บทที่ 548 ฉู่เหิน วิปลาสคนที่ 10 !

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 548 ฉู่เหิน วิปลาสคนที่ 10 !

บทที่ 548 ฉู่เหิน วิปลาสคนที่ 10 !

ด่านเคราะห์อัสนีดำเนินไปเช่นนั้นทั้งวัน ทำให้ชายชราผมขาวแสดงออกอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ที่ว่าตนนั้นต้องมาตายแบบนี้ !

ด้วยพลังวรยุทธ์ที่มีสูงมาก เขาจึงสามารถต้านทานมาได้นานขนาดนี้ แต่ใช่ว่าคนเราจะไม่มีขีดจำกัด ! การที่ทั้งวันต้องมานั่งทนการโจมตีของสายฟ้าอย่างต่อเนื่อง มันก็ทำให้ตันเถียนของชายชราว่างเปล่าในท้ายที่สุด และนั่น มันก็เท่ากับ…ความตาย !

ส่วนที่ฉู่เหินสามารถทนทานได้อย่างต่อเนื่อง นั่นก็เพราะว่าอัสนีพวกนี้นั้นเป็นดั่งของบำรุงสำหรับเขา ! มันไม่เพียงเพิ่มพูนพลังกายของตัวเอง แต่ยังสามารถเพิ่มพลังวรยุทธ์ได้ด้วย ! ดังนั้นยิ่งชายหนุ่มโดนสายฟ้าฟาดเข้าใส่มากเท่าไร ก็จะยิ่งดีต่อเขามากเท่านั้น !!!!

และด้วยดวงตาที่เปล่งแสงจากสายฟ้าของเขา มันก็ทำให้คนด้านนอกหวาดกลัว พากันนึกคิดว่าชายหนุ่มนั้นกำลังมีความสุขที่ได้สังหารคนอยู่ !

หลังจากที่พรรคหมื่นพิษถูกทำลายจนหมดสิ้นแล้ว ด่านเคราะห์อัสนีก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดแม้แต่น้อย จนตอนนี้ฉู่เหินเริ่มรู้สึกเซ็งแล้ว เพราะว่าสายฟ้าพวกนี้ไม่ได้ผลเท่าเก่า มันไม่อาจเพิ่มพลังให้เขากับเข้าไปมากกว่านี้ได้แล้ว ! ถึงได้แค่เพียงขั้นครึ่งจอมปราชญ์เท่านั้น !!!

สำหรับเรื่องพลังกายของฉู่เหินที่พัฒนาขึ้นจากการโดนด่านเคราะห์อัสนีนั้น ตอนนี้ก็ถึงขั้นครึ่งจอมปราชญ์ระดับกลางแล้ว ! และแม้ว่าจะอยู่ที่ขั้นครึ่งจอมปราชญ์ระดับกลางคอขวด แต่มันกลับไม่มีท่าทีว่าจะเลื่อนขึ้นเลย ส่วนพลังวรยุทธ์เองก็เลื่อนมาเป็นขั้นครึ่งจอมปราชญ์ระดับต้นคอขวดแล้ว

ทว่าอย่าคิดว่ามันเพิ่มไม่เยอะ เพราะแท้จริงแล้วสำหรับคนที่เป็นขั้นครึ่งจอมปราชญ์ การได้มีพลังเพิ่มขึ้นมาเยอะขนาดนี้ก็ถือว่าสวรรค์เห็นใจมากแล้ว !

ต้องเข้าใจว่าหลังจากเลื่อนขั้นมาถึงขั้นนี้ หากอยากจะเลื่อนอีกสักขั้น คนส่วนมากต้องใช้เวลานานหลายปีถึงจะสามารถทำได้ ! กระทั่งคนที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง ก็ยังต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไปเช่นเดียวกัน แต่เขาที่เพิ่งจะเลื่อนขั้นนี้ กลับใช้เวลาไม่ถึง 2 วันก็ก้าวหน้าขนาดนี้ มันก็นับว่ารวดเร็วมากแล้ว !

สายตามองด่านเคราะห์อัสนีที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ฉู่เหินก็อดที่จะขมวดคิ้วแน่นไม่ได้ ! ถ้าเขายังปล่อยให้มันผ่าแบบนี้ต่อไป ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานกี่วันกี่เดือนถึงจะหยุด ! หรือว่าตัวเองจะไม่สามารถใช้ชีวิตได้แบบปกติได้แล้วกัน ?

และในระหว่างตอนที่ชายหนุ่มกำลังคิดหาวิธีนั่นเอง เขาก็เห็นเจ้าหมาป่าที่ขี่อยู่คำรามออกมา

หลังจากได้ยินหมาป่านี้คำราม ดวงตาของฉู่เหินก็เปล่งแสง เพราะหมาป่าตัวนี้พูดว่า ให้เขานั้นทำตามที่มันบอกแล้วจะสามารถสลายด่านเคราะห์อัสนีนี้ได้ !

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มก็พลันกรอกตาไปมา ก่อนจะมีความคิดอย่างหนึ่งว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าที่ด่านเคราะห์อัสนีนี้ไม่จบไม่สิ้นเสียที่ เป็นเพราะเจ้าหมาป่าตัวนี้ !

“หรือว่าสวรรค์กำลังกลั่นแกล้งฉันอยู่กันแน่ เฮอะ ! ถ้าแล้วงั้นฉันคนนี้ก็จะกลืนกินอัสนีพวกนี้เสียให้หมดไปเลย !” สิ้นเสียง ก็เห็นเจ้าหมาป่าคำรามขึ้นฟ้า ก่อนจะเห็นอัสนีที่มืดท้องมัวดินเริ่มที่จะหายไปอย่างช้า ๆ !

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนมองด้วยความตกใจ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉู่เหินจะเทพแบบนี้ ! เพียงเสียงคำรามเดียวก็ทำให้ด่านเคราะห์อัสนีถอยไปได้แล้ว !

เมื่อสายฟ้าพวกนั้นจางหายไป มันก็ค่อย ๆ เผยให้เห็นบ่อน้ำแห่งหนึ่ง นี่คือบ่อน้ำอัสนีที่เป็นต้นกำเนิดพลังของด่านเคราะห์อัสนีนั่นเอง ! และสายฟ้าที่ปล่อยมาทั้งหมดนั้น มันก็มาจากบ่อน้ำอัสนีนี้ทั้งสิ้น !

หลังจากเห็นบ่อน้ำอัสนี ดวงตาของฉู่เหินก็เปล่งแสง เขาคิดว่าถ้าตนนั้นดึงบ่อน้ำนี้อัสนีนี้ลงมาได้ละก็ ไม่ใช่ว่าเมื่อไรที่ตัวเองต้องการด่านเคราะห์อัสนี ก็ทำได้ตลอดเวลาหรอกหรือ !

เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็ทำการเคลื่อนไหวทันที เขากระโดดหนึ่งครั้ง เพื่อปลีกตัวจากหมาป่าลอยขึ้นไปยังบ่อน้ำอัสนี !

ตอนแรกเจ้าหมาป่ามองฉากนี้อย่างงุนงง แต่ไม่นานมันก็เข้าใจความคิดของฉู่เหิน ! ดังนั้นมันเองจึงได้เหาะตามชายหนุ่มไปด้วยอีกตัว !

1 คน 1 สัตว์มีความเร็วที่ว่องไวมาก ถึงกับทำให้ผู้คนที่ไม่ได้เห็นสิ่งที่ฉู่เหินทำก่อนหน้ามองตามได้ทัน ! แน่นอนว่าที่สำคัญคือผู้คนไม่ได้พุ่งความสนใจมาที่พวกเขา 2 คนด้วยแล้วนั่นเอง

เพียงพริบตาเดียวชายหนุ่มก็มาถึงด้านหน้าบ่อน้ำอัสนี ดังนั้นแล้วเขาจึงเริ่มทำการเก็บบ่อน้ำอัสนีในทันที !

ฉากนี้ทำให้ผู้คนที่รอดูเรื่องสนุกพากันอ้าปากค้างอย่างตะลึง นัยน์ตามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ พวกเขารู้สึกว่านี้เป็นการกระทำที่บ้าบิ่นมากไปแล้ว ถึงกับกล้าเก็บบ่อน้ำอัสนีมาเลยแบบนี้ ไม่ต้องการมีชีวิตแล้วใช่ไหม !!!!

“เจ้าวิปลาสที่ 10 นั้น !”(รวมอาจารย์ด้วยเลยเป็นคนที่ 10) ในความคิดของทุก ๆ คนเจ้าหมอนี้เหมาะกับคำว่าวิปลาสมาก ! ทั้งยังอาจจะบ้ายิ่งว่าศิษย์พี่ทั้ง 8 และอาจารย์ของตัวเองด้วยซ้ำ

ทางด้านจูเก๋อโยวหมิงเอง ตอนนี้ใบหน้าของเขาก็กำลังกระตุกอย่างแรงในแบบที่ควบคุมไม่ได้ ! เขาคิดว่าตนนั้นบ้าบิ่นมากแล้ว แต่เมื่อเทียบกับลูกศิษย์ตัวเอง เขาก็กลายเป็นเด็กน้อยไปเลย !!!

ใช้สองมือคว้าอัสนีดึงมาในอ้อมแขนตัวเอง ! ตอนนี้คล้ายว่าด่านเคราะห์อัสนีจะเกิดการกระวนกระวายขึ้นมาบ้างแล้ว อีกทั้งยังดูเหมือนจะโกรธและหวาดกลัวอีกด้วย ! เพราะตั้งแต่อดีตมา พวกมันนั้นเคยแต่ลงโทษคนอื่น และไม่มีใครกล้าประเมินพวกมันต่ำแบบนี้ ! อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกมันก็ได้มาพบคนไม่กลัวตายคนหนึ่งเข้าให้แล้ว ที่กล้าถึงขนาดไม่กลัวว่าจะถูกผ่าขาด 2 ท่อน และคิดว่าพวกมันนั้นเป็นเพียงแค่ของวิเศษ !

สายฟ้านับไม่ถ้วนเข้ามาทักทายฉู่เหินอย่างต่อเนื่อง หากแต่นั่นกลับทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเบาสบายเป็นอย่างมาก ไม่ได้เจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย !

เพียงเท่านี้พวกมันก็เข้าใจแล้วว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น สายฟ้าของพวกมันไม่สามารถทำอะไรชายหนุ่มคนนี้ได้เลย ! อีกทั้งการที่ฉู่เหินทำท่าจะมาดึงบ่อน้ำอัสนีไปแบบนี้ มันก็ทำให้พวกมันรู้ได้ในทันทีว่าถ้าไม่สู้จนตัวตายละก็ เกรงว่าคงหนีไม่รอดแล้ว !!!

ต้องเข้าใจว่าหลังจากที่ด่านเคราะห์อัสนีหยุดลง พวกมันก็เตรียมจะกลับไปที่ที่ของตัวเอง ! เพราะถ้ากลับไปช้าละก็ ทั้งชีวิตนี้ของพวกมันก็คงจะไม่ได้กลับไปอีกแล้ว ดังนั้นจึงเห็นเพียงบ่อน้ำอัสนีที่จู่ ๆ ก็เกิดเสียงแตกหัก และเหลือบ่อน้ำอัสนีทิ้งไว้ให้ฉู่เหิน 1 ใน 3 ส่วน ก่อนที่ส่วนที่เหลือจะหนีไปอย่างตื่นตระหนก !

ฉู่เหินมองบ่อน้ำอัสนีในมืออย่างมึนงง และพูดกับอีกครึ่งหนึ่งที่หนีไปว่า “ฉันว่าพวกนายอย่าหนีเลย ตรงนี้ยังมีพี่น้องของพวกนายส่วนหนึ่งนะ พวกนายเลือดเย็นไปแล้ว แม้แต่เลือดเนื้อของตัวเองยังไม่สนใจ !” เสียงที่ถูกปล่อยออกไป ทำให้บ่อน้ำอัสนีที่กำลังหนีอยู่นั้น เพิ่มความเร็วขึ้นอีกหลายเท่า ?!

หลังจากบ่อน้ำทั้งหมดหายไปลับสายตา อีกครึ่งหนึ่งของบ่อน้ำก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ ก่อนที่สุดท้ายจะกลายเป็นบ่อน้ำอัสนีบ่อหนึ่ง เพียงแต่เล็กกว่าเดิมมาก !

เมื่อเห็นขนาดที่เล็กลง ชายหนุ่มก็พลันคิดจะทดลองอะไรบางอย่าง ว่าแล้วเขาก็นำบ่อน้ำอัสนีเล็ก ๆ นั่น ไปไว้ในพลังจิตสังหารของตัวเอง เพราะเดาว่าด้วยวิธีนี้ มันจะทำให้พลังจิตสังหารของเขามีพลังเพิ่มขึ้นหลายเท่าอย่างแน่นอน !

หลังจากที่บ่อน้ำอัสนี้เขาไปถึงพลังจิตสังหาร พลังหยินของจิตสังหารในตอนนี้ก็พากันแสดงการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ! โดยเฉพาะดวงวิญญาณของภูตผีปีศาจพวกนั้น พวกมันดูจะเป็นงานเป็นการอย่างมาก ราวกับได้เจอเข้ากับพระอาจารย์คนหนึ่ง !

และการเปลี่ยนแปลงที่ตามมาหลังจากนั้น มันก็ทำให้ฉู่เหินอดที่จะตกใจไม่ได้ เพราะเขานั้นไม่รู้ว่ามันนับเป็นข้อดีหรือเสียกันแน่ !

อีกทั้งที่ทำให้เขารู้สึกจนปัญญาที่สุดก็คือ เมื่อบ่อน้ำอัสนีเข้าไปในพลังจิตสังหาร มันก็ได้หลอมรวมกับร่างกายตนเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นแม้ว่าอยากจะจับแยกมากแค่ไหน มันก็คงเป็นไปไม่ได้อีก !

และในตอนที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เจ้าหมาป่าก็พลันหดตัวเล็กลงจนเหลือขนาดเท่าก่อนหน้านี้ ทำให้ฉู่เหินตัดสินใจที่จะลงไปยังพื้น

สายตาของผู้อาวุโสพรรควายุอัสนีในตอนที่มองชายหนุ่มนั้น มันเหมือนกับพวกเขากำลังมองสัตว์ประหลาดดึกดำบรรพ์ยังไงยังงั้น

เมื่อฉู่เหินลงมายังพื้นเบื้องล่าง พวกเขาทุกคนก็พากันพูดอะไรไม่ออกไปพักใหญ่ ! กระทั่งผ่านไปนานค่อนวันถึงค่อยมีลูกศิษย์คนหนึ่งพูดออกมา 3 คำว่า “วิปลาส !”

“วิปลาสที่ 10 ชื่อนี้ไม่มีใครค้านนายแน่ ! ที่จริงฉันรู้สึกมาตลอด ว่าพวกเราศิษย์อาจารย์นั้น นายควรจะเป็นวิปลาสที่ 1 มากกว่า เรื่องของความบ้าบิ่นนั้นก็เคยเห็นมามากแล้ว แต่ไม่เคยให้ใครที่บ้าบิ่นเท่านายมาก่อนเลย !” พูดจบจูเก๋อโยวหมิงก็พลันยกนิ้วให้ชายหนุ่ม

ฉู่เหินที่ได้ยินแบบนั้นก็อดขำไม่ได้ ทำทีเป็นเกาหัวอย่างน่ารักทว่าดูเสแสร้งสิ้นดีแล้วพูดว่า “เป็นคนของบ้านวายุทั้งที ดังนั้นแล้วถ้าไม่ได้ตำแหน่งวิปลาสสักตำแหน่ง งั้นคน ๆ นั้นก็ไม่คู่ควรอยู่บ้านวายุต่อไป !” เมื่อจบประโยค ทุกคนในที่นั่นก็พลันหมดคำจะพูดในทันที !!!!