ตอนที่ 419 เขาทนได้ แต่ข้าทนไม่ได้

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 419 เขาทนได้ แต่ข้าทนไม่ได้

เจียงโม่หานจิบชาอย่างสบายอารมณ์ “การที่ผู้สอบผ่านจะเลี้ยงอาหารหรือชาแก่ทุกคนเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความสุขนั้นถือเป็นเรื่องปกติ เป็นธรรมเนียมที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว…”

“ไอหยา แล้วเหตุใดเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้ ? ” หลินเว่ยเว่ยลุกขึ้นยืนทันที…ไม่ได้ จะปล่อยให้ว่าที่สามีน้อยหน้าผู้อื่นไม่ได้ !

หยานจิงหยูเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน แม้ว่าเขาจะมีภูมิลำเนาอยู่ที่เมืองจงโจว แต่ครอบครัวก็ย้ายถิ่นฐานไปยังเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน เขาจึงไม่รู้ว่าในเมืองจงโจวมี ‘ธรรมเนียม’ เช่นนี้ด้วย

ที่น่าโมโหยิ่งกว่านั้นคือ ยามที่บ่าวรับใช้ของตระกูลจางนำเมล็ดสนปากอ้ามาแบ่งให้ที่โต๊ะของพวกตน อีกฝ่ายได้ส่งสายตาท้าทายมาด้วย เฮอะ ! โม่หานน่ะทนได้ แต่ข้าทนไม่ได้ !

คล้ายว่ามีคนจงใจเติมเชื้อไฟด้วยการตะโกนเสียงดังลั่น “แล้วเจียงอั้นโฉ่วกับหยานหลิ่นเซิงจะเลี้ยงอะไรทุกคนเล่า ? อย่าบอกว่าพวกเจ้าไม่ได้เตรียมมา ? ไม่มั่นใจในตัวเองถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ? ”

หลินเว่ยเว่ยตบโต๊ะแล้วเอ่ยเสียงดังฟังชัดว่า “เจียงอั้นโฉ่วและหยานหลิ่นเซิงจะเลี้ยงเนื้อกระต่ายแผ่นรสเผ็ดและลูกท้ออบแห้งรสน้ำผึ้ง ! ”

ในเวลานี้มีลูกค้าขาประจำของร้านขนมหวานหนิงจี้ยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ ! ลูกท้ออบแห้งของร้านหนิงจี้ขาดตลาดมาครึ่งปีแล้ว ส่วนเนื้อกระต่ายอบแห้งรสเผ็ดของพวกเขาจะออกวางจำหน่ายเป็นช่วง ไม่มีเวลาตายตัว ! เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นของร้านขนมหวานหนิงจี้ ? ”

“พวกเจ้าซื้อไม่ได้ก็ใช่ว่าข้าจะซื้อไม่ได้ ! พี่ชายคนนี้มองแล้วก็เป็นคนฉลาดไม่เบา ประเดี๋ยวพอเจ้าได้ชิมก็จะรู้เองว่าเป็นของร้านหนิงจี้หรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยกล่าวจบก็สาวเท้าเดินออกไปด้านนอก

เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม นางก็แบกกระบุงไม้ไผ่ใบใหญ่เข้ามาแล้วหันไปกล่าวกับพวกหลินจื่อเหยียนว่า “มัวนั่งอึ้งอะไรอยู่ ? ยังไม่รีบมาช่วยกันแบ่งเนื้อแผ่นและผลไม้อบแห้งให้ทุกคนอีก ให้พวกเขาได้ร่วมแสดงความยินดีและเฉลิมฉลองที่พวกเจ้าสอบได้อันดับหนึ่งอันดับสองของปีนี้หน่อยสิ ! ”

หลินจื่อเหยียน เมิ่งจิ่งหง หลิ่วจงเทียน หยางยี่หรานและเผิงหยูเหยี่ยนทั้งห้าคนและบ่าวรับใช้ของหยานจิงหยูรีบเข้ามาแบ่งเนื้อกระต่ายแผ่นและลูกท้ออบแห้งรสน้ำผึ้งให้แต่ละโต๊ะ

ในเวลานี้เหล่าบัณฑิตที่อยู่ในห้องส่วนตัวของชั้นสองก็เริ่มนิ่งเฉยไม่ไหวแล้ว พวกเขาตะโกนลงมาด้านล่างว่า “อย่าแบ่งให้แค่ชั้นล่างสิ พวกข้าที่อยู่ชั้นบนก็อยากร่วมเฉลิมฉลองด้วยเช่นกัน ! ”

ราคาของเมล็ดสนปากอ้าถือว่าไม่สูงมากและไม่ใช่ของที่ขาดตลาด ดังนั้นสำหรับบัณฑิตที่ฐานะทางบ้านค่อนข้างดีจึงไม่เคยขาดแคลนของกินประเภทนี้ ทว่าเนื้อกระต่ายแผ่นและผลไม้อบแห้งจากร้านขนมหวานหนิงจี้เป็นสิ่งที่ต่อให้มีเงินก็อาจหาซื้อไม่ได้ โดยเฉพาะเนื้อกระต่ายแผ่นที่อร่อยมาก แต่กว่าจะหาซื้อได้ต้องใช้โชคช่วยไม่น้อยเพราะไม่มีวางจำหน่ายบ่อย ๆ

หลินจื่อเหยียนเงยหน้าขึ้นนับจำนวนห้องส่วนตัวที่อยู่ชั้นบนแล้วตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องร้อนใจ ของมีเพียงพอสำหรับทุกโต๊ะ ! ”

ผ่านไปไม่นาน พวกเขาได้แจกจ่ายเนื้อกระต่ายแผ่นและผลไม้อบแห้งจนครบทุกโต๊ะ ลูกค้าขาประจำของร้านหนิงจี้ผู้นั้นได้ลองชิมจานละหนึ่งคำ ก่อนจะกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ไม่ผิด ! นี่คือรสชาติของร้านหนิงจี้ เนื้อกระต่ายแผ่นมีรสเผ็ดกำลังดี ส่วนลูกท้ออบแห้งมีรสชาติหวานนุ่มลิ้น ร้านอื่นทำรสชาติไม่เหมือนร้านนี้…หืม ? นั่นคือเจ้าของร้านขนมหวานหนิงจี้ไม่ใช่หรือ ? เหตุใดเขาจึงมาที่นี่ ? ”

หนิงตงเซิ่งยืนชะเง้อคอมองอยู่ที่หน้าประตูโรงน้ำชาครู่หนึ่ง หลังจากที่เห็นหลินเว่ยเว่ยแล้ว เขาก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้าง จากนั้นยกมือขึ้นคำนับแสดงความยินดีกับหลินเว่ยเว่ย “วันนี้ข้าเพิ่งมาถึงเมืองจงโจวและได้ยินว่าน้องชายหลินสอบได้บัณฑิตซิ่วไฉ เพิ่งจะอายุเพียงสิบสี่ปีก็ได้เป็นซิ่วไฉแล้ว สมเป็นเด็กมากความสามารถ เป็นผู้มีอนาคตไกลอย่างแท้จริง ! ”

เจียงโม่หานมุ่ยปากโดยไม่รู้ตัว เจ้าแซ่หนิงมาได้เวลาเหมาะเจาะเสียเหลือเกิน ข้าสอบได้อั้นโฉ่วแต่เจ้าไม่มาแสดงความยินดี ดันไปแสดงความยินดีกับบัณฑิตที่สอบได้อันดับรั้งท้าย…เพียงเพราะหลินจื่อเหยียนเป็นน้องชายของนาง !

หลินเว่ยเว่ยเห็นสีหน้าภาคภูมิใจของน้องชายและรอยยิ้มที่แทบจะฉีกถึงใบหูนั้นแล้วนางก็เอ่ยเย้าแหย่น้องชายว่า “เขาน่ะหรือ ? ก็แค่แมวตาบอดเจอหนูตาย1 ! ”

หลินจื่อเหยียนไม่ยอม แม้ว่าเขาก็ประหลาดใจที่สอบได้บัณฑิตซิ่วไฉ แต่นั่นก็เป็นความพยายามที่สั่งสมมานานกว่าครึ่งปีและมันก็เห็นผลเป็นที่ประจักษ์แล้ว อีกอย่างก็เพราะเขาได้คำชี้แนะจากพี่เขยรองเป็นประจำ ดังนั้นการที่เขาจะมีชื่อติดอันดับจึงไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยากขนาดนั้น !

หนิงตงเซิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หลินกู่เหนียงมักจะพูดเสมอว่าโชคคือเมล็ดพันธุ์ที่บ่มเพาะมาจากความพยายามไม่ใช่หรือ ? ”

หลังกล่าวจบเขาก็หันไปเอ่ยต่อหน้าทุกคนว่า “บัณฑิตซิ่วไฉแซ่หลินจากหมู่บ้านฉือหลี่โกวแห่งเขตเริ่นอันจะเลี้ยงขนมจากร้านขนมหวานหนิงจี้…”

จากนั้นเขาก็ไม่เปิดโอกาสให้หลินเว่ยเว่ยห้ามปราม เขากวักมือเรียกลูกน้องที่อยู่นอกโรงน้ำชา หลังจากนั้นไม่นานบนแต่ละโต๊ะก็มี ‘เค้กโรลลายเสือ’ เพิ่มขึ้นมาหนึ่งจาน…ซึ่งเป็นขนมใหม่ประจำเดือนนี้ของร้านหนิงจี้ เรียกได้ว่าเขาแฝงการโฆษณาไว้อย่างแนบเนียน

ว้าว ! วันนี้เหล่าบัณฑิตที่นั่งอยู่ในโรงน้ำชาจ้วงหยวนมีลาภปากแล้ว ลำพังแค่เมล็ดสนปากอ้าก็ทำให้เหล่าบัณฑิตยากไร้ได้กินอย่างเอร็ดอร่อยแล้ว ยังโชคดีได้กินขนมทรงคุณค่าจากร้านหนิงจี้อีกด้วย…

และหลินจื่อเหยียนผู้ที่สอบได้บัณฑิตซิ่วไฉตั้งแต่อายุแค่สิบสี่ปีผู้นี้ แม้ไม่ได้มีชื่อเสียงอันใดและยังสอบได้อันดับรั้งท้าย ทว่าก็เป็นบัณฑิตซิ่วไฉอายุน้อยที่สุดในรุ่น !

“หลินซิ่วไฉผู้นี้คือใคร ? เหตุใดจึงสามารถนำพาให้เจ้าของร้านหนิงจี้มาช่วยเลี้ยงฉลองได้ ! ” เหล่าบัณฑิตจำนวนมากพากันคาดเดาถึงที่มาที่ไปของหลินจื่อเหยียน

“พวกเจ้าดูกู่เหนียงท่านนั้นสิ ไม่รู้สึกคุ้นหน้านางเลยหรือ ? ” บัณฑิตคนหนึ่งเคยทำการค้ากับร้านหนิงจี้ก็ยื่นหน้ามาพูดกับสหาย

ทำเอาสหายร่วมสำนักศึกษาถึงขั้นหันไปมองค้อนพลางกล่าวว่า “เจ้าว่างถึงขั้นเอาเวลาไปนั่งจ้องหน้าของนางเลยหรือ ? เป็นสหายกันมานานหลายปี แต่ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะเป็นคนแบบนี้ ! ”

บัณฑิตผู้นั้นได้ยินสหายเอ่ยตำหนิ ก็เอาพัดเคาะศีรษะอีกฝ่าย “คิดไปถึงไหนแล้ว ! อ้อ ! ข้านึกออกแล้ว ! ตอนที่ร้านขนมหวานหนิงจี้เปิดกิจการนั้นมีช่วงแจกรางวัลตอบคำถาม กู่เหนียงน้อยที่ทำขนมมาแจกตอนนั้นก็มีหน้าตาคล้ายนางเลยไม่ใช่หรือ ? ”

เมื่อสหายของเขาเพ่งมองใบหน้าของหลินเว่ยเว่ยอย่างละเอียดอีกครั้งก็พยักหน้าไม่หยุด “ไม่ผิด ! นางนั่นเอง ! ตอนนั้นข้าตอบถูก นางเป็นคนมอบเวเฟอร์ไส้ครีมให้ข้าเองกับมือ ยามนั้น…ผู้ที่สอบได้อั้นโฉ่วที่ยืนอยู่ข้างหลินซิ่วไฉก็ยืนอยู่กับนางด้วย ! ไอหยา ตอนนั้นข้ายังนึกเลยว่าบัณฑิตน้อยที่ยืนอยู่ด้านหลังช่างหน้าตาดีจริง ๆ…”

“เฮอะ ! ” บัณฑิตผู้นั้นมองค้อนสหายอีกรอบ “คนอื่นมองขนม มองกู่เหนียงน้อย แต่เจ้ากลับพุ่งความสนใจไปที่บัณฑิตน้อยผู้นั้น หรือว่า…”

“เหลวไหล ! เนื้อกระต่ายแผ่นยังอุดปากเจ้าไม่พออีกหรือ ! ” บัณฑิตผู้นั้นทุบหลังสหาย…

หลินเว่ยเว่ยเชิญหนิงตงเซิ่งมานั่งร่วมโต๊ะแล้วรินน้ำชาให้เขาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะรบกวนให้คุณชายหนิงสิ้นเปลืองเงินทองได้อย่างไร ? ”

หนิงตงเซิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็เป็นพ่อค้าแต่เพิ่งได้รู้ว่าโรงน้ำชาจ้วงหยวนมีธรรมเนียมเช่นนี้อยู่ด้วย น้องชายหลินสอบได้บัณฑิตซิ่วไฉถือเป็นเรื่องน่ายินดี หลินกู่เหนียงอย่าได้เกรงใจเลย ! ”

เจียงโม่หานทำเสียงฮึดฮัดเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คุณชายหนิงมีน้ำใจยิ่งนัก เว่ยเอ๋อร์ พวกเราก็รับน้ำใจนี้ของคุณชายหนิงเสียเถิด เรื่องค่าขนมประเดี๋ยวข้าจะไปจ่ายคืนเขาทีหลัง…”

หลินเว่ยเว่ยพยักหน้ารับ “หักจากเงินปันผลของข้าได้…”

“หลินกู่เหนียงจะมาพูดเรื่องเงินกับข้าทำไมหรือ ? ทำราวกับว่าเป็นคนอื่นคนไกล ! หรือการที่ข้าต้องการแสดงความยินดีกับน้องชายหลิน ท่านก็ยังจะแย่งจ่ายเงินอีก ? ” หนิงตงเซิ่งทำสีหน้าน้อยใจ

“เอ่อ…เช่นนั้นต้องขอบคุณคุณชายหนิง ! ” หลินเว่ยเว่ยไม่ชอบเอาเปรียบคนอื่นจึงตัดสินใจว่าจะเปิดตัวขนมชนิดใหม่ประจำปีนี้ให้แก่ร้านขนมหวานหนิงจี้

หนิงตงเซิ่งเห็นว่านางไม่ดื้อรั้นอีกก็คลี่ยิ้มออกมาอีกครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็นึกถึงเจียงโม่หานที่สอบได้อั้นโฉ่วจึงหันไปพูดแสดงความยินดีและเมื่อรู้ว่าอันดับที่สองก็นั่งร่วมโต๊ะนี้เช่นกัน เขาจึงหันไปแสดงความยินดีกับหยานจิงหยูด้วย !
[i]
1 แมวตาบอดเจอหนูตาย เป็นการเปรียบเปรยว่า โชคเข้าข้าง โชคช่วยจนประสบความสำเร็จ