่เห็นแก่ความจงรักภักดีของเจ้า ตอนนี้เจ้าคงได้เห็นซากศพของเจ้าหนูนี่แล้ว ยังไม่รีบพาออกไปอีก จะรอข้าเปลี่ยนใจรึ?” จวินหย่วนโยวบอกด้วยสีหน้าทะมึน

“ขอบพระคุณซื่อจื่อ ขอบคุณที่ไว้ชีวิต” เหล่าจางซาบซึ้งน้ำหูน้ำตาไหลพราก คลานขึ้นมาจากพื้น หามเสี่ยวหู่จื่อด้านหลังหยุนถิงแบกขึ้นบ่า หมุนตัวเดินจากไป

ไม่ใช่เดิน แต่เป็นวิ่ง ราวกับกลัวซื่อจื่อจะเปลี่ยนใจ

หยุนถิงถึงหัวเราะออกมา “ซื่อจื่อทำไมต้องแกล้งให้พวกเขาตกใจด้วย ก็เด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้นเอง”

“เด็กน้อยคนหนึ่งก็รู้จักแย่งเจ้าแล้ว โตไปจะเหลือรึ ย่อมต้องจับเขาดัดนิสัยสิ” จวินหย่วนโยวพูดหน้าตึง

หยุนถิงเห็นจวินหย่วนโยวโกรธแล้วจริงๆ ถึงได้เปลี่ยนเรื่อง “จริงสิซื่อจื่อ ที่นี่คือที่ไหน พวกเรามาทำไมกันรึ?”

“ที่นี่คือเรือนนอก เหล่าจางส่งคนไปบอกว่าพืชผลและองุ่นของปีนี้ได้ผลงามนัก ข้าเลยพาเจ้า”มาเดินเล่นน่ะ”

“ดีเลย ข้าชอบองุ่นและแตงไทยที่สุด พวกเรารีบไปลองชิมกันเถอะ หากองุ่นมีมากข้าสามารถทำไวน์องุ่นให้ท่านได้ ไวน์องุ่นที่ข้าทำรับประกันได้เลยว่าชั้นยอด ท่านไม่เคยดื่มมาก่อนแน่ๆ” หยุนถิงบอก ยื่นมือเข้ามาดึงจวินหย่วนโยวจะออกไปข้างนอก

จวินหย่วนโยวมองดูมือเล็กบอบบางไร้กระดูกนั่น ยอมให้นางดึงลากตนไปตามใจ ความโกรธกลางหว่างคิ้วหายไปไม่น้อย

พอเห็นไร่พืชผลผืนใหญ่ด้านหลังเรือนนอก หยุนถิงดีใจนัก “ซื่อจื่อ ท่านเป็นเจ้าของที่รึ นี่น่าจะมีหลายร้อยไร่กระมัง?”

“อืม อยากกินอะไร เด็ดได้เลยตามใจ”

“ดีเลย!”

หยุนถิงเดินเข้าไปในไร่พืชผลอย่างยินดี ราวกับเด็กที่กำลังดีใจก็ไม่ปาน มองดูผลนั้น เคาะๆผลนี้ ดมกลิ่นอันข้างๆ ยินดีปรีดายิ่งนัก

พืชผลนี่มีสิบกว่าชนิดเลย แตงโม แตงไทย แคนตาลูป —–

หยุนถิงเลือกผลที่กลิ่นหอมคละคลุ้งมาหนึ่งผล ไม่ได้ใช้เครื่องมือใดๆเลย ใช้สันมือฟันแตกออกเลย กัดไปหนึ่งคำ “ซื่อจื่อ ผลนี้หวานจริงๆ ท่านลองชิมดูสิ”

จวินหย่วนโยวที่เดินตามมาด้านหลัง เหล่มองผลที่ยังไม่ล้างนั่น พลางขมวดคิ้ว

“ซื่อจื่อ ทำไมท่านเรื่องมากขนาดนี้เล่า นี่ถึงจะเรียกว่าสภาพแต่ดั้งเดิมไง กินแล้วถึงหวานนะ” หยุนถิงยื่นอีกครึ่งผลมาที่ปากจวินหย่วนโยว

จวินหย่วนโยวถึงก้มหน้าลงกัดไปหนึ่งคำ เพียงแต่กลืนช้ามาก

“หวานมากใช่หรือไม่?” หยุนถิงถาม

“อืม” จวินหย่วนโยวตอบ

“ข้าชอบไร่พืชผลนี่ยิ่งนัก ซื่อจื่อ พวกเราพักที่นี่เสียหลายวันนะ ตอนจะกลับก็เอากลับไปด้วย” หยุนถิงเสนอ

“ตกลง”

หยุนถิงกิน แตงไทยหมดครึ่งอันนั้น หันไปเด็ดต่อ จวินหย่วนโยวมองนางหัวเราะราวกับเด็ก หว่างคิ้วก็มีประกายรักใคร่วาบผ่าน

นังหนูนี่พอใจง่ายจริง แค่ไร่พืชผลแถบนี้ก็ทำนางดีใจขนาดนี้แล้ว

เหล่มองน้ำผลไม้ที่มุมปากนาง จวินหย่วนโยวตาหม่น พลันเข้ามาจุมพิตริมฝีปากบางของหยุนถิง

หยุนถิงตะลึง เธอยังกินผลไม้อยู่เลยนะ ซื่อจื่อนี่ทำไม่เลือกสถานที่ เลยจะผลักเขาออก

แต่กลับเห็นจวินหย่วนโยวผละออก “มุมปากเจ้ามีน้ำผลไม้ติดอยู่ ข้าช่วยเช็ดให้เจ้าน่ะ”

หยุนถิงมองค้อนเขา “เขาเช็ดกันแบบนี้หรือไง ใช้ผ้าก็ได้”

“ผ้าเช็ดสกปรกแล้วยังต้องซัก ลำบาก แบบนี้ง่ายกว่า” จวินหย่วนโยวย้อน

หยุนถิงพูดไม่ออก ไม่พูดอะไรอีก ยกตะกร้าไม้ไผ่ด้านข้างเดินเข้าไปในด้านในต่อ

เดินไปรอบหนึ่ง ตะกร้าไม้ไผ่ก็เต็มแล้ว แน่นอนว่าจวินหย่วนโยวเป็นคนถือ ทั้งสองเดินไปกินไป ยังไม่ลืมเด็ดสิ่งที่ชอบเก็บไว้

หลิงเฟิงและหลงเอ้อร์ที่กำลังกินผลไม้อยู่ไม่ไกลอิจฉายิ่งนัก หลงเอ้อร์เอ่ยขึ้น “ซื่อจื่อของเรากับซื่อจื่อเฟยสามารถเล่นกันอย่างสนุกสนานในไร่พืชผลเช่นนี้ได้ด้วย!”

“ในสายตาซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟย ขอเพียงพวกเขาอยู่ด้วยกัน จะอยู่ที่ไหนก็มีความสุข” หลิงเฟิงตอบ

“ไอ้โหย เจ้ากลายเป็นปรมาจารย์ด้านความรักตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ถึงกับพูดคำพูดมีเหตุผลอย่างนี้ออกมาได้?” หลงเอ้อร์เย้า

“มันไม่เกี่ยวอะไรกับปรมาจารย์ ซื่อจื่อรักใคร่ผูกพันกับซื่อจื่อเฟยมาก คนโง่ก็ดูออก”

“ข้าไม่ใช่คนโง่ ยิ่งดูออก”

สองสหายถกเถียงทะเลาะกัน และกินผลไม้ต่อไป

หยุนถิงทางนี้เห็นตะกร้าไม้ไผ่เต็มหมดแล้ว และก็รู้ว่าร่างกายของซื่อจื่อไม่ได้ดีนัก เลยกลับมาก่อน แน่นอนตอนกลับ หยุนถิงยื่นมือไปถือคานหามด้วย เท่ากับว่าช่วยกันหามกับซื่อจื่อคนละครึ่ง ทั้งสองคนช่วยกันหามกลับมา

เดิมจวินหย่วนโยวอยากจะปฏิเสธ หยุนถิงกลับบอกว่า “ผู้ชายของข้า ข้ารักเอง หากท่านไม่สบาย คนปวดใจก็ข้าอยู่ดี”

ดังนั้นจวินหย่วนโยวไม่ปฏิเสธ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหามคนละครึ่งกับอีกคน รู้สึกประหลาดมาก แต่ก็ดีใจมาก

หลิงเฟิงกับหลงเอ้อร์เห็นซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยกลับมาแล้ว เลยรีบเข้าไปรับตะกร้าไม้ไผ่มา ทั้งสองคนพากันไปล้างผลไม้

เมียเหล่าจางรีบเดินเข้ามา “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย จะทานอาหารเลยหรือไม่?”

เมื่อครู่เรื่องที่ลูกชายนางคิดจะแย่งฮูหยิน นางได้ยินหมดแล้ว ตกใจแทบตาย ดังนั้นเลยให้เหล่าจางพาเสี่ยวหู่จื่อไปซ่อนหลังครัวก่อน

หยุนถิงมองเห็นสตรีผู้นั้น หน้าตาดูมีเมตตา และยังขลาดกลัว คล้ายคลึงกับเสี่ยวหู่จื่ออยู่หลายส่วน

“เจ้าคือท่านแม่ของเสี่ยวหู่จื่อ?” หยุนถิงถาม