บทที่ 549 ท้าสู้อีกแล้ว

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 549 ท้าสู้อีกแล้ว

บทที่ 549 ท้าสู้อีกแล้ว

ข่าวเรื่องด่านเคราะห์อัสนีค่อย ๆ หายไปราวกับสายน้ำไหล ! ส่วนบ้านแดนร้างที่ถูกทำลายจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับความยุติธรรม ! ไม่มีบทสรุปที่แน่ชัด หากแต่ในใจของทุกคนยังจดจำได้ถึงฉายาของฉู่เหิน !

สำหรับเรื่องของพรรคหมื่นพิษ ที่สลายหายไปพร้อมกับด่านเคราะห์อัสนีนั้นก็มืดแปดด้านเช่นกัน คนของพรรคหมื่นพิษที่พบว่าพรรคตัวเองถูกทำลายไป ต่างก็หาร่องรอยไม่เจอเลยแม้แต่นิดเดียว ! บวกกับพรรควายุอัสนีได้สั่งให้ทุกคนปิดปาก เรื่องด่านเคราะห์อัสนีของฉู่เหินเอาไว้ ห้ามเอาไปบอกใคร ดังนั้นพรรคหมื่นพิษคิดจะหาตัวก่อเรื่องก็ยากเสียยิ่งกว่ายาก !

และหลังจากชายหนุ่มกลับมาที่พรรค เขาก็กักตัวเข้าฌานทันที

เดิมทีผู้คุมของพรรควายุอัสนีมีความคิดจะดึงตัวฉู่เหินให้มาเป็นพวก แต่เมื่อได้ยินเรื่องความบ้าบิ่นเข้าไป ชายชราก็พลันทิ้งความคิดนี้ไปทันที เขาคิดว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นเหมือนเผือกร้อนในมือ ถ้าอยู่ในมือ อนาคตเขาคงหาวันที่สงบสุขไม่ได้แน่แล้ว !

แน่นอนว่าพอฉู่เหินได้ฉายาเจ้าวิปลาสที่ 10 หัวหน้าพรรควายุอัสนีก็จัดให้อีกฝ่ายไปรวมกับพวกคนกลุ่มน้อยนั่นทันที เพราะหากต้องการดึงให้เขาออกมาก็คล้ายจะเป็นไปไม่ได้เลย และต่อให้ไปพบฉู่เหินก็คงไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้อยู่ดี

เมื่อเป็นแบบนี้ชายหนุ่มก็ได้มีเวลาเงียบสงบจริง ๆ เสียที ส่วนแต้มผลงานที่ได้มา เขาก็จัดแจงมอบให้แก่บ้านวายุหมดแล้ว ทำให้จากเดิมทีที่ไม่กี่ปีมานี้แต้มผลงานของบ้านวายุเท่ากับ 0 มาตอนนี้ก็ได้เพิ่มแบบก้าวกระโดด ! ต่อจากนี้ไปการจะให้ของรางวัลแก่ลูกศิษย์ในบ้านก็ได้กลายเป็นเรื่องที่เป็นไปได้แล้ว ทำให้สถานการณ์ของบ้านวายุพลิกกลับขึ้นมา !

สำหรับฉู่เหิน เขานั้นไม่จำเป็นต้องใช้แต้มผลงานนั้นเลย ! เพราะตอนนี้ในมือของเขาก็มีเกราะกระดองเต่า และพลังวิชาต่าง ๆ อยู่แล้ว ดังนั้นจำนวนแต้มพวกนั้นจึงไม่ได้จำเป็นต่อตัวเองนัก ให้ไปอยู่ในมือของศิษย์น้องคนอื่น ๆ ยังจะมีประโยชน์กว่า !

วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเหล่า จนกระทั่ง 3 เดือนผ่านไปจากเหตุการณ์ด่านเคราะห์สวรรค์ของฉู่เหิน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นมันก็ได้สร้างความอับอายให้แก่ตระกูลหลิวเป็นอย่างมาก เป็นเพราะตอนนั้นมีด่านเคราะห์อัสนีอยู่เหนือหัว ทำให้พวกอัจฉริยะเหล่านั้น แม้ว่าจะอยากออกไปสู้แต่ก็ไม่มีความกล้าพอ ! ได้แต่อดทนรอด้วยความจนปัญญา !!!

ตอนนี้เรื่องก็ผ่านมา 3 เดือนแล้ว หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็เป็นดั่งหนามแหลมตำใจ ! ดังนั้นเมื่อแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีสายฟ้าพวกนั้นกลับมาอีก พวกเขาจึงกลับมาท้าสู้อีกครั้ง เพียงแต่การท้าสู้ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อน เพราะครั้งนี้พวกเขาต้องการปะทะแบบชีวิตแลกชีวิตเลย !

ตอนที่จดหมายท้าสู้วางไว้ด้านหน้าฉู่เหิน ริมฝีปากบางของเขาก็อดที่จะยิ้มเย็นไม่ได้ ! เพราะชายหนุ่มรู้สึกว่าพวกคนตระกูลหลิวช่างหน้าไม่อาย ได้รับบทเรียนหลายครั้งขนาดนั้นก็ยังไม่รู้จักสำนึก คนแบบนี้ต่อให้ทุบตีพวกเขา พวกเขาก็คล้ายจะไม่จดจำแม้แต่น้อย !

แต่จะให้ฉู่เหินตอบกลับแบบง่าย ๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้ ! ตอนนี้เขาถือว่าเป็นคนที่มีฐานะอยู่พอตัว เป็นเพราะหลังจากรับด่านเคราะห์อัสนีมาแล้ว จูเก๋อโยวหมิงก็ประกาศฉายาใหม่ให้ จากวันนี้เป็นต้นไปให้ชายหนุ่มเป็นจอมวิปลาส ส่วนศิษย์พี่คนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนเป็นวิปลาสที่ 1 ที่ 2 ไล่ไปเรื่อย ๆ!

ดังนั้นฐานะของฉู่เหินก็เหมือนยกระดับขึ้นหนึ่งขั้น จากวิปลาสที่ 10 เปลี่ยนเป็นจอมวิปลาส !

และเมื่อหนึ่งเดือนก่อนนี่เอง ชายหนุ่มก็ได้พาทุกคนเดินทางไปด้วยกันยังที่แห่งหนึ่ง ! มันเป็นเกาะที่เต็มไปด้วยโจรชั่วมากมาย ซึ่งเมื่อนับรวม ๆ แล้วก็น่ากลัวว่าจะมีมากถึง 1 หมื่นคน หากแต่คนพวกนั้นกลับไม่รอด ถูกเหล่าวิปลาสสังหารไม่เหลือสักคนเดียว !

ผลลัพธ์ครั้งนั้นทำให้ฉายาจอมวิปลาสโด่งดังไปทั่ว ! ด้านฉู่ตงและหลิวฮุ่ย แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศิษย์ของบ้านวายุที่เข้ามาพร้อมกัน แต่ฐานะของพวกเขากับฉู่เหินนั้นไม่เหมือนกันเลย ! เพราะฉู่ตงและหลิวฮุ่ยนั้นดื้อรั้นเกินไป !

เพื่อที่จะเป็นคนที่มีความสามารถในพรรควายุอัสนี ใครก็อยากที่จะได้รับการสืบทอด และทั้งสองก็อยู่ที่นี่มานาน 3 เดือนแล้ว ! แต่ด้วยความดื้อรั้นที่มี มันก็ทำให้คนอื่น ๆ คิดไปต่าง ๆ นา ๆ ! อีกทั้งตอนที่พวกเขาถูกยั่วยุจากตระกูลหลิวคนหนึ่ง ทั้งสองก็ได้เข้าต่อยอีกฝ่ายจนช้ำเลือดช้ำหนองโดยไม่แม้แต่จะคิด !

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองนั้นเป็นผู้ที่ให้ความช่วยเหลือศิษย์คนอื่น ๆ อยู่เสมอ ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับการนับถือในระดับหนึ่ง ส่วนคนที่ท้าสู้กับพวกเขานั้น ก็มักที่จะจบลงที่การโดนต่อยหน้าช้ำกลับไปทุกราย ! และเหตุผลก็เพราะไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พวกเขานั้นได้รับวิชาบางอย่างมา ทำให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น !

ในตอนที่ไปท้าสู้กับตระกูลหลิว พวกเขาก็ได้ซ้อมคนพวกนั้นจนปางตาย และก็เป็นตอนนั้นเอง ที่ทุกคนรู้ว่าสองคนนี้ก็โหดเหี้ยมสมกับเป็นคนของบ้านวายุ ! แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็ไม่ได้ถูกเรียกว่าจอมวิปลาส หากแต่เป็นเจ้าโง่ !

เมื่อเป็นแบบนี้บ้านวายุจึงปรากฏ 1 จอมวิปลาส 2 เจ้าโง่ขึ้นมา !

ในช่วงตลอด 3 เดือนที่ผ่านมานั้น ฉู่เหินได้เข้าฌานอย่างราบรื่น ส่วนพลังวรยุทธของฉู่ตงก็เลื่อนขึ้นมาที่ขั้นครึ่งจอมปราชญ์แล้ว ไม่ต้องถามก็รู้เลยว่าเป็นเพราะความช่วยเหลือของอาจารย์ และเพื่อให้ทั้งสองเลื่อนขั้นพลังวรยุทธ จูเก๋อโยวหมิงก็ต้องสิ้นเปลืองแรงใจไปไม่น้อยเลย !

ตอนนี้ฉู่เหินที่เพิ่งออกมาจากฌาน ก็มีจดหมายท้าสู้มาอยู่ในมือเสียแล้ว เขาจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเย็นออกมา ! แน่นอนว่าเขารู้ว่าหลิวอู่เหมิงที่ส่งจดหมายมาเป็นใคร เขาก็คือพี่ชายของหลิวอู่ชวง ! ครั้งก่อนที่ตัวเองรับด่านเคราะห์อัสนีก็จงใจไปหาคนคนนี้ หากแต่ตอนนั้นอีกฝ่ายกลับไม่กล้ารับคำท้า คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะโผล่หัวออกมาแบบนี้ !

ทว่าเขานั้นไม่ยินยอมที่จะต่อสู้กับอีกฝ่ายง่าย ๆ แบบนี้หรอก ชายหนุ่มคิดบางอย่าง ก่อนจะจึงทำการเรียกศิษย์ธรรมดา ๆ ของบ้านวายุมาคนหนึ่ง ให้นำจดหมายของเขาไปส่งที่ตระกูลหลิว !

ตอนนี้บ้านวายุเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และด้วยชื่อเสียงของฉู่เหินกับศิษย์อาจารย์คนอื่น ๆ มันก็ทำให้ไม่ว่าที่ไหนในพรรคต่างก็ต้องเคยได้ยินชื่อเสียงพวกเขา ดังนั้นเวลาลูกศิษย์คนอื่น ๆ ในบ้านไปเดินข้างนอก พวกเขาก็มักจะเดินชูคอเชิดอกกันเต็มที่ เพราะพวกเขานั้นคิดว่าการที่ตัวเองได้เป็นลูกศิษย์บ้านวายุช่างเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจเสียจริง !

คนผู้นั้นที่ทำหน้าที่ถือจดหมายของฉู่เหินวิ่งตรงไปบ้านตระกูลหลิวอย่างไม่รอช้า ! และไม่นานนักเขาก็มาถึงบ้านของตระกูลแล้วส่งจดหมายฉบับนี้ให้ไป ! อีกทั้งยังยืนตะโกนเสียงดังอยู่หน้าประตูด้วยว่า “คิดจะท้าประลองกับศิษย์พี่ 9 ของพวกเรา ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่ศิษย์พี่ 9 ของพวกเราฝากมาบอกว่า พวกนายสู้ไปก็แพ้ ดังนั้นจึงไม่คู่ควรที่เขาจะลดตัวลงมาสู้ด้วย ทว่าเขาก็ได้ให้โอกาสกับพวกแกอย่างหนึ่ง ถ้าคิดจะท้าสู้ งั้นก็ต้องจ่ายแต้มผลงานมาก่อนร้อยล้านแต้ม !”

ข้อความที่ถูกบอกมานั้นทำให้ตระกูลหลิวตกตะลึงไปแล้ว พวกเขาไม่คิดเลยว่าฉู่เหินจะบ้าบิ่นแบบนี้ ! ต้องเข้าใจว่าตั้งแต่พรรควายุอัสนีได้ก่อตั้งขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ทุก ๆ วันจะมีการประลองอยู่แล้ว ทว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าถ้าจะประลองต้องจ่ายแต้มผลงานก่อนแบบนี้ ! ด้วยความแปลกประหลาดนี้ มันก็ทำให้พรรควายุอัสนีคนอื่น ๆ ตาลุกวาวอย่างสนใจขึ้นมา !

อย่างไรก็ตาม ที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ แต้มผลงานนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ฉู่เหินหยิบยกมา เพราะอีกเงื่อนไขก็คือฝ่ายที่แพ้จะต้องมอบของบรรณาการให้แก่ฝ่ายที่ชนะด้วย !

ทว่าการต่อสู้กันแบบแลกชีวิตเช่นนี้ ไม่เคยมีมาก่อนในพรรค….

แต่ทว่าก็เพราะแบบนี้ที่ทำให้คนอื่น ๆ ยิ่งมั่นใจในฐานะจอมวิปลาสของฉู่เหินยิ่งขึ้น หากมันไม่บ้าจริงจะคิดเรื่องอย่างนี้ได้หรือ !

ที่จริง หลังจากชายหนุ่มตั้งข้อกำหนดนี้ขึ้นมา มันก็ทำให้หลิวอู่เหมิงคนนั้นเริ่มรู้สึกลังเลนิด ๆ แล้ว ! ไม่ใช่ว่าหลิวอู่เหมิงไม่รู้ว่าฉู่เหินนั้นแข็งแกร่ง เพราะเขานั้นเชื่อว่าความสามารถของตัวเองไม่น้อยหน้าเหมือนกัน !

เพียงแต่เรื่องที่ฉู่เหินไม่กลัวสายฟ้านั้น เขาไม่อาจทำได้ อีกทั้งเขายังรู้มาว่าชายหนุ่มนั้นได้รับบ่อน้ำอัสนีมาด้วยส่วนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงกลัวว่าถ้าพวกเขาสู้กันจริง ๆ อีกฝ่ายจะใช้บ่อน้ำอัสนีนั่นมาเป็นลูกเล่นอะไรหรือไม่ !

ดังนั้นพอได้ยินข้อกำหนดแบบนี้ หลิวอู่เหมิงก็พลันตกอยู่ในความเงียบ ! ทว่าเขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าฉู่เหินคิดจะทำอะไรอยู่

เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นของหลิวอู่เหมิง ชายคนนั้นที่มาส่งจดหมายจึงพูดบอกไปว่า หลิวอู่เหมิงนั้นสามารถหาผู้ช่วยได้ 1 คน ให้มาสู้พร้อม ๆ กันไปเลย ! แต่ทว่าผู้ช่วยนั้นต้องไม่มีพลังวรยุทธ์ที่มากกว่าหลิวอู่เหมิง !

หลังคำพูดแบบนี้ปล่อยออกมา ! ทุกคนก็พากันคิดว่าฉู่เหินนั้นทะนงตนเกินไปหน่อยแล้ว ต้องเข้าใจว่าแม้ว่าคุณจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถสู้กับศัตรูได้ทีเดียวสองคนนะ !

พอหลิวอู่เหมิงได้ยินกฎข้อนี้เขาก็โกรธมาก เพราะนี้ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายกำลังดูถูกตัวเองอยู่เหรอ ! แต่ในเมื่อฉู่เหินหาที่ตาย งั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจอีกต่อไปแล้ว !!!