ตอนที่ 302 สาวน้อยผู้ชื่นชม…อาจารย์ลุงจ้าว? (2)
“แน่นอน” สาวน้อยในชุดเหลืองแค่นเสียงกล่าวว่า “แต่ต่อให้เจ้าจะเป็นคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน แต่หากเจ้าวางแผนทำร้ายศิษย์พี่กงหมิงจริงๆ ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไว้อย่างแน่นอน!”
หือ?
ไฉนนางจึงกล่าวเช่นนั้น?
หลี่ชางโซ่วจับจ้องมองเด็กสาวที่ดูดื้อรั้นเล็กน้อยอย่างสงสัย หรือว่า… บางที….อาจเป็น
หรือว่านางมีความรักกับอาจารย์ลุงจ้าว?
เขานึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของท่านอาจารย์ลุงจ้าวขณะที่กำลังลูบเครา แล้วมองไปที่เด็กสาวผู้นี้…
เอ่อ นี่คือ โลกบรรพกาลที่ข้าคุ้นเคยกับความแปลกประหลาดของมันมานานแล้ว
หลี่ฉางโซ่วหันกลับมาและผายมือเชื้อเชิญก่อนจะโบกแส้หางม้า แล้วนำคนทั้งหกลงไป
ทูตเทวะผู้แข็งแกร่งทั้งสองด้านต่างประสานมือและโค้งคารวะให้พร้อมๆ กัน การเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนเคลื่อนไหวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และดูทรงพลัง ในขณะนั้น เหล่าเซียนทั้งหกบนเกาะเต่าทองต่างพากันขมวดคิ้ว แล้วห้าคนก็เดินตามเด็กสาวในชุดสีเหลือง เข้าไปในห้องโถงด้านหลัง
เมื่อเข้าสู่สำนักเทพทะเลแล้ว ย่อมจะจัดการสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้นมาก
หลี่ฉางโซ่วซึ่งเป็นผู้นำทาง โบกแส้หางม้าเบา ๆ ในขณะที่พวกเขาต่างก็จ้องมองตามปลายแส้หางม้าแล้วมองไปที่… ภาพวาดภูเขาแม่น้ำ
พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย เด็กสาวในชุดเหลืองก็เคยได้ฟังคำเทศนาของจอมปราชญ์เทพหลายครั้ง และใบหน้างดงามของนางก็ดูตกใจในขณะนี้
ไม่เพียงแต่เด็กสาวในชุดเหลืองเท่านั้น แต่อีกห้าคนก็ยังสัมผัสได้ถึงเจตจำนงกระบี่ในภาพวาดภูเขาแม่น้ำ ตลอดจนร่องรอยของอักขระเต๋าที่พวกเขาคุ้นเคย…
นี่คือ!
เหล่าเซียนทั้งหกต่างก็มองหน้ากันและเห็นความกลัวในสายตาของอีกห้าคน
เด็กหญิงชุดเหลืองขมวดคิ้วและถามตรงๆ ว่า “เหตุใดเจ้าถึงมีภาพวาดของท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์ของข้าอยู่ที่นี่ด้วย”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มอย่างสงบและกล่าวว่า “เป็นของขวัญจากสหายเล็กน้อย”
บรรดาเซียนทั้งหกของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยพลันเกิดจินตนาการโลดแล่นไปในทันที
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “สหายเต๋า โปรดนั่งลงเถิด ข้าจะเล่ารายละเอียดในสิ่งที่เจ้าสงสัย และยังขอให้สหายเต๋าโปรดบอกเรื่องนี้ให้แก่สหายเต๋าบนเกาะเต่าด้วย อย่าให้เข้าใจผิดๆ เช่นนี้อีก”
เหล่าเซียนทั้งหกนั่งลงทั้งสองข้างโดยไม่เอ่ยอะไร
จากนั้น เด็กสาวในชุดเหลืองถามว่า “นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือ?”
“เป็นความเข้าใจผิดอย่างแน่นอน” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ก่อนที่เราจะพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ เราบอกชื่อกันและกันก่อนจะดีกว่าหรือไม่? ข้าเป็นคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ขณะนี้ ข้ากำลังอาศัยสำนักเทพทะเลเพื่อสะสมเครื่องสักการะ ข้ามีนามเต๋าว่า … ฉางเกิง”
“เป็นสหายเต๋าฉางเกิงนั่นเอง!”
ในยามนั้น หนึ่งในพวกเขาก็ประสานมือคารวะให้ตามปกติ ทว่าเด็กสาวในชุดเหลืองเพียงจ้องมองเขา และพยักหน้าเท่านั้น
จากนั้น เซียนทั้งหกต่างก็แนะนำตัวกัน แม้เด็กสาวในชุดเหลืองจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็มีคนอื่นพูดแทนนาง… “นี่คือสิบจักรพรรดิสวรรค์แห่งเกาะเต่าทองของเรา นางมีนามว่าเทพธิดาจินกวง[1]”
เทพธิดาจินกวง? นางคือเด็กสาวดื้อรั้นผู้นี้หรือ?
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจของเขา
เหตุใดจึงมีผู้มาเยือนที่เป็นเทพผู้ชอบธรรมแห่งศาลสวรรค์ในภายหน้าที่จะต้องเจ็บปวดทนทุกข์ในมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพอีกคนหนึ่งด้วยเล่า?
เทพธิดาจินกวงเป็นหนึ่งในสิบจักรพรรดิสวรรค์ นางเป็นน้องสาวบุญธรรมของจักรพรรดิสวรรค์ ฉินหว่าน ซึ่งไม่ใช่ศิษย์ของสี่สำนักใหญ่ที่มีพลังเวททรงพลังยิ่ง คือ เทพธิดาจินหลิง ซึ่งหลี่ฉางโซ่วรู้สึกประทับใจกับเทพธิดาผู้นี้นัก
นางจะมีจุดจบอนาถในช่วงมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ นางติดตามจักรพรรดิสวรรค์อีกเก้าคนและจัดตั้งค่ายกลสิบสมบูรณ์และกลายเป็นกลุ่มสิบสองเซียนจินแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน และถูก “จอมสังหารเทพธิดา” กวงเฉิงจื่อโจมตีด้วยตราประทับสวรรค์จนตกตาย
แต่เหตุใดผู้คนของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยถึงชอบเรียกตัวเองว่าเทพธิดา? ช่างเรียบง่ายยิ่ง
นอกจากนี้…
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เป็นผู้อาวุโสเทพธิดาจินกวงนี่เอง โปรดอภัยที่ล่วงเกินแล้ว”
คำว่า “จินกวง” นั้น ดูไม่เข้ากับภาพลักษณ์ที่บอบบางและงดงามของเด็กสาวอย่างยิ่ง
“เหอะ!”
หญิงสาวในชุดเหลือง เทพธิดาจินกวงหยักริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “อย่าคิดว่าหากรู้จักปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยของเราแล้ว เราจะปล่อยให้เจ้าวางแผนร้ายต่อศิษย์พี่กงหมิงได้! มาว่าเรื่องประเด็นหลักกันได้แล้ว เจ้าพูดความจริงของเจ้ามา ข้าจะฟัง หากเจ้ากล้าโกหกแม้เพียงครึ่งคำ วันนี้ข้าจะทำลายวิหารเทพทะเลของเจ้าอย่างแน่นอน!”
“ได้สิ” หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าช้าๆ และเริ่มปฏิบัติการของเขาในวันนี้…
ฟื้นฟูศาสตร์การใช้ทักษะโวหารแบบดั้งเดิม
หลี่ฉางโซ่วถามว่า “พวกท่านทุกคนคุ้นเคยกับผู้อาวุโสกงหมิงหรือ?”
อีกห้าคนล้วนเงียบงัน
มีเพียงเทพธิดาจินกวงเท่านั้นที่กล่าวอย่างสงบว่า “แน่นอนว่าย่อมคุ้นเคย ข้ารู้จักศิษย์พี่กงหมิงมานานแล้วตั้งแต่เมื่อข้าเข้าไปในเกาะเต่าทองครั้งแรก ศิษย์พี่ก็ดูแลข้าในทุกๆ เรื่อง”
“เช่นนั้น แล้วพวกท่านจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเป็นเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยจริงๆ?”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวเสริมต่อทันทีว่า “โปรดอย่าเข้าใจผิด แต่สิ่งที่ข้ากำลังจะพูดเป็นความลับของสหายเต๋ากงหมิง ทุกคน เหตุใดพวกท่านไม่ใช้ชื่อของพวกท่านเองทำปฏิญญาต้าเต๋าเล่า? หากพวกท่านสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยจริงๆ ข้าก็จะบอกพวกท่านทุกอย่างเท่าที่จะบอกได้”
“แน่นอน ข้าจะทำ ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก”
เทพธิดาจินกวงลุกขึ้นยืนก่อนเป็นคนแรก นางยกมือขึ้นและให้สัตย์สาบานปฏิญญาต้าเต๋าโดยบอกว่า หากนางไม่ใช่เทพธิดาจินกวงแห่งสิบจักรพรรดิสวรรค์ของเกาะเต่าทอง นางก็ยินดีที่จะรับทัณฑ์สายฟ้าเทพสวรรค์ม่วง
จากนั้น คนอื่นๆ ก็ปฏิบัติตาม ทั้งหมดล้วนได้พิสูจน์ตัวตนของพวกเขาเองว่า เป็นเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยจริงๆ
หลังจากที่พวกเขาสาบานแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจช้าๆ และกล่าวว่า “พวกท่านทุกคนคิดว่าผู้อาวุโสกงหมิง… โง่เขลาหรือฉลาดล่ะ?”
“แน่นอนว่าย่อมฉลาด!”
เทพธิดาจินกวงตอบเป็นคนแรกเมื่อกล่าวต่อทันทีว่า “เจ้าพูดเช่นนั้นได้อย่างไร? ทุกคนล้วนรู้ว่าศิษย์พี่กงหมิงคือผู้ทรงคุณธรรมสูงเทียมฟ้า เขาทำทุกอย่างเพื่อดูแลพวกเราตลอดเวลาและก็เป็นคนฉลาด!”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วไยถึงคิดว่าข้าจะสามารถวางแผนคิดร้ายต่อผู้อาวุโสกงหมิงได้?”
หลี่ฉางโซ่วถามกลับ ทันใดนั้นเทพธิดาจินกวงก็กะพริบตา นางรู้สึกว่าสิ่งที่เขากล่าวนั้น… มีเหตุผลบางอย่าง “อา ในเมื่อทุกคนถามแล้ว ข้าก็จะชี้แจงเรื่องนี้ให้ฟังอย่างละเอียด”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและเริ่มเล่าเรื่องราวที่เขาทำ
เขาเล่าทุกอย่าง นับตั้งแต่ครั้งแรกที่จ้าวกงหมิงพบกับเทพแห่งท้องทะเล ตามด้วยความบาดหมางระหว่างจ้าวกงหมิงกับสำนักบำเพ็ญประจิม รวมถึงเรื่องที่เขาเคยไปที่เกาะซานเซียนเพื่อขอให้เทพธิดาอวิ๋นเซียวช่วยเกลี้ยกล่อมผู้อาวุโสกงหมิง…
ในช่วงกลางดึก คนของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยทั้งหก ต่างก็ขี่เมฆขึ้นมาจากทางด้านหลังของสำนักเทพทะเลด้วยความรู้สึกผิดที่ฉายชัดออกมาบนใบหน้าของพวกเขา และก่อนที่พวกเขาจะจากไป เทพธิดาจินกวงผู้ไร้เหตุผลมาแต่เดิม ก็เม้มริมฝีปากแล้วโค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่วซ้ำๆ
จากนั้น นางก็กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ เป็นข้าผิดเองที่กล่าวโทษท่านอย่างผิดๆ สหายเต๋าฉางเกิง ข้าเกือบเสียรู้ผู้อื่น ขอสหายเต๋าฉางเกิง โปรดให้อภัยข้าด้วย”
“หากพวกเราทำลายโอกาสของศิษย์พี่กงหมิง ข้าก็ไม่รู้จริงๆ… เฮ้อ…”
“สหายเต๋าฉางเกิง นี่คือของขวัญเล็กน้อยเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณและความเคารพจากพวกเรา โปรดช่วยชี้แนะในการวางแผน และกลยุทธ์ต่างๆ ให้ศิษย์พี่กงหมิงของพวกเราเพิ่มเติมต่อไปด้วย”
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม และดูพวกเขาออกจากที่นั้นไปบนก้อนเมฆ โดยไม่รับของขวัญจากทั้งหก
หลี่ฉางโซ่วยิ้มพลางพยักหน้าแล้วเฝ้าดูพวกเขาขับเคลื่อนเมฆจากไปบนโดยไม่ได้รับของขวัญใดๆ จากพวกเขาทั้งหก
เมื่อเทพธิดาจินกวงบินจากไป หลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อดูจากสีหน้าท่าทีของเทพธิดาจินกวงในวันนี้ เขาคิดว่านางน่าจะเป็น… หนึ่งในสาวน้อยผู้ชื่นชมอาจารย์ลุงจ้าว ซึ่งเป็นเซียนจิน นางชื่นชมเขาอยู่ในใจมานานแล้ว แต่ไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกออกมา
ผู้อาวุโสจ้าวกงหมิงไม่ควรสนใจเรื่องคู่บำเพ็ญเต๋า และเทพธิดาจินกวงก็คงทำได้เพียงเก็บความชื่นชมนี้เอาไว้ในใจนางเท่านั้น
หลี่ฉางโซ่วนึกถึงเรื่องราวที่เคยบอกพวกเขาก่อนหน้านี้ถี่ถ้วน ความจริงแล้ว เขาไม่ได้หลอกลวง โกหก แต่เพียงเปิดเผยบางส่วนอย่างคลุมเครือเท่านั้น และไม่ได้เปิดเผยแผนการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเผ่ามังกร
เขาไม่รู้ว่าจะมียังเซียนคนอื่นๆ จากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยมาไต่ถามเอาความกับเขาอีกหรือไม่
“หากพวกเขายังคงมารบกวนข้า ก็จะส่งผลต่อพลังงานของข้าอย่างมาก”
หลี่ฉางโซ่วพึมพำและถอนหายใจเบาๆ ทว่าในขณะที่เขากำลังจะใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกาย เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยและอ่อนโยนอยู่ทางด้านหลังเขา…
“สหายเต๋า ท่านไม่คิดจะหันกลับมาดูสักหน่อยหรือ?” แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วย่อมรู้ว่า นั่นเป็นเสียงของผู้ใด และยังรู้สึกเบิกบานใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ที่สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาไม่อาจตรวจพบได้นี้ อีกฝ่ายก็กล่าวขึ้นมาทันที…
ในห้องลับใต้ดินของยอดเขาหยกน้อย บัดนั้น ร่างของหลี่ฉางโซ่วพลันเยียบเย็น เส้นขนของเขาลุกชันขึ้นด้วยความหวาดกลัว เขาเกือบจะทำลายตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์แล้ว!
…………………………………………………………………
[1] เทพธิดาจินกวง หรือจินกวงเซิ่งหมู่ หรือ เจ้าแม่แห่งแสงทอง ว่ากันว่า ทรงอีกหน้าที่หนึ่งคือใช้กระจกฉายเป็นแสงเพื่อให้สัญญาณแก่เทพเล่ยกง (เทพสายฟ้า) ว่าต้องปล่อยสายฟ้าฟาดเพื่อลงโทษคนผู้ใด