บทที่ 416 ในที่สุดก็ตาสว่าง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 416 ในที่สุดก็ตาสว่าง

บทที่ 416 ในที่สุดก็ตาสว่าง

ในที่สุด กุ้ยชุนเจียวก็ได้สติขึ้นมาจากการถูกปลุกให้ตื่นขึ้นโดยคำพูดไม่กี่คำของถูหมิ่น ถ้าพวกเขาไม่ยืนยันว่าจะพากุ้ยชุนเจียวกลับไป เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่ได้ยินคำพูด ‘จากก้นบึ้งของหัวใจ’ ของถูหมิ่น

หรือคงจะเป็นเพราะว่าสวรรค์ไม่สามารถทนเห็นกุ้ยชุนเจียวต้องทนทุกข์กับชีวิตนี้ และไม่ต้องการให้นางถูกทำลายชื่อเสียงโดยชายหน้าขาวผู้นี้

กุ้ยชุนเจียวทั้งร้องไห้และหัวเราะ “ข้าคิดมาตลอดเลยว่าท่านชอบข้า แต่ตอนนี้ ข้าเพิ่งได้รู้ว่าท่านแค่ใช้ข้าเป็นช่องทางในการหาเงินของท่าน”

“หึ…” เมื่อถูหมิ่นเห็นว่าเรื่องของเขาถูกเปิดเผยออกมา และไม่ว่าเขาจะพูดคำหวานสักเพียงไหน กุ้ยชุนเจียวก็ไม่เชื่อเขาอีกแล้ว เขาสูดหายใจพลางมองกุ้ยชุนเจียวอย่างเย็นชา และกล่าวอย่างชั่วร้าย “ทำไมเจ้าถึงยังคิดจะไปกับคนอื่นอีก? เจ้าอยู่กับข้าทั้งวันทั้งคืนแล้ว ใครจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หากข้าเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น เจ้าคิดว่าใครจะอยากมาแต่งงานกับเจ้าอีก นอกจากแต่งงานกับข้าแล้ว เจ้ายังจะแต่งงานกับใครได้อีก!”

“เจ้า…เจ้าสารเลว…” กุ้ยชุนเจียวไม่คิดว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของถูหมิ่นจะสกปรกถึงเพียงนี้ ใบหน้าของนางซีดเผือด มือทั้งสองข้างสั่นระริก นางชี้ไปที่ถูหมิ่นซึ่งมีสีหน้าราวกับกุมชัยชนะเอาไว้

เมื่อก่อนในสายตาของนาง ถูหมิ่นเคยเป็นคนที่หล่อเหลาและอ่อนโยนมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขากลายเป็นคนพาลและคนโกงโดยใช้สิ่งล้ำค่าที่สุดของนางเพื่อข่มขู่นาง

“ฮ่า ๆ ข้ามันสารเลวอย่างนั้นหรือ? ถ้าจะโทษก็โทษที่ตัวเองงี่เง่าเถอะ ข้าบอกรักไปเพียงไม่กี่คำ เจ้าก็ตามข้ามาแล้ว” ถูหมิ่นกล่าวอย่างดูถูก “เมื่อก่อนเด็กผู้หญิงเหล่านั้นไม่ได้หลอกง่ายเหมือนเจ้า อย่างมากที่สุดก็แค่แอบคบหากับข้าอย่างลับ ๆ พวกนางจะหนีตามข้ามาเช่นเจ้าได้อย่างไร! เฮ้อ ถ้าก่อนหน้านี้ข้าพยายามในการหลอกให้ผู้หญิงที่ร่ำรวยให้มากกว่านี้ ข้าคงไม่ต้องมาหลอกลวงเจ้าเช่นนี้หรอก!” เขากล่าวราวกับว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด หากจะโทษก็ต้องโทษตัวเจ้าเองเสีย

เมื่อถูหมิ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้สึกว่าตัวเขาค่อนข้างจะล้มเหลว ในอดีตผู้หญิงที่ร่ำรวยถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนมากมายและไม่สะดวกในการเคลื่อนไหว พวกเขาสามารถนัดหมายในร้านอาหารหรือโรงละครได้เท่านั้น การเชิญพวกนางมาดื่มชาหรือซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ต้องใช้เงินไปไม่น้อย แต่ถ้าเขาสามารถหลอกครอบครัวที่ร่ำรวยได้จริง ๆ ความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งในอนาคตจะไม่สิ้นสุด

น่าเสียดายที่กำแพงมีหูประตูมีช่อง และเขาถูกจับได้ก่อนจะบรรลุเป้าหมาย

“เจ้า… เจ้า…” กุ้ยชุนเจียวโกรธมากเมื่อได้ยินถูหมิ่นกล่าวว่าตนเองหลอกง่าย นางโกรธมากจนกล่าวอะไรไม่ออก

“ชุนเจียว คราวนี้เจ้าเห็นชัดเจนแล้วหรือยัง?” กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าถึงเวลาแล้ว จึงเกลี้ยกล่อมทันที “ถ้าชายผู้นี้รักเจ้าจริง เขาจะไม่มีวันทำเรื่องผิดศีลธรรมกับเจ้า หากเขารักเจ้า เขาจะมาสู่ขอเจ้าพร้อมกับสินสอดทองหมั้น ไม่ใช่มาทำให้เจ้าอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ เจ้าอายุยังน้อย และในอนาคตเมื่อโตขึ้น เจ้าจะเจอใครสักคนที่จริงใจและทะนุถนอมเจ้าอย่างแน่นอน!”

เมื่อได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน กุ้ยชุนเจียวก็ร้องไห้ออกมา

เจอคนที่จริงใจอย่างนั้นหรือ ในอนาคตนางยังจะได้เจอคนที่จริงใจอีกหรือไม่?

เมื่อได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย นางกล่าวราวกับว่านางเป็นผู้ใหญ่แล้ว และกล่าวว่ากุ้ยชุนเจียวยังเด็กราวกับว่านางอายุมากกว่ากุ้ยชุนเจียวหลายปี

สินสอดทองหมั้นอย่างนั้นหรือ? ความคิดของฉินเย่จือเคลื่อนไหว และเมื่อเขามองไปที่กู้เสี่ยวหวาน เขาจึงจดจำมันไว้ในหัวใจของเขา

“หึ เลิกฝันเสียเถอะ” ถูหมิ่นทำสีหน้าเจ้าเล่ห์ “อยากจะแต่งกับคนอื่นอย่างนั้นหรือ? เลิกฝันเสียเถอะ ตอนนี้ทั้งร่างกายของเจ้าพูดออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ”

เมื่อได้ยินถูหมิ่นกล่าวเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานก็โล่งใจ ดูเหมือนว่ากุ้ยชุนเจียวผู้นี้จะไม่ได้โง่มากจนให้ถูหมิ่นทำเรื่องเช่นนั้นได้สำเร็จ ถูหมิ่นจึงทำได้เพียงกล่าวถึงการหายตัวไปของกุ้ยชุนเจียวในหนึ่งคืนเท่านั้น

“ชุนเจียว เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าและเขา?” กุ้ยซื่อไม่เข้าใจ นางจับมือกุ้ยชุนเจียวและเอ่ยถามอย่างหวาดกลัว “เจ้า เจ้าไม่ได้ปล่อยให้เขาเอาเปรียบเจ้าใช่หรือไม่?”

กุ้ยชุนเจียวหน้าแดง ก้มและสั่นศีรษะ “ท่านแม่ ไม่ ไม่!”

เมื่อกุ้ยซื่อได้ยินว่าลูกสาวของนางปฏิเสธ นางก็รู้สึกโล่งใจและตบหน้าอก “ไม่ก็ดีแล้ว! ไม่ก็ดีแล้ว!”

แต่ถูหมิ่นไม่ยอมแพ้ เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่สนใจคำขู่เลย แววตาที่ดุร้ายก็เผยออกมา “หึ ถ้าพวกเจ้ากล้าที่จะพากุ้ยชุนเจียวกลับไปในวันนี้ พรุ่งนี้ข้าจะทำลายชื่อเสียงของนาง! แต่งงานหรือ? พวกเจ้าฝันไปเถอะ!”

เมื่อกล่าวจบเขาก็เดินออกไป!

กู้เสี่ยวหวานรีบส่งสายตาให้ฉินเย่จือ ฉินเย่จือก็ก้าวไปข้างหน้าทันทีและผลักถูหมิ่นกลับมาอีกครั้ง

ร่างกายของถูหมิ่นราวกับผู้หญิง ทั้งขาว ทั้งสะอาดสะอ้าน ผอมบาง และอ่อนแอ ไม่มีกล้ามเนื้อใด ๆ เขาจะเทียบความแข็งแกร่งกับฉินเย่จือที่ช่ำชองศิลปะการต่อสู้ได้อย่างไร เมื่อเขาถูกฉินเย่จือผลักกลับมาก็ถอยหลังไปสองสามก้าวและสะดุดล้มลงกับพื้น เขามองไปที่ฉินเย่จือที่ไร้สีหน้าพลางตะโกนอย่างเย่อหยิ่งว่า “เจ้าจะทำอะไร!”

ฉินเย่จือมีสีหน้าเย็นชา แต่กู้เสี่ยวหวานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก้าวไปข้างหน้าและยิ้มอย่างครุ่นคิด “เจ้าบอกว่าในวันพรุ่งนี้เจ้าจะทำลายชื่อเสียงของกุ้ยชุนเจียวหรือ?”

“ใช่!” ถูหมินกลอกตา ท่าทางเจ้าเลห์นั้นดูไม่เหมือนคนดีเลย

กุ้ยชุนเจียวผู้นี้ตาบอดจริง ๆ นางชอบอะไรในตัวชายผู้นี้กันแน่?

เป็นเพราะคารมคมคายจึงทำให้ผู้หญิงหลงใหลอย่างนั้นหรือ?

เมื่อเห็นท่าทางที่ครุ่นคิดของกู้เสี่ยวหวาน ถูหมิ่นก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และกล่าวว่า “ถ้าพวกเจ้าสัญญากับข้าด้วยเงื่อนไขข้อเดียว ข้าก็จะเก็บความลับนี้ไว้”

ถูหมินต่อรอง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน “ตราบใดที่พวกเจ้าให้เงินข้า ข้าก็จะหุบปากข้าไว้ และแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไร”

นี่คงเป็นจุดประสงค์ของถูหมิ่น เมื่อลองคิดดูแล้ว นี่คงเป็นกลอุบายที่เขาใช้เพื่อหลอกล่อเด็กสาวในเมื่อก่อน

ในยุคนี้ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้หญิงคือชื่อเสียงและศักดิ์ศรี หากครอบครัวไม่ต้องการให้ชื่อเสียงของลูกสาวถูกทำลาย ก็คงจะทำในสิ่งที่ถูหมิ่นร้องขอ!

“ในอดีต ผู้หญิงทั้งหมดที่เจ้าหลอก ในท้ายที่สุดก็ต้องใช้เงินเพื่อแก้ไขเรื่องนี้ใช่หรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถามอย่างสงสัย

“แน่นอน!” ถูหมิ่นกล่าวอย่างมีชัย “ครอบครัวที่ร่ำรวยที่ไหนจะอยากให้มีเรื่องใหญ่เช่นนี้แพร่งพรายออกไปกันล่ะ ครอบครัวเหล่านั้นก็ต้องเลือกที่จะแก้ไขมันอย่างลับ ๆ พวกเขาล้วนจ่ายเงินมาแต่โดยดีทั้งนั้นแหละ! หึ…”