บทที่ 372 งานขึ้นบ้านใหม่ เอาคืนพวกปากสว่าง

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 372 งานขึ้นบ้านใหม่ เอาคืนพวกปากสว่าง

“กราบทูลซื่อจื่อเฟย เป็นเพราะเสี่ยวหู่จื่อของข้ามิรู้ความ ทำให้ซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยเดือดเนื้อร้อนใจ ข้าจะสั่งสอนเขาให้ดีแน่นอน” เมียเหล่าจางตอบอย่างนอบน้อม

“ไม่ต้องดอก เสี่ยวหู่จื่อน่ารักมาก ข้าชอบมาก กินข้าวเถอะ ข้าหิวแล้ว”

“ได้”

หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวล้างมือเสร็จ เห็นอาหารชาวสวนอุดมสมบูรณ์เต็มโต๊ะ หยุนถิงดีใจนัก ตอนอยู่ในยุคปัจจุยัน เวลาสุดสัปดาห์เธอว่างๆก็จะไปรับรู้ชีวิตสักหน่อยที่โฮมสเตย์

จวินหย่วนโยวเห็นนางกินอย่างมีความสุข ก็ดีใจ รีบช่วยคีบอาหารให้หยุนถิง

“ขอบคุณซื่อจื่อ ท่านก็กินสิ ไม่ต้องสนใจข้าหรอก ถ้าท่านหิวข้าก็ปวดใจเหมือนกัน” หยุนถิงหัวเราะแหะๆ

จวินหย่วนโยวพอใจนัก เลยเริ่มกินเอง

“ซื่อจื่อ ไร่พืชผลใหญ่ขนาดนี้ มากขนาดนี้ ทุกปีจัดการกันอย่างไรรึ?” หยุนถิงถาม

“พืชผักผลไม้ที่สุกใหม่ทางนี้จะส่งไปที่จวนซื่อจื่อ คนของเรือนนอกก็มีกินเองบ้าง แต่มันมีมากเกินไปกินไม่หมด ทุกปีก็มักจะเน่าเสียทิ้งไปน่ะ” จวินหย่วนโยวตอบ

“สิ้นเปลืองจริงๆเลย ทำเทศกาลเก็บเกี่ยวสิ แบบนี้ก็ไม่ต้องเก็บเองแล้วยังหาเงินได้ด้วย คุ้มดีออกนะ” หยุนถิงเสนอ

“เทศกาลเก็บเกี่ยว?”

“ก็คือพวกเราสามารถประกาศออกไปได้ว่า พืชผลของเรือนนอกสุกแล้ว ทุกคนสามารถมาเก็บได้ ไม่เก็บค่าเข้าเก็บ แต่แตงไทยที่เก็บได้จะขายในราคาที่สูงกว่าตลอด

อย่างเช่น เก็บค่าเข้าหนึ่งร้อยตำลึง จากนั้นกินพืชผลของที่นี่ได้ตามใจ ตอนไปเอาไปได้หนึ่งตะกร้า เป็นตะกร้ากับข้าวแบบนั้นก็ได้แล้ว ใส่พืชผลได้สามถึงห้าผล

กลางวันทานอาหารที่นี่ได้ ก็คืออาหารชาวสวน สั่งอาหารได้ และเหมาโต๊ะจีนได้ หนึ่งโต๊ะมากสุดมีอาหารสิบอย่าง คิดราคาเดียวไปเลย

ท่านน่ะเป็นจวินซื่อจื่อนะ การกินการอยู่ของท่านย่อมดีที่สุดอยู่แล้ว เชื่อว่าพอข่าวออกไป ต้องมีคนมากมายแห่แหนกันไปแน่ ทุกวันให้กำหนดจำนวนคนด้วย แบบนี้จะยิ่งกระตุ้นความอยากเข้ามาของทุกคน

ถึงเวลานั้นก็ทำรถเข็นขายของกินอย่างเช่น ย่างเสียบไม้ ลูกชิ้น มันฝรั่ง และของประเภทการละเล่นโยนห่วง ในเมื่อมีทั้งของกินและของเล่น ครอบคลุมหมดนี่ต้องหาเงินได้ไม่น้อยแน่” หยุนถิงอธิบายอย่างง่ายๆ

จวินหย่วนโยวเลิกคิ้ว ออกจะแปลกใจ แต่ก็เข้าใจในที

หยุนถิงมีพรสวรรค์ในการหาเงิน ไม่ต้องสงสัยเลย แต่ไม่คิดว่านางแค่กินพืชผลก็คิดวิธีหาเงินได้แล้ว

“ข้านี่บุญมากเพียงไหนนะ ที่ได้แต่งงานกับซื่อจื่อเฟยที่หาเงินเก่งเพียงนี้” จวินหย่วนโยวพูดอย่างปวดใจ

“ข้าชอบความรู้สึกที่ได้หาเงิน” หยุนถิงหัวเราะบอก

“ได้ ในเมื่อเจ้าอยาก ก็ทำเถิด ต้องการอะไรก็สั่งการออกไปได้เลย”

“ขอบคุณซื่อจื่อ ท่านรอนับเงินแล้วกัน”

พอหยุนถิงกินข้าวเสร็จก็เรียกคนของเรือนนอกทั้งหมดมารวมตัวกัน รวมถึงหลิงเฟิงและรั่วจิ่งด้วย พลางอธิบายให้ทุกคนฟังอย่างละเอียดหนึ่งรอบ ทุกคนพากันตกตะลึง จากนั้นก็พากันยกนิ้วโป้งให้ซื่อจื่อเฟยกันใหญ่

บ่ายวันนั้น หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวก็กลับแล้ว หลิงเฟิงเล่าแผนการของซื่อจื่อเฟยให้ทุกคนฟัง ทุกคนพากันชมเชยไม่ขาดปาก จากนั้นก็จัดแจงแบ่งงานกัน ยุ่งวุ่นวายกันขึ้นมา

ใกล้จะเที่ยงแล้ว หยุนถิงเอาของขวัญบางส่วนขึ้นรถม้า สองวันก่อนจ้าวเคอมาบอกด้วยตัวเองว่าวันนี้ที่เรือนเขาจะจัดงานขึ้นบ้านใหม่ หวังว่าตนจะไปร่วมงานได้ หยุนถิงรับปากโดยไม่ต้องคิดเลย

จวินหย่วนโยวมีธุระ หยุนถิงไม่ได้ให้เขาไป ไม่งั้นซื่อจื่อไปแล้วพวกเขาคงเกร็งกันน่าดู เกิดไปทำให้แม่ของจ้าวเคอตกใจเข้า ยิ่งไม่ดีเลย

ระหว่างทาง หยุนถิงให้รถม้าจอดก่อน ตนเองไปซื้อหมูหันมาตัวหนึ่ง สุดท้ายได้ยินเสียงแสบแก้วหูหลายเสียงลอยมาข้างๆ

“เจ้าได้ยินหรือยัง จอหงวนคนใหม่ของปีนี้จัดงานขึ้นบ้านใหม่ที่เรือนตนเอง เมื่อก่อนเป็นแค่พวกขอทาน อดมื้อกินมื้อมาตลอด ต่อให้ตอนนี้เป็นจอหงวนแล้วน่ากลัวจะมีไม่กี่คนที่ไป”

“ก็ใช่ไง เมื่อก่อนเขาไปขายภาพอักษรที่ไหนก็ขายไม่ออก ข้าเห็นเขาน่าสงสาร ใกล้จะอดตายแล้ว ถึงได้บริจาคหมั่นโถวให้อันหนึ่ง”

“คนยากจนยังไงก็คือคนยากจน” ต่อให้สอบได้จอหงวนก็ไม่มีใครสนใจหรอก ไม่มีตระกูลชาติกำเนิดก็มีแต่เปลือก ดีไม่ได้หรอก”

หยุนถิงเหล่มองคนพวกนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่ได้พูดอะไร ถือหมูหันที่ย่างเสร็จแล้วเดินไปขึ้นรถม้า

“เจ้ารีบไปบอกองค์ชายสี่ ซวนอ๋อง ท่านพ่อข้า—ให้พวกเขาไปกินอาหารเที่ยงที่เรือนจ้าวเคอ อีกอย่างให้คนไปหอใต้หล้าส่งอาหารเลิศรสทั้งหมดไปที่จวนตระกูลจ้าวด้วย!” หยุนถิงแค่นเสียงบอก

“ขอรับ!” คนขับรถม้ารีบไปจัดการทันที

หยุนถิงเลยไม่นั่งรถม้าแล้ว เดินเลยแล้วกัน หลงเอ้อร์ถือข้าวของพะรุงพะรังเดินตามหลังหยุนถิง

ทุกคนบนท้องถนนพอเห็นหยุนถิง ก็พากันทักทาย ใครถาม หยุนถิงก็จะตอบว่าไปร่วมงานขึ้นบ้านใหม่ของจอหงวนคนใหม่

ไม่นาน คนทั้งเมืองหลวงของแคว้นต้าเยียนก็รู้กันหมดแล้ว

องครักษ์ของจวนหลีอ๋องรีบกลับไปรายงานทันที พอโม่ฉือหานได้ยินดังนั้น รีบสลัดสาวงามใต้ร่างตนออก ไปอาบน้ำแต่งตัวและไปจวนตระกูลจ้าวทันที

หลายวันนี้เรียกว่าเขาได้ระบายอย่างบ้าคลั่ง เป็นเพราะหยุนถิงเลย ปกติหยุนถิงโดนจวินหย่วนโยวติดตามราวกับตาเป็นสับปะรด นานทีปีหนนางถึงจะออกมาคนเดียว โม่ฉือหานย่อมไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ไปอยู่แล้ว

ซูชิงโยวและโม่หลาน ฉินจิ้งอี๋ที่กำลังเดินเล่นอยู่ร้านเครื่องประทินผิว พอได้ยินข่าวนี้ ทั้งสามคนมุ่งตรงไปยังจวนตระกูลจ้าวทันที

ไม่นานหน้าประตูจวนตระกูลจ้าวก็มีคนมุงล้อมอยู่ไม่น้อย

จ้าวเคอยืนมองงงเป็นไก่ตาแตก เขาเชิญแค่คุณหนูหยุน ไม่ได้เชิญคนอื่นเลยนะ จู่ๆมีคนมามากมายเพียงนี้ อาหารที่เขากับท่านแม่เตรียมไว้น่ากลัวจะไม่พอแล้ว

“จ้าวเคอเจ้ายืนบื้ออะไรน่ะ คนพวกนี้ไม่ต้องให้ข้าแนะนำกระมัง ข้าให้พวกเขามาร่วมงานขึ้นบ้านใหม่ของเจ้าเอง รีบให้ทุกคนเข้าไปสิ” หยุนถิงเย้า

“ขอรับ ขอบคุณทุกท่านที่ไม่รังเกียจ ขอบพระคุณมาก ทุกท่านเชิญด้านในเถิด” จ้าวเคอพูดขึ้นอย่างนอบน้อม

ท่านแม่จ้าวเคอที่อยู่ในห้องเห็นคนมากมายเพียงนี้ก็ตกใจมาก แต่ยังรีบไปเตรียมน้ำชา

เหล่าชาวบ้านนอกเรือนพากันห้อมล้อมดูเรื่องสนุก ผู้คนที่เดิมคิดจะเยาะเย้ยจ้าวเคอตอนนี้อึ้งบื้อไปเลย

เริ่มแรกเป็นคุณหนูหยุน ต่อมาองค์ชายสี่ ขนาดซวนอ๋องที่เย็นชากระหายเลือดมาตลอด และไม่เคยไปร่วมงานใดเลยยังมา ยังมีหยุนเฉิงเซี่ยง นี่น่ะเสนาบดีฝ่ายซ้าย ขนาดบุตรสาวจ้าวซ่างซูออกเรือน เขายังไม่ไปเลย แต่กลับมาเรือนจ้าวเคอ

คุณหนุตระกูลซู คุณหนูใหญ่ตระกูลโม่ และยังแม่ทัพใหญ่หยุน ฟู่ซื่อจื่อ สวรรค์ หลีอ๋องยังมา ยังมีคุณหนูฉิน—

บุคคลที่มีหน้ามีตาของเมืองหลวงมารวมตัวกันหมดแล้ว ขนาดงานเลี้ยงในพระราชวังยังไม่ขนาดนี้เลย จ้าวเคอผู้นี้ช่างมีฝีมือจริงๆ

วินาทีนี้ใครก็ไม่กล้าดูถูกหรือเหยียดหยามจ้าวเคออีก ทุกคนล้วนอิจฉาเขายิ่งนัก

สามารถเชิญคนใหญ่คนโตของเมืองหลวงมามากมายเพียงนี้ได้ ช่างร้ายกาจจริงๆ

ในห้องจู่ๆก็มีคนมากมายเพียงนี้มา เก้าอี้ไม่พอนั่งแล้ว จ้าวเคอกระดากอายนัก

“วันนี้ข้าเร่งรีบไปหน่อย ข้าคิดว่า ในเมื่อจ้าวเคอจัดก็ไม่ควรจะเงียบเหงานัก เลยตัดสินใจเชิญคนมากมายขนาดนี้โดยพลการ ทุกคนไปนั่งในสวนเถอะ จะได้ตากแด ท่องโคลงกลอน คุยเล่นไปด้วย” หยุนถิงเสนอ

“ข้ากำลังคิดพอดีเลย หยุนถิง ครั้งก่อนเจ้ารับปากสู้กับข้าไว้ เจ้ายังไม่เคยทำตามสัญญาเลย วันนี้มาประลองกันหน่อยเถอะ” โม่หลานบอกอย่างไม่เกรงใจ

“ได้” หยุนถิงเดินออกไป