ตอนที่ 456 มาตรฐานความงามที่แปรเปลี่ยน

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 456 มาตรฐานความงามที่แปรเปลี่ยน

ตอนที่ 456 มาตรฐานความงามที่แปรเปลี่ยน

ถั่วชมพูเงยหน้าขึ้น ใบหูที่อยู่ด้านบนกระดิกเล็กน้อย มันดูน่ารักเป็นอย่างมาก!

ตอนนี้ต้นไม้แห่งชีวิตไม่ได้จำกัดการพัฒนาพลังดวงดาวของผู้คนที่นี่อีกต่อไป ขณะที่ถั่วชมพูเองก็ได้รับการเลื่อนขั้นมาถึงระดับสิบสองดาวแล้ว และมีความก้าวหน้าอย่างมาก เดิมทีมันอยากจะโอ้อวดต่อหน้าสวี่หลิงอวิ๋น แต่ให้ตายเถอะ คนพวกนั้นเลื่อนขั้นไปถึงสิบห้าดาวแล้ว!

มันจึงนั่งยอง ๆ ลงอย่างเชื่อฟัง!

เสี่ยวอ้ายที่กำลังมีความสุขกับการฟื้นคืนชีพของเสี่ยวอวี๋ มันมองดูถั่วชมพูและทักทายอย่างเป็นมิตร ขณะที่อีกฝ่ายรู้สึกได้ถึงความโปรดปรานที่ไม่เคยคิดฝัน

ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะได้สิ่งที่ต้องการมาไม่น้อย!

สวี่หลิงอวิ๋นกลับมาที่พระราชวัง เธอยังคงคิดถึงที่นี่อยู่บ้างหลังจากห่างหายกันไปนาน!

ไม่ว่าข้างนอกจะยุ่งยากสักแค่ไหน แต่กับข้าวที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่ากับกินในบ้าน!

โอคาซีกลับไปที่กองทัพของเขา มีบางอย่างที่เขาจะต้องอธิบายตลอดช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และบางทีพวกเขาอาจจะต้องออกไปอีกครั้ง!

เอเลี่ยนถั่วชมพูกับนากาจ้องมองเนื้อย่างขนาดใหญ่ที่อยู่ในมือสวี่หลิงอวิ๋นด้วยสายตาว่างเปล่า เนื้อนี้ทำมาจากอสุรกายยักษ์ที่อยู่ข้างนอก!

อสุรกายยักษ์ถูกสวี่หลิงอวิ๋นถลกหนังและดึงเอ็นออกมา จากนั้นก็โรยเกลือ ราดน้ำผึ้งและของอย่างอื่นลงไป ทาเครื่องปรุงรสให้ทั่วทุกทิศทางก่อนจะเอาไปหมัก ใช้ตะปูขึงผิวหนังเอาไว้เพื่อให้รสชาติซึมลึกลงไป!

หลังจากหมักเสร็จแล้วก็จุดไฟย่างเนื้อ!

กลิ่นหอมฟุ้งลอยตัวอยู่เหนือพระราชวัง เนื้อชนิดนี้มีขนาดใหญ่มาก! ทุกคนสามารถมองเห็นอสุรกายยักษ์ที่ถูกย่างได้จากระยะไกลหลายกิโลเมตร!

ชาวเน็ตเริ่มแสดงความคิดเห็นอีกครั้ง

[อยู่ยากแล้ว! ต้องกลับสู่ชีวิตอันน่าสยดสยองที่ถูกอาหารขององค์หญิงสามครอบงำอีกแล้วสินะ!]

[ทั้งที่ได้กลิ่น แต่กลับกินไม่ได้ จะต้องรู้สึกแบบไหนกันแน่? เศร้าจัง!]

[ใช่สิ อย่างน้อยพวกคุณก็ได้กลิ่น แต่พวกเราไม่ได้กลิ่นเลยด้วยซ้ำ!]

[งั้นพวกคุณก็มาที่นี่สิ! ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ต้อนรับพวกคุณสักหน่อย!]

นักวิจัยช่วยกันประกอบแขนกลขนาดใหญ่ขึ้นมา มันมีหน้าที่พลิกเนื้อย่างที่อยู่บนเตาเพื่อให้อสุรกายยักษ์ส่งกลิ่นหอมยิ่งขึ้น

น้ำมันบนเตาย่างหยดลงมาบนกองไฟ จนทำให้กลุ่มควันลอยโขมงขึ้นมาอีกครั้ง กลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านข้างเริ่มรู้สึกตะกละตะกลาม!

จักรพรรดิสวี่เทียนอวี๋กับภรรยายืนมองเนื้ออสุรกายยักษ์ย่างอยู่ที่นั่น ก่อนจะเอ่ยถามลูกสาวขณะที่น้ำลายเริ่มไหลหยดย้อย “อีกนานไหมกว่าจะกินได้?”

“ท่านคิดจะกินตั้งแต่เริ่มย่างยังไม่ถึงชั่วโมงเลยหรือไง?” สวี่หลิงอวิ๋นถึงกับพูดไม่ออกเมื่อมองดูพ่อของเธอ “อย่างต่ำก็สามชั่วโมงนู่น!”

ผิวด้านนอกสุกพอดี แต่ด้านในยังดิบอยู่!

สวี่หลิงอวิ๋นตั้งใจจะไม่กินมันจนกว่าเนื้อภายในจะสุกเต็มที่ หลังจากที่คราบน้ำมันด้านนอกเกือบจะไหม้แล้ว สวี่หลิงอวิ๋นก็สั่งให้แขนกลหยิบมีดขึ้นมาตัดเนื้อชั้นนอกสุดออก แล้วจึงหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ นำใส่ไปในแผ่นแป้งและห่อกิน

อีกหนึ่งขั้นตอนการกินนั่นก็คือการหั่นออกมาและโรยผงยี่หร่า ปรุงแต่งรสชาติเล็กน้อยเพื่อกินเป็นเนื้อย่างบาร์บีคิว!

เนื้ออสุรกายยักษ์ตัวนี้อร่อยมาก! สวี่หลิงอวิ๋นถึงกับหลุดชมออกมาหลังจากกินมันเข้าไป!

เนื้ออสุรกายมีขนาดใหญ่มาก ผู้คนในพระราชวังจะกินกันหมดได้อย่างไร?

สวี่หลิงอวิ๋นคิดว่าการมีความสุขเพียงลำพังไม่เท่ากับการมีความสุขร่วมกันกับผู้คน เพียงแค่วางสิทธิลง ในที่สุดผู้คนก็แก้ไขวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ได้สำเร็จ ต้นไม้แห่งชีวิตเสี่ยวอวี๋ก็รอดชีวิตมาได้ ทำไมถึงจะไม่มีความสุขล่ะ?!

ผู้คนในเมืองหลวงเปี่ยมไปด้วยความปีติยินดี! ถึงแม้ว่าทุกคนจะได้แค่เนื้อชิ้นเล็ก แต่องค์หญิงสามก็เป็นคนย่างเนื้อชิ้นนั้นกับมือเองไม่ใช่เหรอ?

ทุกคนเคี้ยวเต็มปากเต็มคำ ปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก!

คนพวกนี้เริ่มถ่ายทอดสดให้ผู้คนที่อยู่จักรวรรดิอื่นได้เห็น จิตสำนึกยอดแย่ที่สุดไปเลย!

[บ้าฉิบ! นี่คือการกระตุ้นให้ฉันตั้งใจแน่วแน่ในการเข้าเรียนที่สถาบันการทหารของชิงเหย้าสินะ?!]

[เชี่ย! คุณคิดอะไรกันอยู่? คิดว่าตัวเองจะย่างอะไรที่สถาบันการทหารของชิงเหย้าก็ได้หรือไง?]

[เดี๋ยวก่อนนะ ใช้คำว่า ‘ย่าง’ ได้ดีมาก!]

[ใช่ คุณคิดว่าคุณสามารถกินอาหารอร่อย ๆ ขององค์หญิงสามในสถาบันเมื่อไหร่ก็ได้งั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ! พวกเราต้องเข้าร่วมกิจกรรมมากมายทุกวัน ถ้าคุณมีความสามารถนักก็เข้าไปที่ปีสองเลยสิ!]

[ใช่! ถ้าอยู่ปีสองแล้วมีความสามารถมากพอก็จะเลื่อนเป็นสิบดาวได้!]

ชาวเน็ตที่เหลือโดนพูดเสียดสีอย่างสาหัสพอสมควร! แต่ก่อนเคยคิดว่าการได้เลื่อนขั้นเป็นระดับแปดดาวก็ดีมากแล้ว แต่ตอนนี้นักเรียนชั้นปีที่สองกลับเริ่มต้นด้วยระดับสิบดาว! นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปหรือเปล่า?!

หรือเป็นเพราะพวกเขาบ่มเพาะต้นกล้าช้าไป? ทำไมถึงได้เชื่องช้าแบบนี้?

แต่ก็คงไม่เป็นไรใช่ไหม? แต่ก่อนเคยกังวลเกี่ยวกับอสุรกายร้าย แต่ตอนนี้กลับกังวลว่าตัวเองจะถูกจับไปเป็นสัตว์เลี้ยงทันทีที่วิ่งออกไปด้านนอก!

เดิมทีเคยถูกต้นกล้าทุบตีให้ฝึกซ้อมอยู่เสมอ แต่ตอนนี้การทุบตีของเหล่าต้นกล้าหายไปไหนแล้ว? ความตึงเครียดของพวกเขาได้รับการยกระดับขึ้นแล้วสินะ?!

ค่อนข้างจะนอกเรื่องไปหน่อย! สวี่หลิงอวิ๋นปรากฎกายขึ้นบนเวทีเพื่อถ่ายทอดสด และเผยให้เห็นเนื้ออสุรกายย่างที่มีขนาดใหญ่ยักษ์และสูงกว่าตึกระฟ้า จนทำให้จักรวรรดิอื่นต่างพากันอิจฉาจักรวรรดิชิงเหย้า

โดยเฉพาะชาวเน็ตที่กำลังอิจฉาตาร้อนเป็นอย่างมาก!

ฝ่าบาทเป็นคนที่ไปได้ทั้งสนามรบและห้องครัว ทักษะฝีมือไม่ได้น้อยหน้ากันเลย! ดูองค์หญิงของพวกเขาสิ หึหึ! เดิมทีพวกเขาคิดว่าองค์หญิงจะต้องสวยสง่าเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคิดผิด!

ถึงจะเป็นองค์หญิง! แต่ก็ต้องแข็งแกร่งด้วย!

ตอนนี้ทัศนคติของผู้ชายทุกคนได้เปลี่ยนแปลงไป! หญิงสาวในสถาบันทางการทหารกลายมาเป็นที่โปรดปรานอย่างไม่คาดคิด! ก็ใช่น่ะสิ! ผู้ชายสามารถจูงมือผู้หญิงพวกนี้ไปร่วมสนามรบได้นี่นา!

พวกหญิงสวยใสถึงกับช็อกไปตาม ๆ กัน!

ทำไมทิศทางถึงได้เปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้?! พวกหล่อนอุตส่าห์ดูแลตัวเองอย่างดีทุกวัน พูดจาน่ารัก เสียงดังขับขาน แต่กลับไม่ได้เป็นที่โปรดปรานของผู้ชายกะล่อนพวกนี้งั้นเหรอ?!

ทำไมรสนิยมพวกเขาถึงได้เปลี่ยนไปล่ะ?!

ทั้งที่พวกเธอทั้งน่ารักและสวยสง่า อ่อนโยนและไม่หยาบกระด้าง!

พวกสวยใสแอ๊บแบ๊วทั้งหลายสูญเสียความนิยมไปชั่วขณะ ในขณะที่ตลาดเครื่องสำอางก็โชคไม่ดีเช่นกัน อุตสาหกรรมเสื้อผ้าพลิกกระแสกลับทันที และเริ่มผลิตเครื่องแบบทหารสำหรับผู้หญิง

สวี่หลิงอวิ๋นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าการกระทำของเธอกลายเป็นแรงขับเคลื่อนทำให้ความสวยงามทั่วทั้งห้วงดวงดาวเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก!

เธอยังคงกินเนื้อย่างอยู่ที่เดิม!

จะกินอสุรกายยักษ์นี้หมดได้อย่างไร? สวี่หลิงอวิ๋นย่างเพิ่มอีกสองสามชิ้น เพื่อให้ผู้คนในเมืองหลวงนี้ได้ลิ้มลองโดยทั่วกัน

เมื่อไม่นานมานี้ ถั่วชมพูกับนากาทำหน้าที่ได้ดีมาก ประชากรจำนวนนับไม่ถ้วนในจักรวรรดิชิงเหย้าต่างให้การสนับสนุนพวกมัน โดยบอกว่าพวกมันประพฤติตัวดีในหลาย ๆ ด้าน อีกทั้งยังช่วยรับมือกับการรุกรานของเหล่าเอเลี่ยนด้วย

สวี่หลิงอวิ๋นถึงกับกลอกตามองบนใส่ถั่วชมพู เพราะสำหรับนากาแล้ว มันเป็นคนที่ยึดหลักคุณธรรม จะเอามาเปรียบเทียบกับถั่วชมพูจอมขี้เกียจไม่ได้!

“องค์หญิงสาม ถั่วชมพูไม่ดื้อเลยพ่ะย่ะค่ะ! มีครั้งหนึ่งที่หลานสาวของกระหม่อมร้องไห้ ตอนนั้นถั่วชมพูเข้ามาพอดี กระหม่อมเลยอ้อนวอนขอให้ถั่วชมพูช่วยกล่อมเด็กน้อย ต้องบอกว่าถั่วชมพูกล่อมเด็กได้ดีทีเดียวเลยพ่ะย่ะค่ะ!”