บทที่ 455 ความกังวลของถังหลี่

เมื่อทั้งสองคนเดินมาถึงทิศเหนือของเมือง พวกเขาก็พบกับผู้คนจำนวนมาก คนเหล่านั้นอิงแอบกันอยู่ใต้เพิงเล็กๆ เพื่อหลบฝน ทุกคนอยู่ในชุดที่สกปรกและเปื้อนไปด้วยโคลน

“เมื่อไหร่ฝนจะหยุดตก”

“ใช่ ไม่ไหวแล้วนะ”

“ต้องขอบคุณสกุลฟ่านไม่อย่างนั้นเราคงตายไปแล้ว”

“ได้ยินว่าราชสำนักส่งทูตมาจัดการเรื่องน้ำท่วม”

“ฑูตหรือ? ช่วงไม่กี่ปีมานี้ก็มีคนเหล่านี้มาไม่ใช่หรือ สุดท้ายเป็นอย่างไรล่ะ!”

“ใช่ พวกเขาก็ทำตัวราวกับเป็นเจ้านายให้ข้าต้องไปรับใช้”

“แต่ก็มีคนดีๆ อย่างใต้เท้าซ่ง ถ้าเขายังอยู่คงไม่เป็นเช่นนี้”

“ใช่แล้ว…ใต้เท้าซ่ง เฮ้อ! สวรรค์ช่างไม่มีตาจริงๆ”

ลมกรรโชกแรงขึ้นจนเพิงโยกไปมาทำท่าจะล้มลง

“มาช่วยกันจับเสาไว้เร็ว!”

“เราจะไม่มีแม้แต่ที่กำบังลมแล้ว!”

“เจ้าไปจับตรงนั้นไว้!”

เหล่าผู้ประสบภัยต่างรีบลุกไปจับเสาที่อยู่รอบๆ อย่างรวดเร็ว บางส่วนก็วิ่งไปจับหลังคาของเพิงไว้ ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งกระโดดออกมารีบจับเสาไว้ น้ำหนักของเสาที่มีมากเกินไปและลมที่กรรโชกแรงทำให้ตัวนางไม่สามารถที่จะยึดเอาไว้ได้ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีร่างของคนผู้หนึ่งวิ่งมาช่วยยึดเอาไว้ให้อีกแรง ฟ่านเยว่ซีถอนหายใจอย่างโล่งอกมองไปยังผู้ที่มาช่วยนางเอาไว้

“ขอบคุณ…” หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็น

“เป็นเจ้านั่นเอง..”

นางเป็นหญิงหน้าตาสวยงามแม้ได้เห็นเพียงแวบเดียวก็จดจำได้แล้ว หญิงสาวผู้นั้นคือถังหลี่ ฟ่านเย่วซีไม่คิดเลยว่าหญิงสาวที่ผอมและตัวเล็กบอบบางจะมีพละกำลังมากมายเช่นนี้

พวกนางช่วยกันจับเสาไว้ แต่ลมที่กรรโชกอย่างแรงทำให้เพิงยึดเอาไว้ไม่อยู่ ในที่สุดหลังคาที่กำบังก็ปลิวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหายไป ผู้คนที่หลบฝนแต่เดิมตอนนี้ต่างเปียกโชกไปทั้งตัว

“ดูเหมือนฝนจะตกหนักขึ้น” ฟ่านเยว่ซีขมวดคิ้วมองไปที่ผู้ประสบภัยที่กำลังยืนเบียดเสียดกัน

“แม่นางฟ่าน พวกเราทำหลังคากันใหม่ดีไหม?” ผู้ประสบภัยท่าทางแข็งแรงมีกำลังวังชาพูดขึ้น หญิงสาวพยักหน้ารับ

“เพิงนี้คงกันไว้ได้ไม่นาน ข้าต้องหาทาง…” ฟ่านเยว่ซีพูดก่อนจะเดินออกไปโดยมีถังหลี่เดินตาม

“ฮูหยินเจ้าคะ เปียกแล้ว” ชิวเยว่วิ่งไปกางร่มให้กับถังหลี่

“ไม่เป็นไร ข้าไม่กลัวฝน” หญิงสาวตอบ

ถังหลี่เดินต่อไปชิวเยว่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำที่โดนตัวของถังหลี่ ฟ่านเยว่ซีเดินไปหาพี่ชายของนาง

“พี่ชาย เราต้องการที่อยู่ใหม่ให้ผู้ประสบภัยเหล่านี้”

“สตรี เด็ก และผู้ป่วยบางคนอยู่ที่สกุลฟ่านมากกว่าสามร้อยคนแล้ว เพิ่มได้อีกเพียงแค่สองร้อยคนเท่านั้น…แต่คนที่นี้มีเกือบสองพันคน…” ฟ่านหยวนเว่ยขมวดคิ้วทำท่าคิดหนัก

“ท่านพี่หากเราไปหาครอบครัวเศรษฐีในเมืองและขอให้เขาช่วยล่ะ…”

“พวกเขาวางตัวแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับเรื่องพวกนี้ ใช่ว่าเราไม่เคยพยายาม”

“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป…” สองคนพี่น้องตกที่นั่งลำบาก ฟ่านเยว่ซีมองสายฝนที่ตกอยู่ตรงหน้า

“ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ…”

“ข้าจะลองดูอีกครั้ง” หญิงสาวตัดสินใจ

“ข้ามีทางแก้ปัญหาให้พวกท่านนะ” ทันใดนั้นเสียงหนึ่งดังขึ้นมา พวกเขาหันไปมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง

“แม่นาง…” ฟ่านเยว่ซีนึกชื่อของนางก่อนจะเอ่ยปาก

“แม่นางถัง…จะแก้ปัญหาอย่างไรหรือ? ข้าไม่เคยเห็นท่านมาก่อน ท่านมาจากมณฑลเหอกู่หรือ?”

“ข้ามาจากเมืองหลวง” ถังหลี่พูด

เมืองหลวง?

เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของนางไม่ธรรมดา จะเป็นไปได้ไหมว่านางอาจจะกลับมาเยี่ยมญาติ แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาถามไถ่ความเป็นมา

“ท่านคิดเช่นไรหรือแม่นางถัง?”

“ทางทิศตะวันออกตรงชุนเหมียนเป่ยหยวน สามารถรองรับคนได้หลายพันคน” ถังหลี่กล่าว

“ชุนเหมียนเป่ยหยวน?” ฟ่านเยว่ซีรู้สึกประหลาดใจ ที่นั่นถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าเมืองโดยมีจุดประสงค์เพื่อเอาไว้พักผ่อนหย่อนใจ สถานที่หรูหราเช่นนั้นจะเอามารองรับผู้ประสบภัยได้อย่างไร!

“เจ้าเมืองฉู่ถูกประหารโดยทูตจากราชสำนักไปแล้ว” ถังหลี่เอ่ยขึ้นมา สองพี่น้องรู้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้มาบ้างแล้ว แม้ว่าทุกคนจะมีความสุขแต่พวกเขาก็ไม่กล้าคาดหวังว่าทูตจากราชสำนักผู้นั้นจะมีจิตใจเป็นห่วงผู้ประสบภัยเหล่านี้

“ทูตจากราชสำนักอาจจะไม่อนุญาต” ฟ่านเยว่ซีพูดขึ้น

“ข้าจัดการได้”

หญิงสาวมองถังหลี่เป็นไปได้ไหมว่านางมีความเกี่ยวข้องกับท่านทูตผู้นี้?

“ใต้เท้าอู่ผู้นั้นเป็นสามีของข้าเอง” ถังหลี่กล่าว

ฟ่านเยว่ซีรู้สึกประหลาดใจมาก นางเป็นภรรยาของทูตจากราชสำนักจริงๆ หรือ? หญิงสาวมีท่าทางที่ไม่ธรรมดาทั้งๆ ที่เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูธรรมดาและเรียบง่าย

แม้ว่าร่างกายของนางจะเปียกไปด้วยฝนและเปื้อนไปด้วยดินโคลน แต่นางกลับดูมีสง่าราศรีแตกต่างจากคนทั่วไป ถังหลี่ดูไม่ถือตัวเย่อหยิ่ง แม้แต่ยามที่เข้ามาช่วยประคองเสาเอาไว้ท่าทีของนางไม่ได้เสแสร้งเลยแม้แต่น้อย ทำให้ยากที่จะเชื่อได้ว่านางเป็นภรรยาของทูตจากราชสำนักจริงๆ

“นายท่านฟ่าน คุณหนูฟ่าน…พวกท่านแค่ย้ายคนไปที่ชุนเหมียน”

“ข้าจะไปจัดการทุกอย่างก่อน พวกเจ้าแค่พาคนไปที่นั้นก็พอ”

หลังจากที่ถังหลี่พูดจบนางก็หันหลังจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งฟ่านเยว่ซีและฟ่านหยวนเว่ยมีความสุขมากที่ปัญหาได้ถูกคลี่คลายลง

“ฮูหยินผู้นี้เป็นคนใจดีจริงๆ ข้าคิดว่าทูตจากราชสำนักผู้นั้นน่าจะแตกต่างจากที่ผ่านมา” ฟ่านหยวนเว่ยพูด

“ใช่แล้ว บางทีครั้งนี้ผู้คนในเมืองเหอกู่อาจจะมีหนทางรอดก็เป็นได้”

ถังหลี่กลับไปที่ชุนเหมียนอีกครั้ง พ่อบ้านยังเป็นคนเดิม เมื่อเจ้าเมืองถูกประหารทำให้ข้ารับใช้อกสั่นขวัญหาย ถังหลี่แจ้งเจตจำนงว่าจะเปิดลานให้ผู้ประสบภัย ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่เปิดประตูรับอย่างเชื่อฟัง ไม่กล้าคัดค้านอะไร

“ที่นี่มีผู้คนเท่าไหร่?”

“เรียนฮูหยิน มีทั้งหมดห้าสิบสองคนขอรับ” พ่อบ้านกล่าว

“เอาล่ะ เมื่อผู้ประสบภัยเข้ามาพวกเจ้าทำตามคำสั่งของนายท่านฟ่านและแม่นางฟ่านด้วย ช่วยพวกเขาจัดแจงเรื่องที่อยู่เตรียมอาหารและเสื้อผ้าให้แก่พวกเขา” ถังหลี่พูดก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมเย็นชา

“หากไม่เชื่อฟังข้าจะทำโทษพวกเจ้า” แม้ถังหลี่จะดูเป็นคนอ่อนโยน แต่เมื่อนางมีใบหน้าเคร่งขรึมเช่นนี้ ทำให้ดูน่าเกรงขามจนทำให้บ่าวรับใช้พากันก้มหัวคุกเข่า

“ขอรับ/เจ้าค่ะ”

ถังหลี่โล่งอก นางหันหน้าไปมองจวนที่หรูหราแล้วถอนหายใจ มีทั้งสุราและเนื้อสุขสำราญแต่ผู้คนข้างถนนกำลังจะอดตาย

“ฮูหยินเจ้าค่ะท่านเปียกไปทั้งตัวแล้ว ไปอาบน้ำก่อนดีไหมเจ้าคะ” ชิวเยว่พูดขึ้น นางติดตามถังหลี่มาตลอดทางจนได้รู้ว่าหญิงสาวผู้นี้มีความห่วงใยผู้คนเป็นอย่างมาก

นางเป็นคนดีขนาดนี้ได้อย่างไร?

คนดีเช่นนี้ก็ต้องปฏิบัติกับนางเป็นอย่างดี ชิวเย่วจึงอดเป็นห่วงสุขภาพของถังหลี่ไม่ได้

นางพยักหน้า จากนั้นจึงกลับไปที่ศาลาว่าการ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วข้างนอกก็มืดลง ถังหลี่เรียกเจ้าหน้าที่เข้ามาไต่ถาม

“ใต้เท้าอู่และใต้เท้าสวี่ยังไม่กลับมาหรือ?”

“ยังขอรับ วันนี้ฝนตกหนักทำให้หมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งถูกน้ำท่วม” เจ้าหน้าที่ตอบ

น้ำท่วม?

ดึกมากแล้ว…จะมีอะไรเกิดขึ้นกับสามีนางหรือไม่?

หัวใจของถังหลี่หวั่นไหว