บทที่ 414 ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 414 ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง

บทที่ 414 ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง

เมื่อคู่สามีภรรยากุ้ยได้ยินคำพูดของถูหมิ่น ความโกรธในใจของพวกเขาก็ไม่อาจสะกดไว้ได้อีกต่อไป

ณ ที่แห่งนั้น เขาลดเสียงลงและพูดกับกุ้ยชุนเจียวว่า “ลูกสาวเอ๋ย ถ้าเจ้ายังคิดดึงดันที่จะแต่งงานกับคนเช่นนี้อีก ก็รอจนกว่าพ่อแม่ของเจ้าจะสิ้นชีพเถิด”

กุ้ยชุนเจียวไม่ได้พูดสิ่งใด เพียงจ้องตรงเข้าไปในตรอก

คู่สามีภรรยากุ้ยต้องการพุ่งเข้าไป แต่ถูกกู้เสี่ยวหวานส่งสายตาให้พวกเขาหยุด

ข้างในยังมีคนบางส่วนอยู่ และคนกลุ่มนี้น่าจะเป็นพวกอันธพาลในท้องถิ่น หากมีความขัดแย้งกัน กู้เสี่ยวหวานกลัวว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้ฝั่งตรงข้าม อย่างไรเสียก็สามารถนำกุ้ยชุนเจียวกลับไปในสภาพที่สมบูรณ์ และยังได้ให้นางเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของถูหมิ่นด้วย สำหรับเรื่องอื่น ๆ กู้เสี่ยวหวานไม่อยากสร้างปัญหา

ถูหมิ่นเดินสบถออกมา บาดแผลบนใบหน้าของเขามิอาจเห็นได้ชัดนัก แต่ก็น่าจะร้ายแรงพอดู

กู้เสี่ยวหวานเห็นชายคนนั้นเดินออกมาก็เหลือบไปมองกุ้ยชุนเจียวข้างกายนาง ฝ่ายกุ้ยชุนเจียวเม้มริมฝีปากและประสานมือเข้าด้วยกัน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

ด้วยความสว่างของแสงจันทร์ยามราตรี ถูหมิ่นจึงมองเห็นกุ้ยชุนเจียวยืนอยู่ที่ทางเข้าตรอก

ใบหน้าของเขาแข็งทื่อไปเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สายตาของเขาเต็มไปด้วยการปลอบประโลมและอ่อนโยนในทันที

กู้เสี่ยวหวานอยากจะปรบมือให้คนผู้นี้จริง ๆ เมื่อครู่นี้ใบหน้าของเขาดูดุร้าย แต่ในเวลานี้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปราวกับเขาสามารถเปลี่ยนสีหน้าในพริบตา

รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูเหมือนกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่เช่นนั้นเสมอมา ซึ่งมองไม่เห็นร่องรอยความดุดันบนใบหน้าของเขาเมื่อครู่แม้แต่น้อย

เพียงแต่รอยช้ำที่จมูกกับดวงตาที่ปูดบวม เมื่อประกอบกับความอ่อนโยนเหมือนสายน้ำแล้ว มันดูไม่เข้ากันเลยสักนิด แถมยังดูน่าอึดอัดยิ่ง

“เจียวเอ๋อร์…” ถูหมิ่นเรียกเบา ๆ และก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อกุมมือกุ้ยชุนเจียว

เจียวเอ๋อร์? กู้เสี่ยวหวานเลิกคิ้ว คนผู้นี้ช่างกล้าพูดจริง ๆ

นางเห็นกุ้ยชุนเจียวเป็นเหมือนตุ๊กตาไม้ปล่อยให้ถูหมิ่นนำมือไปกุม ซึ่งถูหมิ่นมองกุ้ยชุนเจียวด้วยดวงตาอ่อนโยน ในสายตาของเขามีแต่ความอ่อนโยนและความกังวล

“เจียวเอ๋อร์ พ่อกับแม่ของเจ้ามาที่นี่ทำไม? เหตุใดเจ้าจึงมากับพวกเขาเล่า?” ถูหมิ่นดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ ใบหน้าของเขาดูผิดหวังเล็กน้อย ก่อนเขาจะถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจียวเอ๋อร์ เจ้าต้องการอยู่กับพวกเขางั้นรึ? เจ้าจะกลับไปกับพ่อแม่ของเจ้ารึ? เจ้าลืมคำสาบานของพวกเราแล้วหรือ?”

กุ้ยซื่อที่อยู่ข้าง ๆ ทนไม่ไหวแล้ว นางสะบัดมือกุ้ยสวิ้นเหอ แล้วรีบวิ่งไปอยู่ด้านข้างของกุ้ยชุนเจียว ก่อนจะคว้าตัวกุ้ยชุนเจียวพลางชี้ไปที่ถูหมิ่นและด่าทอ “ถูหมิ่น เจ้าคนไร้ยางอาย เจ้ากล้าลักพาตัวลูกสาวของข้า และคิดใช้นางเป็นวัวเงินของเจ้า!”

เมื่อได้ยินคำพูดของกุ้ยซื่อเช่นนี้ ถูหมิ่นก็มองไปที่กุ้ยชุนเจียวอย่างตกตะลึง ก่อนเดาว่าพวกเขาคงได้ยินสิ่งที่เขาพูดกับคนเหล่านั้นแล้ว

ในใจเขารู้สึกกลัวและนึกรำคาญเล็กน้อย กุ้ยชุนเจียวกับคนอื่น ๆ มาที่นี่ได้อย่างไร เขาหลบตาเล็กน้อย แต่เขายังคงมีใบหน้าที่ดื้อรั้นและเถียงว่า “ท่านป้า อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ข้ากับเจียวเอ๋อร์รักกันด้วยใจจริง ถ้าไม่ใช่เพราะท่านขัดขวางข้ามาตลอด ข้าจะพาเจียวเอ๋อร์หนีมาด้วยเหตุใด? ข้าถูกท่านต้อนจนมุม ข้าชอบเจียวเอ๋อร์ ข้าไม่ต้องการให้ท่านแต่งนางให้กับผู้อื่น!”

หลังจากพูดจบ เขามองไปที่กุ้ยชุนเจียวด้วยดวงตาอ่อนโยนราวกับสายน้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะตาม่วงช้ำ จะเห็นได้ว่านี่เป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีคนหนึ่ง

ทว่าฉินเย่จือผู้มีความงามดั่งเทพเซียนมองดูถูหมิ่นอีกครั้ง เขาอดคิดไม่ได้ว่าถูหมิ่นก็เป็นแค่เพียงหนุ่มหน้าอ่อนธรรมดา ๆ รูปร่างปานกลาง และดูเหมือนพวกอ้อนแอ้นที่ชอบกินข้าวนุ่มคนหนึ่ง

กุ้ยชุนเจียวไม่สนใจคำพูดของถูหมิ่น และยังคงตกตะลึง

เมื่อเห็นว่ากุ้ยชุนเจียวไม่ตอบสนองต่อคำพูดของเขา ถูหมิ่นก็จ้องไปที่ตรอกอย่างว่างเปล่า นางรู้สึกกังวลเล็กน้อย เขากอดกุ้ยชุนเจียวพลางพูดแก้ต่างให้ตนเองว่า “เจียวเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? อย่าทำให้ข้าตกใจสิ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่ใช่อย่างที่เจ้าได้คิด ข้า ถูหมิ่น เป็นคนเช่นไรเจ้ารู้ดี มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด!”

ถูหมิ่นคนนี้เป็นคนผิวหนากว่ากำแพงเมืองจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ทุกคนก็ได้รู้ความจริงหมดแล้ว เขายังสามารถพลิกดำกลับเป็นขาว และล้างความผิดให้ตัวเองได้อีก

“อ้อ แล้วเจ้าเป็นคนเช่นไรเล่า?” กู้เสี่ยวหวานทนไม่ไหวแล้ว กุ้ยชุนเจียวยังคงตกตะลึง กลัวว่าตอนนี้นางจะไม่หายจากอาการตกใจ

“เจ้าเป็นใครกัน?” ถูหมิ่นถาม เมื่อเห็นเด็กหญิงอีกคนข้าง ๆ กุ้ยชุนเจียว ซึ่งสีหน้าของเขาพลันดูน่าเกลียด เขาแสดงสีหน้าดุร้ายและกล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นใคร เจ้ามาที่นี่กับพ่อแม่ของเจียวเอ๋อร์เพื่อพานางกลับใช่หรือไม่? เจียวเอ๋อร์จะไม่กลับไปกับเจ้า! เจียวเอ๋อร์ต้องการอยู่กับข้าตลอดไป!”

หลังจากตอบกู้เสี่ยวหวาน เขาก็พลันมองไปที่กุ้ยชุนเจียวที่อยู่ในอ้อมแขน เมื่อเห็นว่ากุ้ยชุนเจียวยังคงนิ่งอึ้ง เขาก็จับไหล่ของนางเขย่านางอย่างต่อเนื่อง และพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตะหนก “เจียวเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? รีบบอกพวกเขาว่าเจ้าต้องการอยู่กับข้า เจ้าต้องการที่จะอยู่กับข้า!”

อาจเพราะถูกถูหมิ่นเขย่าจนปวดหัว กุ้ยชุนเจียวไม่ได้พักผ่อนเลยตั้งแต่เมื่อคืนนี้ นางรู้สึกเพียงเจ็บในสมอง ขณะที่ใบหน้าของถูหมิ่นตรงหน้านางยังคงสั่น ขณะพูดจาด้วยท่าทางตื่นตะหนก

ถ้าเป็นเมื่อก่อน นางคงใช้ทุกวิถีทางเพื่อจะอยู่กับเขา!

ทว่า…

คำพูดที่ได้ยินตรงปากทางเข้าตรอกเมื่อครู่นี้ เป็นคำพูดของชายที่ไม่คุ้นเคย ทุกคำของถูหมิ่นล้วนน่าขยะแขยง คำพูดของถูหมิ่นเป็นเหมือนกับมีดคม ๆ ที่กรีดแทงและควักหัวใจของนางออกมา

“ปิ่นปักผมทองคำของข้าอยู่ที่ไหน” กุ้ยชุนเจียวถามเพียงประโยคเดียวด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า

“อะไรนะ?” ราวกับว่าเขาได้ยินไม่ชัด ถูหมิ่นถามกลับด้วยความประหลาดใจ “ปิ่นปักผมทองคำอะไร?”

“ปิ่นปักผมทองคำ ต่างหูหยก กำไลเงิน และเงินสองตำลึงที่เจ้าเอาไปจากข้าวันนี้อยู่ที่ไหน?” กุ้ยชุนเจียวถามอีกครั้งด้วยสีหน้าเรียบเฉย แววตาของนางไม่เหลือความผูกพันกับถูหมิ่นอยู่เลยแม้แต่น้อย

ถูหมิ่นสังเกตเห็นแล้วจึงพลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นอับอายและโกรธเคืองทันที เขาชี้ไปที่กุ้ยชุนเจียวด้วยท่าทีเจ็บปวด และตะโกนด้วยความผิดหวังว่า “เจียวเอ๋อร์ เจ้าหมายความว่าอย่างไร? พวกเราไม่รักกันจริงหรือ? เจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าไม่เชื่อในตัวข้าที่รักเจ้ามาก เจ้าเชื่อคนอื่นงั้นหรือ? พวกเขาทั้งหมดต้องการใช้เจ้าเป็นเครื่องมือในการหาเงิน และพวกเขาต้องการแลกเปลี่ยนเจ้าเป็นเงิน! เจ้าไม่รู้ตัวหรือ?”

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ยิน นางก็อดที่จะปรบมือไม่ได้