บทที่ 448 ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นไปซะ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 448 ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นไปซะ

บทที่ 448 ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นไปซะ

หลังจากตกตะลึงกับการแยกร่างได้ของซูอัน

เพ่ยเหมียนหมานจึงใช้นิ้วของนางจิ้มลงไปที่จุดชีพจรบนหน้าอกของซูอันอย่างแม่นยำและสมบูรณ์แบบ ทว่าความสำเร็จนี้ของนางไม่ได้ทำให้รู้สึกมีความสุขเลยสักนิด เพราะหลังจากที่นิ้วของนางจิ้มไปยังอกของซูอัน นางกลับไม่รู้สึกว่าได้สัมผัสกับร่างของอีกฝ่ายเลย มันเหมือนกับว่านางจิ้มนิ้วไปที่ ‘อากาศ’

แน่นอนว่า ‘ซูอัน’ ที่นางโจมตีคือร่างเงาซึ่งมันกระจัดกระจายกลายเป็นเศษแสงและเงานับไม่ถ้วนในทันทีที่ถูกโจมตี

นางตัวสั่นและกำลังจะหลบไปด้านข้าง แต่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่ามีอะไรเย็น ๆ กดที่คอของนาง กระบี่วางอยู่บนไหล่ของนางแล้ว

“เจ้าเป็นบ้าอะไรเนี่ย? เจ้าโจมตีข้าทำไม พอได้แล้ว!”

ซูอันสังเกตว่านางยั้งมือไว้ไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด ซึ่งเขาเองก็ยั้งมือไว้เช่นกัน

“ไม่สนุกเลย ได้ ข้าเลิกแล้วก็ได้…”

ทันทีที่นางพูดคำว่า ‘เลิก’ นางกลับบิดตัวกลับมาเหมือนงูที่อ่อนพริ้ว จากนั้นก็เล็ดลอดออกจากวงแขนเขา และวกกลับมา

ดวงตาของซูอันเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก เขาก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ แต่มันก็สายเกินไปแล้ว…

เขารู้สึกว่าข้อมือของตัวเองชา แล้วก็สูญเสียการจับยึดกระบี่ไท่เอ๋อร์

ขณะที่กระบี่ไท่เอ๋อร์กระทบพื้น เพ่ยเหมียนหมานก็คว้าแขนของซูอันทันทีและบิดไปด้านหลัง

ปลายนิ้วของนางจี้จุดหลังเข่าทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถยืนได้ ซูอันจึงพบว่าตัวเองถูกบังคับให้นั่งคุกเข่า

เพ่ยเหมียนหมานบิดแขนของเขาต่อไป “เอาล่ะ เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ของเจ้าหรือไม่?” นางกระซิบ ลมหายใจอุ่นของนางกระทบหูของเขา

“ข้ายอมรับ…ในความโง่ของข้า!” ซูอันคำราม เขาบิดร่างกายของเขาอย่างแรง ไหล่เกิดเสียงดังกร๊อบ แล้วก็เป็นอิสระจากนาง

เพ่ยเหมียนหมานไม่ได้คาดหวังว่าชายหนุ่มจะทำถึงขนาดนี้ ใบหน้าของนางซีดลง นางค่อย ๆ ปล่อยมือที่จับเขาไว้ตามสัญชาตญาณ

ซูอันได้เตรียมการเคลื่อนไหวไว้แล้ว เขากระโจนเหมือนสิงโตโกรธ และผลักนางลงทันที

เพ่ยเหมียนหมานพยายามหลบ แต่ขาของนางถูกเตะสกัดซึ่งทำให้นางเสียการทรงตัว นางจึงล้มลงกับพื้นในที่สุด

ซูอันไม่ลังเลใจอีกแล้วในครั้งนี้ เขากดน้ำหนักลงบนตัวนาง และใช้ทักษะของยิวยิตสูจากโลกก่อนหน้าของตัวเองเพื่อบังคับให้นางต้องยอมจำนน

เพ่ยเหมียนหมานดิ้นรนอย่างดุเดือด แต่ไม่สามารถใช้กำลังขัดขืนได้เลย

แล้วก็เป็นอีกครั้ง…เพ่ยเหมียนหมานเม้มริมฝีปากและตัดสินใจที่จะยอมแพ้ในที่สุด

ซูอันหอบหายใจ เขาใช้กำลังมหาศาลอย่างกะทันหัน และรู้สึกเหนื่อยมากกว่าการวิ่งติดต่อกันสามกิโลเมตรในโลกก่อนหน้านี้

“เจ้ายอมแพ้แล้วใช่ไหม?”

“ก็ได้ ๆ ข้ายอมแพ้ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้!” เพ่ยเหมียนหมานตอบด้วยความรำคาญ “ต่อไปเจ้าต้องสอนไอ้วิธีแบบนี้ให้ข้าบ้างนะ!”

ซูอันไม่กล้าประมาทหลังจากบทเรียนอันเจ็บปวดที่เขาเพิ่งเรียนรู้ ชายหนุ่มจึงยังไม่ปล่อยนางในตอนนี้ “เจ้ากำลังพยายามทำอะไรอยู่? ทำไมจู่ ๆ ถึงโจมตีข้าแบบนี้?” เขาถาม

“ข้าแค่ทดสอบปฏิกิริยาความเร็วในการโต้ตอบของเจ้า เจ้าตกเป็นเป้าของเฉินเซวียนในตอนนี้ ในฐานะเพื่อน ข้ารู้สึกอยากที่จะช่วยเหลือเจ้าก็เท่านั้น” เพ่ยเหมียนหมานตอบกลับ ดวงตาสีพีชของนางเปล่งประกายด้วยความสนุกสนาน ซึ่งมันทำให้ดูน่าเชื่อมากว่านางไม่ได้เจตนาร้ายจริง ๆ

“นั่นเป็นเหตุผลเดียวจริง ๆ เหรอ?” ซูอันค่อนข้างสงสัย

“ข้ายอมรับว่าเห็นแก่ตัวนิดหน่อย จริง ๆ แล้วอีกเหตุผลหนึ่งที่ข้าทดสอบเจ้าด้วยตัวเองเป็นเพราะอยากรู้ว่าเจ้ามีทักษะประเภทใดที่ทำให้เจ้ามั่นใจเหลือเกิน” เพ่ยเหมียนหมานกล่าวอย่างชัดเจน

ซูอันทบทวนคำพูดของนางในใจของตัวเอง ชายหนุ่มเชื่อคำพูดของนางประมาณแปดส่วน แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะโจมตีเขาอย่างดุดัน แต่ดูเหมือนว่านางไม่ได้ต้องการให้เขาตายจริง ๆ ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ปล่อยมือเขาโดยไม่รู้ตัวตอนที่ชายหนุ่มทำให้ตัวเองไหล่หลุดเพื่อที่จะได้หลุดจากการคร่ากุมของนาง ซึ่งในตอนนั้นซูอันได้แสดงสีหน้าเจ็บปวดจนนางน่าจะตกใจ

ความรำคาญของเพ่ยเหมียนหมานผุดขึ้นบนใบหน้า เมื่อนางเห็นว่าเขายังไม่ยอมปล่อยนางไป “เอามือออกไปจากข้าเดี๋ยวนี้! เจ้าไม่รู้สึกแย่บ้างหรือไงที่เอาเปรียบเพื่อนสนิทของภรรยาเจ้าแบบนี้?”

จะดีกว่าถ้านางไม่พูดประโยคที่สอง ซูอันยังอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดหลังจากออกมาจากห้องของฉู่ชูเหยียน

คำพูดที่คลุมเครือนี้กระตุ้นบางสิ่งในตัวเขา และส่วนที่สำคัญของร่างกายเขาจู่ ๆ ก็แข็งทื่อ!

“เจ้าทำบ้าอะไรเนี่ย ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!” เพ่ยเหมียนหมานกัดฟันกรอด

ใบหน้าของซูอันเปลี่ยนเป็นสีแดง รู้สึกผิดนิดหน่อยที่เรื่องราวมันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ เขาพูดไม่ออก

เพ่ยเหมียนหมานพยายามหันกลับมามองเขา และใบหน้าที่มีเสน่ห์ของนางก็เป็นสีแดงเช่นกัน นางจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้น?

“ไอ้คนลามก ออกไปจากข้าเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะเผาเจ้าซะ!” เพ่ยเหมียนหมานกัดริมฝีปากของนาง เปลวไฟสีดำขนาดเล็กริบหรี่ปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วของนาง

ซูอันมีความคิดอยากจะปล่อยนางตั้งแต่แรกแล้ว แต่เมื่อชายหนุ่มได้ยินน้ำเสียงที่ข่มขู่ของนาง ความคิดก็เปลี่ยนไปอีกรอบ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกไม่อยากจะยอมแพ้!

“ไม่ ข้าไม่ปล่อย! หากเจ้าเก่งจริงก็เผาข้าเลย! แต่ก่อนที่ข้าจะตาย ข้าจะลากเจ้าลงนรกไปด้วย หากข้าได้ตายพร้อมกันกับหญิงงามอย่างเจ้าเป็นคู่นกเลิฟเบิร์ดมันก็ไม่เลวเท่าไหร่!” ด้วยกังวลว่านางจะหนีไปได้ ซูอันจึงจับนางแน่นขึ้น

“เจ้า…ไอ้คนชั่ว!” เพ่ยเหมียนหมานเริ่มตื่นตระหนกเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงรัดที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน

นางไม่สามารถเผาเขาเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ใช่ไหม? แต่ถ้าเขายังคงกอดรัดข้าอยู่แบบนี้ต่อไป ข้าคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเผาเขาให้ตายแม้ว่าเขาจะเป็นสามีของชูเหยียนก็ตาม!

เพ่ยเหมียนหมานคร่ำครวญในใจ

ซูอันรู้สึกขบขันอย่างมากเมื่อเห็นผู้หญิงทรงเสน่ห์คนนี้เริ่มหงุดหงิด

เขามองประเมินหญิงสาวที่อยู่ใต้เขาอย่างระมัดระวัง โดยสังเกตเห็นรอยแดงจาง ๆ กระจายไปทั่วใบหน้าสีขาวราวหิมะที่งดงามของนาง ความเขินอายแบบนี้ไม่สามารถเสแสร้งได้อย่างแน่นอน

บางอย่างสั่นไหวในใจเขา เขาก้มศีรษะลงและหอมแก้มนางอย่างรวดเร็ว

“อ๊ะ!!!”

เพ่ยเหมียนหมานตกใจ เห็นได้ชัดว่านางไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำสิ่งนี้

ร่างกายของนางสั่นสะท้าน เปลวไฟสีดำที่ปลายนิ้วของนางสั่นไหวอย่างรุนแรงและดับไป

การหายใจของนางก็ขาด ๆ หาย ๆ เล็กน้อย และดวงตาสีพีชของนางก็เริ่มคลอไปด้วยน้ำตา

ซูอันรู้สึกตกใจ ทำไมนางอ่อนไหวขนาดนี้?

ความเงียบอย่างน่าประหลาดเกิดขึ้นทั่วทั้งห้อง คั่นด้วยการหอบหายใจของคนทั้งสอง

มันกินเวลาครู่หนึ่งก่อนที่เพ่ยเหมียนหมานจะสงบลงในที่สุด ผมของนางม้วนยุ่งปรกหน้าซ่อนสีหน้าของนางไว้ “ลงไป!”

ซูอันเริ่มเสียใจกับการกระทำที่หุนหันพลันแล่นของตัวเอง ด้วยความรู้สึกผิด เขาจึงปล่อยนางและลุกขึ้นอย่างกระอักกระอ่วน

“เมื่อกี้ ข้า…” ซูอันกำลังจะขอโทษ แต่เขากำลังคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดอยู่ภายใน คำขอโทษตอนนี้มีประโยชน์ยังไง?

ใครจะคาดคิดว่า เพ่ยเหมียนหมานจะอ่อนไหวขนาดนี้?

“ข้าแค่ทดสอบเจ้าเพื่อดูว่าเจ้าอยู่ในระดับใด ทักษะการเคลื่อนไหวและการใช้กระบี่ของเจ้าไม่ได้แย่ แต่ทักษะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าของเจ้านั้นแย่ ข้าจะสอนวิชาบิดพริ้วไหวไหลพัวพันให้เพื่อที่เจ้าจะได้มีวิธีป้องกันตัวเองจากเฉินเซวียนในสถานการณ์ที่เจ้าไม่สามารถใช้กระบี่ได้”

ซูอันกะพริบตา เราแค่แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?

เพ่ยเหมียนหมานเริ่มรำคาญกับการจ้องมองที่ว่างเปล่าและไม่ตอบสนองของเขา “เจ้ากำลังฟังอยู่ไหม!?”

ท่านยั่วยุเพ่ยเหมียนหมานสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 111!

ซูอันกลืนน้ำลาย “ข้าได้ยินเจ้า แต่เมื่อกี้นี้…”

“ไม่มีแต่ เมื่อครู่นี้มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น! สิ่งที่ข้ากำลังสอนเจ้าในวันนี้…เจ้าไม่สามารถเปิดเผยให้ฉู่ชูเหยียนรู้ได้เด็ดขาด เจ้าเข้าใจใช่ไหม?”

เพ่ยเหมียนหมานจ้องมาที่เขา ดวงตาของนางจริงจังเป็นอย่างมาก

“เข้าใจแล้ว!” ท่าทีของซูอันเปลี่ยนไปทันที เนื่องจากนางไม่ต้องการพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็จะไม่เฆี่ยนม้าที่ตายแล้วต่อไป…ยังไงซะเขาก็ไม่ใช่คนที่เป็นฝ่ายแพ้

“ตั้งใจดูดี ๆ ล่ะ ข้าจะแสดงให้เจ้าดูเพียงครั้งเดียวเท่านั้น! แต่ถ้าเจ้าไม่สนใจก็เรื่องของเจ้า!” เพ่ยเหมียนหมานหน้าแดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางพยายามหลอกตัวเองด้วยคำพูดก่อนหน้านี้