บทที่ 415 เจ้าเอาไปเล่นพนันแล้วใช่หรือไม่

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 415 เจ้าเอาไปเล่นพนันแล้วใช่หรือไม่

บทที่ 415 เจ้าเอาไปเล่นพนันแล้วใช่หรือไม่

ใบหน้าของถูหมิ่นผู้นี้ราวกับเด็กน้อยที่เปลี่ยนอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว

ชายผู้นี้เปลี่ยนสีหน้าและท่าทางรวดเร็วจนมากพอที่จะทำให้คนอื่นสับสนระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องโป้ปด การที่เขาไม่ได้รางวัลออสการ์ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริง ๆ

เมื่อกุ้ยซื่อได้ยินคำพูดที่ถูหมิ่นใช้เพื่อหลอกลวงกุ้ยชุนเจียว นางก็สาปแช่งเสียงดังลั่น “ถูหมิ่น เจ้าสารเลว นี่คือลูกสาวที่ข้าเลี้ยงดูมากับมือถึงสิบกว่าปี ข้ารักและหวงแหนนางอย่างสุดหัวใจ กล้าดีอย่างไรมาพูดจาเหลวไหลต่อหน้าลูกสาวข้า เจ้ายังมีความเป็นคนอยู่หรือไม่!”

ถูหมิ่นพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาและโต้กลับ “หึ ข้าไม่ใช่คนอย่างนั้นหรือ?พวกท่านก็คงเป็นคนสินะ ใช้ลูกสาวเป็นเครื่องมือในการหาเงิน พวกท่านเลี้ยงลูกสาวมาจนโตเช่นนี้ เพียงต้องการใช้นางเป็นหุ่นเชิดในการต่อรองสินสอดทองหมั้น ข้าบอกความจริงกับกุ้ยชุนเจียว เพียงเพื่อให้นางเห็นตัวตนที่แท้จริงของท่าน!”

“เจ้าสารเลว!” กุ้ยสวิ้นเหอตวาดเสียงดังลั่นและชี้ไปที่ถูหมิ่นด้วยมือที่สั่นเทา “ถูหมิ่น ถูหมิ่น เจ้าจะหลอกลวงอะไรชุนเจียวอีก เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”

“ข้าไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นแหละ ข้าแค่รักชุนเจียวและต้องการที่จะพานางออกไปจากบ้านที่ไร้มนุษยธรรม พานางออกมาจากพวกท่านไปมีชีวิตที่ดีกับข้า!”

“เจ้า…เจ้าพาลูกสาวของข้าไปอาศัยอยู่ในที่ทรุดโทรมแห่งนั้น แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าจะทำให้นางมีความสุขอีกหรือ?” ครั้นกุ้ยซื่อเห็นว่าถูหมิ่นมีท่าทางเช่นนั้น นางก็โกรธแทบควันออกหู

กุ้ยชุนเจียวราวกับเป็นหุ่นกระบอก ไร้ความสุข ความโกรธ ความเศร้าโศก หรือความปีติยินดี นางเหมือนหุ่นกระบอกที่อยู่ในอ้อมแขนของถูหมิ่น

“ชุนเจียว เจ้าลองคิดดูเอาเองนะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พ่อกับแม่ทำอะไรให้เจ้าบ้าง? เวลาป่วย เวลาทุกข์ เวลาสุข ใครกันที่อยู่เคียงข้างเจ้า? ที่ผู้เป็นพ่อต้องทำงานหนัก เขาทำเพื่ออะไร? สิ่งที่เจ้ากินและดื่ม ใครเป็นคนหามาให้! พ่อและแม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไร? เจ้ายังต้องให้คนนอกมาบอกให้เจ้าฟังอีกหรือ?” กู้เสี่ยวหวานกล่าว

คาดว่าเมื่อกุ้ยชุนเจียวได้ยินคำพูดของถูหมิ่นในเมื่อสักครู่ จิตใจของนางย่อมสั่นไหวเล็กน้อย แต่ในใจของนางก็ยังมีภาพฝัน โดยคิดว่าถูหมิ่นไม่ใช่คนเช่นนั้น แต่เมื่อได้ยินคำพูดของถูหมิ่นที่เขาได้หักล้างสิ่งที่เกิดขึ้นในตรอกเมื่อครู่นี้ และเขาได้ด่าบิดามารดาของนางต่อหน้านาง โดยบอกว่าพวกเขาเป็นคนจิตใจไม่ดีและไม่ได้ทำเพื่อตัวนาง

เมื่อนางมองใบหน้าที่หล่อเหลาของถูหมิ่นที่นางเคยถวิลหามาก่อน ครานี้กับไม่คุ้นชินพลันใด

คนผู้นี้ใช่ถูหมิ่นที่ใจดีและอ่อนโยนที่นางรู้จักอยู่หรือไม่? หรือถูหมิ่นในเมื่อก่อนแสแสร้งมาโดยตลอด และคนที่อยู่ในตรอกเมื่อสักครู่นี้กับคนที่ชายผู้นั้นที่ต้าย่วนจื่อว่าร้ายคือถูหมิ่นตัวจริง

กุ้ยชุนเจียวรู้สึกลำบากใจและหายใจติดขัด

ถูหมิ่นยังคงกล่าวว่าร้ายกุ้ยซื่อและกุ้ยสวิ้นเหอ โดยบอกว่าพวกเขาเลี้ยงกุ้ยชุนเจียวมาเพื่อแลกกับสินสอดทองหมั้นในตอนที่นางแต่งงานออกไป

กุ้ยชุนเจียวจำได้ว่าก่อนเทศกาลปีใหม่ ถูหมิ่นแอบมาพบตนเองและบอกว่าเขาไม่ได้เงินจากการทำกิจาการเมื่อปีที่แล้ว และเขาไม่สามารถซื้อร้านตามที่กุ้ยซื่อขอได้ จำได้ว่าตอนนั้นถูหมิ่นดูโศกเศร้าและหงุดหงิด น้ำตาของเขาไหลออกมาพลางกล่าวขอโทษที่ไม่สามารถหาเงินสำหรับปีใหม่ปีนี้ได้

ในขณะนั้น กุ้ยชุนเจียวก็ใจอ่อน

เมื่อเห็นความยากลำบากและความเหี่ยวเฉาบนใบหน้าของถูหมิ่นในขณะนั้น นางก็รีบเอาเงินที่พ่อแม่ให้มาหลายปี แม้จะไม่มาก แต่นางก็นำมาให้แก่ถูหมิ่น ในเวลานั้น ถูหมิ่นก็ให้คำสาบานว่าตลอดชีวิตที่เหลือของเขาจะดีต่อกุ้ยชุนเจียวให้มาก

เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่มีความสามารถในการซื้อร้าน ดังนั้นกุ้ยซื่ออาจจะขัดขวางไม่ให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน เมื่อคิดถึงเรื่องที่กุ้ยชุนเจียวจะต้องแยกจากไปก็ทำให้ถูหมิ่นรู้สึกเศร้าและสิ้นหวัง

จำได้ว่าตอนนั้นถูหมิ่นกระซิบข้างหูของนาง “เจียวเอ๋อร์ ข้าชอบเจ้าและอยากอยู่กับเจ้า แต่ข้าทำในสิ่งที่แม่ของเจ้าขอไม่ได้ ข้าไม่สามารถซื้อร้านได้ ข้า…ข้าไปสู่ขอเจ้าไม่ไหว” น้ำตาอันเศร้าโศกของถูหมินกำลังจะหลั่งรินออกมา

ในเวลานั้น กุ้ยชุนเจียวกล่าวทันทีว่า “พี่ถูหมิ่น ข้าไม่สนใจอะไรและไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ข้าแค่อยากอยู่กับพี่” นางมักจะไม่เห็นด้วยกับคำขอร้องของแม่ที่ให้ถูหมิ่นเปิดร้าน ตราบใดที่นางและถูหมิ่นรักกันจริง แล้วร้านนั้นจะมีประโยชน์อะไร?

เมื่อได้ยินสิ่งที่กุ้ยชุนเจียวกล่าว ถูหมิ่นก็กล่าวว่า “เจียวเอ๋อร์ เจ้าไปกับข้าเถอะ เราโบยบินไปให้ไกล และไม่ต้องกังวลว่าแม่ของเจ้าจะมาขัดขวางพวกเรา ข้าสัญญาว่า ในวันหนึ่งจะทำให้เจ้าได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ เมื่อออกจากบ้านก็จะมีรถม้ามารอรับ เมื่อกลับมาก็จะมีคนรับใช้คอยต้อนรับ อยากซื้ออะไรก็ได้ซื้อ จากนั้นเราก็จะมีลูกสักสองสามคน เจ้าว่าดีหรือไม่?”

กุ้ยชุนเจียวยังเป็นเพียงเด็กและไม่ได้คิดไกลขนาดนั้น ครั้นได้ยินว่าถูหมิ่นต้องการจะมีลูกกับตน ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีราวกับพระอาทิตย์ตกดินในวันนั้น

ถูหมิ่นในเวลานั้น กุ้ยชุนเจียวจำได้ดี ใบหน้าและหูของนางแดง ไม่ใช่เพราะเขินอาย แต่เป็นเพราะนางโกรธ

“พี่หมิ่น ข้าอยากถามท่านว่าปิ่นปักผมทองคำของข้าอยู่ที่ไหน? เงินอยู่ที่ไหน?” กุ้ยชุนเจียวคิดอะไรบางอย่างและเอ่ยถาม

จากนั้นถู่หมินรู้สึกบางอย่าง ในตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความรักและหันหน้าไปทันที “กุ้ยชุนเจียว เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าไม่เชื่อข้า! แต่กลับไปเชื่อพวกเขา!”

ท่าทางเช่นนั้นราวกับกำลังตำหนิกุ้ยชุนเจียวที่ไม่เชื่อตนเอง แต่เชื่อคนอื่น

กุ้ยชุนเจียวไม่ใช่คนโง่ เมื่อเห็นว่าถูหมิ่นไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ในใจของนางก็เข้าใจเรื่องบางอย่างได้แล้ว

“สิ่งของพวกนั้น ท่านสูญเสียทุกอย่างไปแล้วหรือ?” กุ้ยชุนเจียวยังคงเอ่ยถามต่อไป นางจะไม่ยอมแพ้จนกว่าเป้าหมายจะสำเร็จ

ถูหมิ่นลังเล แต่ไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้เป็นเวลานาน และในที่สุดเขาก็กล่าวได้เพียงสองสามคำ “ข้า… ไม่ใช่เพราะข้าต้องการทำเงินเพิ่มเพื่อที่เจ้าจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นให้เร็วที่สุดหรอกหรือ?”

“ฮ่า ๆ ชีวิตที่ดีขึ้นอย่างนั้นหรือ?” กุ้ยชุนเจียวหัวเราะออกมาด้วยความขมขื่น

“ท่านทิ้งข้าไว้ที่ต้าย่วนจื่อคืนละสิบเหรียญ แต่ท่านกลับเอาทุกอย่างที่ข้ามีไปเล่นพนัน?” สีหน้าของกุ้ยชุนเจียวผิดหวัง

เมื่อเห็นลูกสาวของนางเช่นนั้น กุ้ยซื่อต้องการก้าวไปข้างหน้าเพราะกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่กุ้ยสวิ้นเหอหยุดนางไว้พลางส่ายศีรษะและบอกกุ้ยซื่อว่าอย่าเพิ่งเข้าไปยุ่ง