บทที่ 550 พวกแกเก่งกว่าสุนัก !

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 550 พวกแกเก่งกว่าสุนัก !

บทที่ 550 พวกแกเก่งกว่าสุนัก !

เมื่อเห็นผู้ช่วยที่หลิวอู่เหมิงเลือก มันก็ทำให้ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก เพราะคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือลุงของหลิวอู่เหมิง ที่ชื่อว่าหลิงเทียนฉี่นั่นเอง เดิมทีคนคนนี้เป็นขั้นเทพดาราไปแล้ว แต่เพื่อทำลายฉู่เหิน คนคนนี้ก็ถึงกับกล้าที่จะโหดเหี้ยมกับตัวเอง เขายอมลงทุนทำลายพลังวรยุทธ์ของตัวเอง ทำให้ตอนนี้พลังวรยุทธ์ของเขาตกมาอยู่ที่ขั้นครึ่งจอมปราชญ์ระดับสูงสุด !

ทำให้ตอนนี้พลังวรยุทธ์ของเขาเท่ากับหลิวอู่เหมิงแล้ว และข้อกำหนดของฉู่เหินก็ไม่มีในเรื่องของอายุ มีเพียงแค่ขั้นพลังวรยุทธ์เท่านั้น ดังนั้นเมื่อหลิวเทียนฉี่เข้าร่วมการประลอง คนอื่นจึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ! แต่พอคนที่บ้านวายุได้ยินเรื่องนี้ก็ของขึ้น เตรียมจะเข้ามาหาเรื่องตระกูลหลิว !

ชายหนุ่มเมื่อเห็นฉากนี้ เขาก็เข้าไปขวางทุกคนเอาไว้ก่อน ! อีกทั้งยังบอกพี่น้องในบ้านว่าไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าไม่ทำให้ตระกูลหลิวเจ็บปวดเสียบ้าง พวกเขาคงไม่หยุด แน่นอนว่าถ้าคนพวกนี้ไม่รู้จักหลาบจำ ก็จะมีครั้งที่ 2 ที่ 3 และเมื่อสุดท้ายพวกเขาท้าสู้จนไม่เหลือใครที่สู้ได้แล้ว พวกเขาถึงจะทำตัวดี ๆ!

เห็นท่าทีมั่นอกมั่นใจของฉู่เหิน คนอื่น ๆ ถึงได้มีท่าทีสงบลงมา แต่พวกเขาก็ยังคงเลือกที่จะไปตรวจสอบสนามประลองก่อนสู้จริง และถ้าเกิดฉู่เหินสถานการณ์ย่ำแย่ พวกเขาก็จะไม่สนกฎการประลองอะไรนั้น ! จะทำการเข้าช่วยศิษย์น้องของตัวเองทันที !

ชายหนุ่มเข้าใจศิษย์พี่คนอื่น ๆ ดี และในเวลาเดียวกันก็รู้สึกซาบซึ้งด้วยเช่นกัน พร้อมกับรู้สึกว่าฉายาวิปลาสของศิษย์พี่ทุกคนช่างเหมาะสมนัก !

ที่เขาไม่รู้ก็คือ ลับหลังนั้น บรรดาศิษย์วิปลาสทั้งหลายกำลังช่วยกันคิด เรื่องที่ต้องสู้ 1 ต่อ 2 กับที่อีกฝ่ายหนึ่งถึงกับยอมทำลายพลังวรยุทธ์ตัวเอง และในความคิดของพวกวิปลาสแล้วนั้น คนพวกนั้นช่างสิ้นคิดสิ้นดี !

เวลาค่อย ๆ ไหลผ่านไป ในที่สุดวันที่ต้องประลองก็มาถึงแล้ว การประลองนี้ในพรรควายุอัสนีเรียกได้ว่าคึกคักที่สุด ! เพราะจอมวิปลาสที่ 9 สู้กับคู่ลุงหลานแห่งตระกูลหลิว ! แค่คิดก็น่าสนใจแล้ว !!!

หัวหน้าพรรคหัววายุอัสนีก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เขาเองก็สนใจเช่นกัน เพียงแต่คนคนนี้ค่อนข้างจะแปลก เขาเลือกที่จะซ่อนตัว ไม่คิดเปิดเผยตัวออกมา ! เหตุก็เพราะถ้าเขาปรากฏกายจริง ๆ แล้วตอนนั้นการต่อสู้มันได้ถึงจังหวะที่ต้องเอาชีวิตของอีกฝ่าย งั้นแล้วเขาก็คงจำต้องเข้าไปช่วยด้วยหน้าที่ หากแต่ถ้าทำเช่นนั้น การประลองครั้งนี้มันก็จะไม่เป็นดั่งที่ควรเป็น !

หลิวอู่เหมิงกับหลิวเทียนฉี่มาถึงค่อนข้างจะเร็ว ทั้งสองยืนอยู่บนเวทีด้วยดวงตาอันมุ่งมั่น ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเฝ้ารอ ! เรียกได้ว่าพวกเขานั้นเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว วันนี้ไม่ว่าต้องเสียเท่าไร ก็ต้องจัดการฉู่เหินให้ได้ !!!

จากเช้ามืดจนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเที่ยงวันแล้ว ฉู่เหินก็ยังมาไม่ถึงสนาม ! ทำให้พวกตระกูลหลิวโมโหมาก พวกเขารู้สึกว่าชายหนุ่มกำลังดูถูกพวกเขาอยู่ !

ผู้คนด้านล่างเริ่มซุบซิบกัน บ้างก็บอกว่าฉู่เหินตั้งใจทำแบบนี้ ตั้งใจให้ทุกคนรอที่นี่เพื่อยกระดับชื่อเสียงตัวเอง และก็มีบางคนพูดว่าฉู่เหินใจเสาะกลัวแพ้เลยไม่มาแล้ว ! แน่นอนว่าก็มีคนไม่น้อยที่พูดแทนชายหนุ่ม พูดว่าเขาน่าจะติดธุระอะไรสักอย่าง ดังนั้นเลยมาสาย

ซึ่งคนที่พูดแทนชายหนุ่มส่วนมากก็เป็นคนของบ้านวารี เป็นเพราะครั้งก่อนฉู่เหินได้ปล่อยบ้านวารีไป ทำให้ไม่เสียแต้มผลงานไป เลยเป็นทั้งรักทั้งแค้น ! ดังนั้นคนของบ้านวารีจึงมีความรู้สึกที่ดีต่อฉู่เหิน

ทุกคนพูดคุยเสียงดังอยู่ตรงนี้ จนแสงอาทิตย์ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีส้มอย่างช้า ๆ ทว่าจนถึงตอนนี้ชายหนุ่มก็ยังไม่มา ทำให้พวกที่พูดแทนฉู่เหินก่อนหน้านี้เริ่มไม่มั่นใจเสียแล้ว ! ฟ้าใกล้จะมืดแล้วแต่ตัวเอกของงานทำไมยังมาไม่ถึงกัน ! ทว่าคนที่ไม่เหมือนคนอื่น ๆ เลยก็คือพวกเหล่าผู้อาวุโสและหัวหน้าบ้านต่าง ๆ ที่พวกเขาพากันนั่นตกปลาเล่นกันหมดแล้ว

รอมานานขนาดนี้สองลุงหลานตระกูลหลิวก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว พวกเขายืนอยู่บนเวทีแบบนี้ ดู ๆ ไปก็เหมือนลิงในละครสัตว์ที่ถูกคนนับไม่ถ้วนจ้องมอง ทำให้รู้สึกไม่สบายเลย !

“ทุกคนเห็นแล้วใช่ไหม ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาไม่อยากจะประลองกับอีกฝ่าย แต่การที่อีกฝ่ายไม่มาแบบนี้ ก็เห็นได้ชัดเลยว่าเขากลัวไม่กล้ามาประลอง ดังนั้นเพื่อทำตามข้อกำหนดพวกเราจะให้คนไปทวงแต้มผลงานจากบ้านวายุร้อยล้านแต้ม !”

สิ้นเสียงที่หลิวเทียนฉี่พูดจบ จู่ ๆ ก็ได้ยินเหมือนเสียงลมพัดมาจากที่ไกล ๆ เมื่อลองตั้งใจมองคนพวกนั้นไม่ใช่ใครอื่น พวกเขาก็คือลูกศิษย์จากบ้านวายุ ! อีกทั้งคนที่เป็นแก่นนำก็คือฉู่เหินอีกด้วย !

ครั้งนี้ชายหนุ่มมาในชุดเสื้อผ้าธรรมดา ไม่แม้แต่จะมีเกราะป้องกัน อีกทั้งที่มือและใบหน้ายังมีรอยเลือดติดอยู่ ราวกับเพิ่งไปฆ่าใครมา !

พอทุกคนเห็นฉากนี้ต่างก็คาดเดากันไปมา หรือว่าก่อนหน้านี้ฉู่เหินเพิ่งไปสังหารคนของตระกูลไหนมา !

“ต้องขออภัยทุกคนด้วยจริง ๆ! จู่ ๆ ที่บ้านวายุก็เกิดเรื่องเร่งด่วนขึ้นเสียก่อน หมาดำของพี่ 8 ตัวนั้นมันคลอดลูก แต่มันคลอดยากไปหน่อย ฉันเลยต้องคอยดูแลมันอย่างจำใจ เพราะยังไงนี่ก็เป็นอีกหนึ่งชีวิตใช่ไหมละ ! ดังนั้นหากว่ามาช้าเกินไปก็คงต้องขอทุกคนโปรดอภัย !”

หลังฉู่เหินพูดจบ ฝูงชนด้านล่างก็พากันส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ พวกเขาพากันคิดไปต่าง ๆ นา ๆ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเรื่องแบบนี้เสียอย่างงั้น ! ต่อมาก็พากันบิดยิ้มแล้วมองไปที่สองตระกูลหลิว สายตาแฝงไปด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป !

“ฉู่เหิน นี้นายหมายความว่ายังไง หรือว่าในสายตาของนาย การประลองของพวกเราสำคัญน้อยกว่าหมางั้นเหรอ” หลิวเทียนฉี่ตะโกนถามอย่างโมโห !

“ฉันรู้จักนายนะ นายชื่อหลิงเทียนฉี่ ที่เป็นผู้เฒ่าหลิวสินะ ! ฉันไม่เข้าใจหรอกนะว่าทำไมผู้เฒ่าหลิวต้องเอาตัวเองไปเทียบกับสุนัขด้วย ! โอเค ๆ อย่าใช้สายตาอย่างนั้นมองฉันเลย ตอนนี้ฉันจะบอกนายก็ได้ว่า ตระกูลหลิวของพวกนายสำคัญว่าสุนัขน่ะ !” หลังฉู่เหินพูดประโยคนี้จบ ทั่วทั้งสนามก็ขำพรืดออกมา !

“แก นี้แกกล้าพูดกับฉันแบบนี้เลยเหรอ อะไรคือพวกฉันสำคัญกว่าสุนัขห๊ะ !” หลัวเทียนฉี่ใบหน้าดำคล้ำ ประโยคดังกล่าวทำให้ตระกูลหลิวของพวกเขาขายหน้าสุด ๆ! ดันเอาตระกูลหลิวของตัวเองไปเปรียบเทียบกับสุนัข นี่มันใช่เรื่องเหรอ ? แม้ว่าวันนี้จะเป็นผู้ชนะการประลอง ทว่าพวกเขาก็ได้ทำเรื่องน่าอับอายให้แก่ตระกูลไปแล้ว !

“โอ้ นั่นก็แล้วแต่นาย ทำไม ยังไม่พอใจอีกเหรอ ? ก็ได้ ฉันยอมรับก็ได้ว่า ฉันคิดว่าพวกคนตระกูลหลิวไม่ได้สำคัญกว่าสุนัข !” พูดจบ เสียงหัวเราะก็ระเบิดออกมาอีกครั้ง

“แก นี้แกตั้งใจใช่ไหม !” พอหลิวเทียนฉี่ได้ยินก็โมโหจนต้องยืนตะโกนด้วยความโกรธ !

“ผู้เฒ่าหลิวนี้ทำไมไม่เข้าใจสักทีนะ ! งั้นฉันขอถามนาย นายคิดว่าพวกตระกูลหลิวสำคัญ หรือว่าสุนัขสำคัญกว่า ?” ฉู่เหินแบมืออย่างจนใจ และถามออกไป

หลิวเทียนฉี่ตอบโดยไม่แม้แต่จะคิด “แน่นอนว่าต้องเป็นตระกูลหลิวสำคัญกว่าสิ !” หลังพูดจบสักพัก ใบหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที เมื่อคิดได้ว่าตัวเองตกหลุมพรางหมอนี้แล้ว !

“ดูสิ นายเป็นคนพูดเองนะว่าพวกตระกูลหลิวสำคัญกว่าสุนัข งั้นที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ทำไมนายถึงไม่ยอมรับกัน ? ฉันล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมพวกคนตระกูลหลิวเข้าใจยากแบบนี้ พูดอะไรก็ผิดไปหมด ! นี่ฉันคงจะเทียบกับสุนัขของพี่ 8 ตัวนั้นไม่ได้เลยสินะ !”

มองฉู่เหินพูดจาแบบนี้หน้าตาเฉย พวกตระกูลหลิวก็โมโหไปตาม ๆ กัน ! คำพูดที่ว่าตระกูลหลิวกับสุนัขใครมันจะสำคัญกว่านี่มันบ้าอะไรกัน ! คิดจะล้อกันเล่นเหรอไง นี่มันเป็นความอับอายที่สุดของตระกูลหลิวเชียวนะ !

“ฉู่เหิน ! หยุดพูดเรื่องสุนัขนั่นเสียที !” ตอนนี้หลิวเทียนฉี่โกรธจนดิ้นเร่า ๆบนเวที

เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้แล้ว คนอื่น ๆ ในพรรควายุอัสนีที่มาชมงานประลองก็พากันส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้ เดิมทุกคนไม่ได้เห็นหลิวเทียนฉี่อยู่ในสายตาอยู่แล้ว มาตอนนี้ยิ่งแย่เข้าใจ เพราะฐานะของเขาได้กลายเป็นอะไรที่ต่ำกว่านั้นไปแล้ว !!!