บทที่ 443 การจู่โจมจากพิษแมลง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 443 การจู่โจมจากพิษแมลง

ทางเดินด้านล่างของปากถ้ำแคบมาก จุได้เพียงสองคนเท่านั้น ความสูงของถ้ำนั้นไม่สูงมากนัก คนที่สูงก็ต้องเดินก้มหัวลงเล็กน้อย

เมื่อเยาเยาเข้ามายังด้านใน คบเพลิงทั้งสองด้านของอุโมงค์ก็สว่างขึ้น ผู้ที่เดินอยู่ด้านหลังของนางนั้นคือจื่อซีและจื่อเฟิง เดิมทีแล้วด้านหลังยังมีป่ายเม่ยเซิงและซาหมั่นเฉิง แต่หลังจากป่ายเม่ยเซิงส่งสายตาให้นาง นางจึงปล่อยให้พวกเขาเดินไปก่อน

จากนั้นได้ยินเสียงเหมือนมีคนกระโดดลงมาจากด้านบน จึงรู้ว่าเป็นเย่หลีเฉิน แต่นางก็ยังหันไปมองด้านหลังเช่นกัน

เย่หลีเฉินปัดฝุ่นบนร่างกายของตนเอง และเงยหน้าขึ้นเห็นสายตาของเทพธิดาที่มองมา จึงเร่งฝีเท้าและรีบตามนางไปอย่างรวดเร็ว

อุโมงค์มีความยาวมาก อีกทั้งยังคดเคี้ยวไปมา หากไม่มีคบเพลิงทั้งสองข้างทางของอุโมงค์ อุโมงค์ก็ดูน่ากลัวมาก ด้วยความชื้น บางครั้งก็เห็นแมลงอยู่บ้าง แม้แต่ช่องว่างระหว่างหินยังมีโพรงของงู อีกทั้งโพรงงูช่องเล็กๆ แบบนี้ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก

เกรงว่าไม่ใช่เข้าไปแล้วจะเป็นถ้ำงูน่ะสิ

ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นภายในถ้ำ

“ด้านหน้ามีการเคลื่อนไหว ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งกำลังขยับ แต่มันเล็กมาก ด้านหน้าไม่ได้จุดคบเพลิงเอาไว้จึงมืดมาก จึงมองเห็นไม่ได้ชัดว่าคืออะไรกันแน่”

หลานเยาเยาค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น และก้าวเดินเร็วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบผงยาออกมาจากแขนเสื้อ แล้วแจกจ่ายให้กับทุกคน

“มันใช้สำหรับถ่ายพยาธิ ใช้ได้ไม่ต้องกังวล ไม่มีผลข้างเคียง”

คนที่เคยได้รับผลข้างเคียง “……”

เมื่อเดินมาสักพักหนึ่งก็มาถึงสถานที่เปลี่ยวแห่งหนึ่ง

“โอ๊ย……”

จู่ๆ ก็มีเสียงร้องอันเจ็บปวดดังขึ้น ทันใดนั้นบรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที

มีคนถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น”

มีอีกคนหนึ่งตอบขึ้นมา “ข้าถูกแมลงกัดเข้าแล้ว ปวดมาก คงจะมีพิษ”

น้ำเสียงของคนที่ตอบคำถามนั้นมีความคุ้นอยู่เล็กน้อย

เอ่อ!

เอาเถอะ!

คนที่อยู่ในนี้ มีใครบ้างที่นางไม่คุ้นเคย

ป่ายเม่ยเซิงเป็นผู้ที่ถูกแมลงกัด

“เทพธิดา!”

มีคนเรียกนาง หลานเยาเยาจึงรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงด้านหน้าของผู้ที่ส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ก็ได้เห็นใบหน้าของป่ายเม่ยเซิง ทั้งใบหน้าก็บิดเบี้ยว ริมฝีปากค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วง มองมาที่นางอย่างทำอะไรไม่ถูก

“เทพธิดา ข้าถูกกัดแล้ว ดูแล้วน่าจะรุนแรงมาก เจ้ารีบมาดูให้ข้าหน่อย”

หลานเยาเยาเม้มริมฝีปาก มองไปยังป่ายเม่ยเซิงที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นและพิงกำแพงหินโดยไม่ได้พูดจาใดๆ เพียงโน้มตัวลงอย่ารวดเร็ว และยกแขนที่ถูกกัดของเขาขึ้นมาดู

จุดที่ถูกกัด มีรอยบวมแดงปรากฏขึ้น และเห็นได้ชัดว่ามีการกระจายไปทั่วแขนอย่างรวดเร็ว หนำซ้ำยังมีครึ่งหนึ่งของแมลงปรากฏอยู่

ดวงตาค่อยๆ หรี่ลง สีหน้าก็จริงจึงขึ้นมา

จากนั้นก็ใช้มือดึงครึ่งหนึ่งของแมลงออกมาโดยไม่พูดจาใดๆ และโยนมันลงไปบนพื้น จากนั้นแมลงที่มีหลายขา ก็ขยับขึ้นมาทันที

คนทั้งหมดได้กระจายออกจากกันอย่างรวดเร็ว สุดท้ายแมลงตัวนั้นก็ตายอย่างอนาถภายใต้เท้าของหานแส

หลานเยาเยาไม่ได้มองไปที่พวกเขา แต่หยิบผงยาออกมาจากแขนเสื้อ และถูกยาบนมือและโรยไปบนแผลของป่ายเม่ยเซิง จากนั้นจึงนำยาเม็ดที่ใช้ถอนพิษใส่เข้าไปในปากของเขา

ตอนนี้ นางจึงได้พบว่า ป่ายเม่ยเซิงจับจ้องมาที่นางอยู่ตลอด พร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก ถึงแม้ว่าสีหน้าจะแสนเจ็บปวด แต่ก็ในความเจ็บปวดนั้นก็ยังมีรอยยิ้ม มองท่าทีของนางแล้ว หากจะบอกว่าน่ารักใคร่ก็คงไม่มากเกินไปและยังจงใจที่จะดึงคอเสื้อให้กว้างออก และแยกออกจากกัน ผิวสีน้ำตาลอ่อนก็เผยออกมา จากนั้นจึงกระซิบเบาๆ

“เทพธิดา เจ้าดีกับข้ามากจริงๆ มอบชีวิตให้ได้หรือไหม”

หากไม่ใช่เพราะมีองค์ชายรัชทายาทอยู่ด้วย เขาคงจะเอ่ยกับหลานเยาเยาไปโดยตรง

แต่น่าเสีย ที่หลานเยาเยาไม่ได้สนใจเขา ได้แต่มองบาดแผลที่ถูกแมลงมีพิษกัดด้วยสีหน้าสงบ อาการบวมแดงไม่แพร่กระจายแล้ว จากนั้นจึงลุกขึ้น

ผู้ชายคนนั้นดีดดิ้น

เมื่อนางจากไปแล้ว เขาก็ไม่ลืมที่จะขยิบตาอยู่สองสามครั้ง

และแสร้งทำตัวน่าสงสาร “เทพธิดา เดี๋ยวก่อน ข้ายังรู้สึกว่าข้าเจ็บมาก เริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว”

พูดจบ ป่ายเม่ยเซิงก็รีบขมวดคิ้วทำหน้ามุ่ยมองไปยังนางอย่างเจ็บปวด

“เจ้าพยายามพูดให้น้อยหน่อยเถอะ แม้ว่าเจ้าจะเพิ่งกินยาถอนพิษ แต่พิษของแมลงพิษตัวนั้นไม่ใช่พิษธรรมดา หากว่ายาถอนพิษไม่สามารถถอนพิษให้เจ้าได้ เจ้าก็คงได้แต่รอความตาย”

เมื่อเห็นความกะล่อนของเขาในตอนนี้ ถ้าไม่ขู่เขาเสียบ้าง เขาก็คงจะไม่ยอมหุบปาก

เป็นอย่างที่คิดไว้!

สีหน้าของป่ายเม่ยเซิงก็ซีดขึ้นอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นว่ารอยแดงบวมบนแขนของตนเองเหมือนจะไม่แพร่กระจายแล้ว ในใจก็ชัดเจนแล้ว

จริงๆ แล้วหลานเยาเยากำลังล้อเขาเล่น

จากนั้นรีบแสร้งทำเป็นกลัว และพูดปนน้ำเสียงร้องไห้อย่างผิดหวังเล็กน้อยทันที

“โธ่ ดูเหมือนว่าข้าจะหมดหนทางรักษาแล้ว พิษอาจจะฝังลึกเกินไป ข้าจะต้องมีคนคอยดูแลใกล้ชิดแล้ว เทพธิดา ข้าเจ็บตรงนี้อีกแล้ว”

“แกร๊ง!” กระบี่ของจื่อเฟิงถูกฟันไปครึ่งหนึ่ง

ป่ายเม่ยเซิงมองดูแล้วหุบปากทันที ถอนสายตาจากกระบี่ของจื่อเฟิงอย่าเบื่อหน่าย จากนั้นมองไปที่หลานเยาเยาด้วยใบหน้าที่สงบ และอ้าปากพูด

เงาร่างสูงชะลูดสีม่วงเข้มนั้นได้ปิดกั้นสายตาของเขาเอาไว้

ป่ายเม่ยเซิงจึงรีบหดตัวทันที

เจ้าของเรือ!

หลังจากที่ได้สบตาที่เฉยเมยกับเจ้าของเรือ เขาก็เหมือนอย่างกับลูกท้อ ไม่กล้าที่จะพูดอีกต่อไป ได้แต่ทนรอ

“อยากตายหรือไง”

เมื่อน้ำเสียงที่เย็นเยียบผ่านคำง่ายๆ สองคำเข้ามา ขนตามร่างกายของป่ายเม่ยเซิงก็ลุกชูชันขึ้นทันที ขณะที่มองเจ้าของเรือของตนเอง ใบหน้าแฝงไปด้วยอารมณ์แปรปรวนนั้น ดูเหมือนว่าสายตาเขาอย่างกับกำลังแทงด้วยมีดอย่างไรอย่างนั้น และเขาก็ส่ายหน้าอย่างรุนแรง

“เจ้านายยกโทษให้ข้าเถอะ!”

ถ้าไม่สามารถเรียกเจ้าของเรือได้ อย่างนั้นเขาก็เป็นได้แค่เจ้านายแล้วล่ะ

“ฮึ!”

หานแสแสยะยิ้มอย่างเย็นชา และสะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่งแล้วเดินจากไป จากนั้นทุกคนต่างก็รีบตามไป ขณะที่จื่อซีและจื่อเฟิงเดินผ่านป่ายเม่ยเซิงนั้น ทั้งสองกลอกตาอย่างไม่สนใจ

แต่กลับกลายเป็นว่าซาหมั่นเฉิง

ขณะที่เดินไปหาเขา ก็มองเขาด้วยความรังเกียจ และพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “ไม่มียางอายหรือไง”

แม้จะลวนลามคนอื่นก็ช่างเถอะ แต่ถ้ายังกล้าลวนลามหลานเยาเยาต่อหน้าเจ้าของเรือละก็ คงจะอยากตายจริงๆ !

“ช่วยหน่อยเถอะ!”

พูดไปหลายรอบแล้วไม่ใช่หรือ!

ปกติก็เคยพูดเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยเห็นใบหน้าอันเยือกเย็นของเจ้าของเรือกลายเป็นแบบนั้น เอาล่ะ ดูเหมือนว่าเจ้าของเรือคงจะหึงเข้าแล้วล่ะ!

ป่ายเม่ยเซิงยื่นมือไปทางซาหมั่นเฉิง แม้ว่าซาหมั่นเฉิงจะรังเกียจเขามาก แต่ก็ยังช่วยพยุงเขาขึ้นมา แต่ก็มองเขาด้วยสายตาที่เย็นชาเช่นกัน เมื่อป่ายเม่ยเซิงหันหน้าไปมอง ซึ่งบังเอิญสบตากับเย่หลีเฉินพอดี

เอ่อ!

ยังมีอีกผู้หนึ่ง

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถพูดไร้สาระได้ ดังนั้นจึงต้องก้าวเดินไปด้านหน้ากับซาหมั่นเฉิง

เย่หลีเฉินถอนสายตากลับ มองไปที่หลานเยาเยา ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า

“คนของหานแสล้วนแต่เสียมารยาทกับเจ้าขนาดนี้เลยหรือ”

หานแสรู้จักเขาดีว่าเขาเป็นผู้ที่เข้มงวดกับตนเองมาตลอด และจะไม่เอาผิดกับพวกลูกน้องเหล่านี้มากนัก

“ไปกันเถอะ!”

หากเย่หลีเฉินรู้ว่าหานแสเป็นเจ้าของเรือแห่งความสิ้นหวัง และคนที่เพิ่งจะลวนลามนางนั่นคือป่ายเม่ยเซิง บางทีก็อาจจะไม่ถามเช่นนี้

พูดจบ!

ในขณะที่หลีเฉินอยู่ในความสงสัย ทั้งสองคนก็เดินไปข้างหน้าพร้อมกัน

……

พวกท่านชายและคุณหนูที่ถูกบังคับให้อยู่ในสวนว่างฮัว ในตอนนี้แต่คนต่างกำลังเดินไปเดินมา ดูแล้วเหมือนทุกคนจะเป็นคนโดนมนต์ดำ มีท่านชายที่มีความกล้าอันน้อยนิดไม่กี่คน ที่ต้องการจะฉวยโอกาสตอนองค์ชายรัชทายาทไม่อยู่และหาจังหวะออกไป

แต่เมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตู ก็ถูกองครักษ์ขัดขวางเอาไว้โดยตรง จึงทำให้พวกเขาตกใจ