บทที่ 447 พวกเราไม่ใช่เพื่อนกันแล้วเหรอ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 447 พวกเราไม่ใช่เพื่อนกันแล้วเหรอ?

บทที่ 447 พวกเราไม่ใช่เพื่อนกันแล้วเหรอ?

เมื่อพอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ซูอันก็ขมวดคิ้วแน่น “ซ่างหงนี้ไร้ความปรานีจริง ๆ! การกระทำของเขาอาจทำให้ตระกูลหนึ่งล่มสลายได้เลย!”

“ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ตระกูลฉู่ของเราจะไม่ดูอยู่เฉย ๆ หากเรื่องนี้เกิดขึ้น” ฉู่ชูเหยียนกล่าว “นี่เป็นเหตุผลที่ข้าต้องการให้เจ้าสร้างความบันเทิงให้กับหวางหยวนหลง เจ้าสามารถใช้โอกาสนี้ในการส่งเงินจำนวนที่ตระกูลหวางจำเป็นต้องใช้จ่ายมัดจำคืนให้กับพวกพ่อค้าเป็นการส่วนตัว ด้วยการทำเช่นนี้เราจะสามารถช่วยบรรเทาความเสียหายของพวกเขาได้”

ดวงตาของซูอันพลันสว่างขึ้น “ดี! ทำอย่างนี้ไม่เพียงแต่จะขจัดเหตุฉุกเฉินของตระกูลหวางเท่านั้น แต่ยังจัดการกับความหวาดระแวงที่ซ่างหงต้องการจะสร้างขึ้นระหว่างเรากับตระกูลหวางด้วย ว่าแต่อัจฉริยะคนไหนกันที่คิดแผนเลิศล้ำนี้ขึ้นมา?”

“มันไม่ได้เลิศล้ำอะไรนักหรอก มันเป็นเพียงแค่กลอุบายที่ข้านึกขึ้นได้หลังจากผ่านประสบการณ์การทำธุรกิจหลายปีที่ผ่านมา” แม้ว่าฉู่ชูเหยียนจะพูดอย่างสงบ แต่ใบหน้าของนางก็เบ่งบานด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อถูกชมว่าเป็นอัจฉริยะ

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูอันทันที ปกตินางเย็นชาอยู่เสมอ ใครจะรู้ว่านางมีด้านน่ารักเช่นนี้ด้วย?

“แต่ทำไมเจ้าต้องดำเนินการผ่านข้าด้วย? และยิ่งไปกว่านั้น ทำไมต้องมอบเงินกันอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ในสถานที่อย่างหอสุขนิรันดร์?”

“เหตุผลหลักคือการตบตาคนอื่น ๆ” ฉู่ชูเหยียนอธิบาย “เราได้ประกาศต่อราชสำนักแล้วว่าการเงินของเราอ่อนแอ มันคงดูไม่ดีจริงไหมหากเรามอบเงินช่วยเหลือตระกูลหวางอย่างโจ่งแจ้ง? สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ราชสำนักหรือตระกูลฉู่ของเราดูดี และอาจทำให้ศัตรูทางการเมืองของเรามีโอกาสโจมตีได้

“เหตุผลที่สองคือตระกูลหวางยังคงเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในเมืองจันทร์กระจ่าง หากคนอื่นรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถจ่ายเงินจำนวนนี้ได้ มันจะส่งผลให้ศักดิ์ศรีของพวกเขาเสื่อมเสีย หากไม่ระวัง เราไม่เพียงแต่ล้มเหลวในการบรรลุวัตถุประสงค์ของเรา แต่ทั้งสองตระกูลอาจจบลงด้วยความบาดหมางใจกันอย่างไม่อาจประสานได้อีก”

ซูอันอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจสรรเสริญ “ที่รัก เจ้าช่างละเอียดรอบคอบจริง ๆ! เจ้าคิดเรื่องพวกนี้ทั้งหมดได้ยังไง?”

แม้ว่าเขาจะชื่นชม แต่ก็ยังอดบ่นในใจไม่ได้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าจะสามารถได้กลิ่นหอมของผู้หญิงคนอื่นจากตัวข้าได้ ดูเหมือนว่าต่อไปข้าจะต้องระมัดระวังให้มากขึ้น

รอยยิ้มจาง ๆ แผ่ไปทั่วใบหน้าของฉู่ชูเหยียนเมื่อได้รับคำชมของเขา “ข้ารู้ด้วยว่าเจ้าได้ช่วยหวางหยวนหลงไว้ตอนที่อยู่ในหอสุขนิรันดร์ ดังนั้นเขาต้องแสดงความเคารพอย่างเหมาะสมแก่เจ้า และข้าแน่ใจว่าเขาจะไม่สร้างความเข้าใจผิดใด ๆ ที่ไม่จำเป็น”

“แต่ที่สำคัญที่สุด คือไม่มีใครคาดคิดว่าเราจะมอบหมายงานที่สำคัญเช่นนี้ให้กับเจ้า!”

ซูอันอารมณ์เสียในทันที “เจ้ากำลังชมหรือหลอกด่าข้ากันแน่?”

อารมณ์ของฉู่ชูเหยียน ค่อย ๆ ดีขึ้น และนางก็เผยรอยยิ้มที่สวยงาม “เจ้าไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าคนอื่นมองสถานะของเจ้าภายในตระกูลฉู่ยังไง?”

ซูอันไม่มีคำตอบ

ฝีปากของผู้หญิงคนนี้ดูจะคมขึ้นเรื่อย ๆ คงเป็นเพราะว่าช่วงนี้เขาอยู่ใกล้นางมากเกินไปใช่ไหม?

“เจ้าพูดเรื่องนี้เสร็จแล้วหรือยัง? ถ้าเป็นอย่างนั้น เรามาเริ่มการรักษาของวันนี้กันดีกว่า” ซูอันกล่าว

ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนแดงเล็กน้อย นางใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเปล่งเสียงยินยอมอย่างแผ่วเบา

แต่ในทางกลับกัน ซูอันกลับนึกถึงภาพของเจ้านายที่กดขี่ข่มเหงลูกน้องสาว เขามองนางอย่างเย็นชาและตวาดว่า “เปลื้องผ้า!!”

ฉู่ชูเหยียนพูดไม่ออก

ทำไมคำพูดจากปากของผู้ชายคนนี้จึงฟังดูแปลก ๆ อยู่เสมอ?

แต่นางไม่รู้จะตอบโต้ยังไง เนื่องจากนางต้องถอดเสื้อผ้าออกจริง ๆ เพื่อรับการฝังเข็ม

นางหันกลับมาอย่างขมขื่น เสื้อผ้าของนางค่อย ๆ เลื่อนลงมาตามผิวพรรณที่เรียบเนียนของนาง เผยให้เห็นผิวสีขาวราวหิมะที่สามารถทำให้ผู้ชายทั้งโลกคลั่งไคล้

ซูอันรู้สึกขัดใจเล็กน้อย ครั้งต่อไปข้าคงต้องบอกนางว่าจะฝังเข็มด้านหน้าด้วย!

ซูอันอดใจไว้ก่อน ไม่ต้องการทำให้นางกลัวด้วยการเร่งรีบมากเกินไป

ชายหนุ่มพยายามอย่างมากเพื่อกลั้นไม่ให้เลือดกำเดาไหล ในขณะที่เขาเสร็จสิ้นการรักษาในคืนนี้

ฉู่ชูเหยียนขอบคุณเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ จากนั้นนางก็ไล่เขาออกจากห้องไป

“ใครเขาปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณอย่างนี้กัน!?” ซูอันบ่นด้วยความไม่พอใจในขณะที่เขาออกจากห้องของนาง

ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มก็เหลือบมอง ‘ซูอันน้อย’ ที่โกรธเกรี้ยวของตัวเอง เจ้าจะขึ้นมาทำไม ของสิ่งนั้นได้แต่ดูด้วยตาเท่านั้น!

เขาพึมพำกับตัวเองด้วยความรำคาญตลอดทางกลับไปที่ห้องของตัวเอง แต่คลื่นพลังที่พุ่งมาอย่างกะทันหันทำให้เขากระโดดไปด้านข้างเพื่อหลบการโจมตีที่เล็งมาที่เขาจากด้านหลังบานประตู

“โอ้? ไม่เลว เจ้าดีขึ้นกว่าเมื่อวาน” เสียงหัวเราะพราวเสน่ห์ดังมาจากด้านหลังประตู

ซูอันหาแหล่งที่มาของเสียง และเห็นเพ่ยเหมียนหมานยืนพิงประตูและมีรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง

เสียงหัวเราะของนางทำให้หน้าอกอันงดงามของนางกระเพื่อมเป็นระลอก

เพ่ยเหมียนหมานพ่นลมหายใจ “มองบนนี้! ที่หน้าของข้า!” นางสั่งขึ้นอย่างดุดันหลังจากสังเกตเห็นสายตาหื่นกามของเขา ก่อนที่นางจะชกหมัดด้วยมือขาว ๆ อันละเอียดอ่อนของนางมาทางเขา

ซูอันกระโดดถอยกลับด้วยความตกใจ “เราไม่ใช่เพื่อนกันแล้วเหรอ? เจ้าไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เพียงเพราะข้าจ้องนานไปหน่อยใช่ไหม?”

ใบหน้าที่สวยของเพ่ยเหมียนหมานเริ่มเย็นชาในทันที และดวงตาที่ขี้เล่นของนางก็แปรเปลี่ยนส่องประกายด้วยเจตนาฆ่า

สัญชาตญาณการเอาตัวรอดร้องขึ้นในใจของซูอัน ตอนนี้เขาไม่คิดอีกแล้วว่าอีกฝ่ายจะแค่หยอกเล่น

ชายหนุ่มไม่กล้าละเลยความเป็นไปได้ที่นางจะอยากฆ่าเขาในวันนี้ มือของซูอันเคลื่อนไปหากระบี่ไท่เอ๋อร์ที่เหน็บอยู่ที่เอวทันที

แต่ก่อนที่กระบี่ของเขาจะออกจากฝัก เพ่ยเหมียนหมานก็พุ่งเข้าหาและซัดฝ่ามือผลักกระบี่ของเขากลับเข้าไปในฝักด้วยมือซ้ายของนาง

ส่วนมือข้างขวาที่ว่างของนาง ก็ฉวยโอกาสโจมตีเขา

หากเป็นเวลาปกติ ซูอันคงจะใช้เวลานี้เชยชมมืออันวิจิตรงดงามละเอียดอ่อนของนางอย่างแน่นอน บางทีอาจจะลูบไล้มันเสียด้วย

แต่พลังบ้าคลั่งที่แผ่พุ่งมาจากมือนั้นกลับทำให้เขาต้องตกใจ มันไม่มีร่องรอยของเสน่ห์หรือความอ่อนโยนเลย!

เขาพยายามถอยหลังเพื่อหลบเลี่ยง แต่นางยังคงรั้งเขาไว้ ไม่ยอมให้เขาเว้นระยะห่าง

ซูอันเชี่ยวชาญการใช้กระบี่เพียงอย่างเดียว ชายหนุ่มไม่เคยฝึกปรือทักษะการต่อสู้แบบไม่ใช้อาวุธมาก่อนแม้แต่น้อย หากไม่มีกระบี่ เขาก็ทำได้เพียงต่อสู้ด้วยสัญชาตญาณเท่านั้น

ไม่กี่วินาทีผ่านไป หมัดของนางก็ปะทะเข้าใส่ร่างกายของเขาหลายครั้งแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะระดับการบ่มเพาะที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และการปรับแต่งร่างกายของวิชาปฐมบทแรกเริ่ม เขาก็อาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนกระอักเลือด และสูญเสียกำลังต่อสู้ส่วนใหญ่ไปอย่างแน่นอน

การโจมตีอย่างกะทันหันและไร้เหตุผลของเพ่ยเหมียนหมานได้จุดประกายความโกรธของเขาขึ้นมา

เขาดำเนินการใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันที่ถูกดัดแปลงแล้วทันที และทันใดนั้นร่างกายของเขาก็แยกออกเป็นสอง

เพ่ยเหมียนหมานตกตะลึง เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้คาดคิดว่าซูอันจะทำได้ขนาดนี้…