“เธอวางใจเถอะ ฉันไม่มีทางให้เธอได้รับความไม่เป็นธรรมและโดนกล่าวหาแน่นอน จะต้องรีบหาความจริงให้ได้” ลี่จุนถิงรับปากกับเจียงหยุนเอ๋อ
เจียงหยุนเอ๋อฝืนยิ้มออกมา ไม่อยากให้ลี่จุนถิงเป็นห่วงตัวเอง แต่ที่จริงในใจก็ยังคิดมากอยู่ไม่น้อย
ไม่ว่าใครได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างนี้ ก็ไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกโกรธเกลียดได้หรอก
“ไม่เป็นไร ขอแค่นายเชื่อใจฉันก็เพียงพอแล้ว” เจียงหยุนเอ๋อเอ่ยเสียงเบา แต่ในน้ำเสียงนั้นก็ไม่สามารถเก็บซ่อนความอ่อนแอของเธอเอาไว้ได้
คิดไปคิดมา ลี่จุนถิงก็อยู่ปลอบใจเจียงหยุนเอ๋อต่ออีกพักใหญ่ เมื่อเห็นว่าเจียงหยุนเอ๋อน่าจะไม่มีอะไรให้เป็นห่วงแล้ว จึงกลับไปอย่างเบาใจหน่อย
“ฉันต้องกลับไปบริษัทก่อน เธออยู่ที่บ้านไม่ต้องคิดมากนะ มีฉันอยู่ทั้งคน” ก่อนไป ลี่จุนถิงได้พูดกับเจียงหยุนเอ๋อ
“จ๊ะ” เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้าตอบรับ
ยังไงก็อยู่กับเจียงหยุนเอ๋อมานาน ลี่จุนถิงจึงเข้าใจดีถึงการปฏิบัติตัวการใช้ชีวิตของเจียงหยุนเอ๋อ ทำให้เขาทุ่มเทเพื่อเธอมากขนาดนี้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่อย่างที่เขาคิดแล้ว
โม่เสี่ยวฮุ่ยฟันธงว่าเรื่องทั้งหมดนี้เจียงหยุนเอ๋อเป็นคนวางแผนไว้อยู่แล้ว ถึงแม้ลี่จุนถิงจะเชื่อมั่นในตัวเจียงหยุนเอ๋อมาก แต่นั่นก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของโม่เสี่ยวฮุ่ยได้
ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนราวกับเจอทางตัน ไม่มีวิธีไหนที่จะพูดโน้มน้าวใครได้เลยสักคน ดังนั้นจึงได้แต่ยืนหยัดในความคิดของตัวเอง
“เรื่องนี้ไม่มีทางที่เจียงหยุนเอ๋อเป็นคนทำเด็ดขาด” ลี่จุนถิงโทรศัพท์ไปหาซู่จี้งยี้ ให้เขาหาคนมาสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัด “ตอนนี้แม่ของฉันไม่ยอมฟังพวกเราอธิบายเลย จึงต้องหาหลักฐานมายืนยันเท่านั้นถึงจะสามารถทำให้แม่หายสงสัยในตัวเจียงหยุนเอ๋อได้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ลี่จุนถิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาแรง ๆ
เขารู้ดีว่า แต่ไหนแต่ไรมาโม่เสี่ยวฮุ่ยไม่ได้รู้สึกดีต่อเจียงหยุนเอ๋อเลย แต่เขาก็ยังดันทุรังรักกับเจียงหยุนเอ๋อ ถึงแม้ไม่อยากให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกคับข้องใจอะไร แต่เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงเรื่องที่ว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยเป็นแม่ของตัวเองได้
ดังนั้นเมื่อมาถึงตอนนี้ เขาจึงตกอยู่ในสภาวะลำบากใจไม่รู้จะเลือกทางไหนดี
แต่ ไม่ว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยจะมีปัญหากับเจียงหยุนเอ๋อมากี่ครั้ง จนถึงตอนนี้ ลี่จุนถิงก็ยังเข้าข้างเจียงหยุนเอ๋ออยู่ดี
หลังจากที่ซู่จี้งยี้ได้ฟังลี่จุนถิงพูดจบ ก็รีบตอบรับทันที : “ครับ ผมก็คิดว่าไม่ใช่คุณนายน้อยเป็นคนทำแน่นอน ไม่รู้ว่าทำไมคุณนายถึงได้คิดอย่างนี้”
“เดิมทีเธอก็ไม่ชอบหยุนเอ๋ออยู่แล้ว ตอนนี้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา หยุนเอ๋อก็อยู่ที่นั่นพอดี เลยเกิดความสงสัยขึ้นมาล่ะมั้ง?”
ลี่จุนถิงถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วเอ่ยพูด
“ครับ ผมทราบแล้ว เรื่องนี้ผมจะไปจัดการเอง ไม่ให้เสียเวลาแน่นอนครับ” ซู่จี้งยี้พูดอย่างจริงจัง
สำหรับการทำงานของซู่จี้งยี้ พูดได้ว่าลี่จุนถิงนั้นไว้วางใจมาก หลังจากที่ซู่จี้งยี้ตอบรับแล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วก็วางสายไป
หลังจากนั้น ลี่จุนถิงก็ไปที่บริษัท เรื่องทางนี้จำเป็นต้องให้เขาจัดการ
เพราะก่อนหน้านี้ไม่อยู่สักระยะหนึ่ง เรื่องมากมายในบริษัทก็ไม่วางใจให้คนอื่นทำ ความคืบหน้าของแต่ละเรื่องจึงล่าช้าออกไป ช่วงนี้ลี่จุนถิงคงจะงานรัดตัวอีกแล้ว
แต่ลี่จุนถิงก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัดสินใจผิด เพราะเท่าที่เขาเห็น การได้พาเจียงหยุนเอ๋อออกไปช่วงนี้ ทำให้เจียงหยุนเอ๋อผ่อนคลายไม่น้อยเลยทีเดียว
ตอนนี้ก็ไม่มีเคธี่โผล่มารบกวน ลี่จุนถิงจึงรู้สึกพอใจมาก
ก่อนหน้านี้ลี่จุนซินเคยพูดกับเขา เหมือนกับว่าทะเลาะอะไรกับเคธี่ แต่สำหรับลี่จุนถิงแล้วนี่อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้
ยังไงซะ ตอนนี้เคธี่ต้องการใกล้ชิดกับตระกูลลี่ของพวกเขา ส่วนใหญ่ก็ต้องเข้าทางจุนซิน ถ้าลี่จุนซินต้องการตัดสัมพันธ์กับเธอ ต่อไปโอกาสเจอกับเคธี่ก็น่าจะน้อยลงไปอีก
ลี่จุนถิงที่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่ จู่ ๆ ลี่จุนซินก็โผล่มาตรงหน้าเขา
“จุนถิง”
สีหน้าของลี่จุนซินดูไม่ค่อยดีนัก ทำให้ลี่จุนถิงจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย
“เป็นอะไรเหรอพี่? ออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอ? แล้วมีคนดูแลแม่ไหม?”
ยังไงซะโม่เสี่ยวฮุ่ยก็เป็นแม่ของตัวเอง ลี่จุนถิงจึงรีบถามไถ่
ตอนแรกเขาคิดจะส่งเจียงหยุนเอ๋อกลับไป และเพราะลี่จุนซินอยู่ที่นั่นด้วย เขาถึงได้วางใจที่จะไป
ลี่จุนซินตอบกลับ : “แม่ไม่เป็นอะไรมากแล้ว ฉันให้คนรับใช้ที่บ้านไปดูแลแล้วล่ะ และหาพยาบาลพิเศษคอยดูแลไว้ด้วย งานที่บริษัทยังมีอีกมาก แล้วก็……ฉันมีเรื่องอยากจะถามนาย”
“อะไร?” หนังตาของลี่จุนถิงเลิกขึ้น รู้สึกได้ว่าเรื่องที่ลี่จุนซินจะพูดนั้นต้องเกี่ยวข้องกับเจียงหยุนเอ๋อแน่นอน
เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด——
“อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับเจียงหยุนเอ๋อจริงหรือเปล่า?”
ถึงแม้ก่อนหน้านี้มุมมองที่ลี่จุนซินมีต่อเจียงหยุนเอ๋อนั้นเปลี่ยนไป ดังนั้นจึงเรียกเจียงหยุนเอ๋อว่า “หยุนเอ๋อ” มาโดยตลอด แต่ตอนนี้เธอเริ่มสงสัยในตัวเจียงหยุนเอ๋อขึ้นมา ทำให้ความสัมพันธ์ห่างเหินขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
ลี่จุนถิงมองลี่จุนซินด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย ราวกับไม่พอใจในสิ่งที่เธอสงสัย : “พี่ พูดอะไรน่ะ? หยุนเอ๋อเป็นคนยังไง ต่อให้แม่ดูไม่ออก แต่พี่ก็ยังดูไม่ออกด้วยจริง ๆ เหรอ?”
ได้ยินดังนั้น ลี่จุนซินก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเบา ๆ
เดิมทีเธอก็ค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวเจียงหยุนเอ๋อ เพราะการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันของเจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนถิง เธอก็เฝ้ามองมาโดยตลอด
โม่เสี่ยวฮุ่ยกลั่นแกล้งรังแกเจียงหยุนเอ๋อหลายต่อหลายครั้ง เจียงหยุนเอ๋อก็เลือกที่จะยอมและอดทน ไม่เคยทำอะไรเกินกว่าเหตุเลยสักครั้ง
ตามหลักแล้ว ลี่จุนซินก็น่าจะเชื่อมั่นในตัวเจียงหยุนเอ๋อ แต่ตอนที่อยู่โรงพยาบาลได้ฟังโม่เสี่ยวฮุ่ยพูดกรอกหูไปตั้งมากมาย ทำให้เธอเริ่มเกิดความสงสัยขึ้นมาภายในใจ
แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ตาม มันก็บังเอิญมากเกินไปจริง ๆ
ประกอบกับก่อนหน้านี้ลี่จุนซินเชื่อในตัวส้งหวั่นหวั่นมาก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายส้งหวั่นหวั่นจะเป็นคนแบบนั้นไปได้ ทำให้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของเธอ ตอนนี้จึงทำให้เธอเกิดความสงสัยระแวงในตัวเจียงหยุนเอ๋อได้อย่างง่าย ๆ
ไม่แน่ว่าทั้งหมดนี้อาจเป็นเจียงหยุนเอ๋อเสแสร้งแกล้งทำ โม่เสี่ยวฮุ่ยทำแย่ ๆ ต่อเธอขนาดนั้น วันหนึ่งเธอรู้สึกทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เลยลุกขึ้นมาทำเรื่องแบบนั้นก็คงไม่แปลกอะไร
“ตอนแรกฉันก็ค่อนข้างเชื่อในตัวเธอนะ แต่สิ่งที่แม่พูดก็มีเหตุผล จุนถิง นายคิดดูสิ ที่นี่มีห้างสรรพสินค้าตั้งมากมายหลายแห่ง ห้างฯ ก็มีหลายซอกซอย แต่ทำไมเจียงหยุนเอ๋อถึงได้บังเอิญอยู่ที่เดียวกับแม่ได้ล่ะ?”
ลี่จุนซินเอ่ยพูดด้วยความเศร้าใจเล็กน้อย
ถ้าเรื่องนี้เป็นฝีมือเจียงหยุนเอ๋อจริง ๆ เธอไม่รู้เลยว่าต่อไปจะรับมือกับเจียงหยุนเอ๋อยังไง ยิ่งถ้าเกิดน้องชายของตัวเองปกป้องเจียงหยุนเอ๋ออีกล่ะก็ ควรจะทำยังไงดีล่ะ?
“ผมเคยพูดแล้ว ว่าไม่ใช่เธอแน่นอน” ท่าทางของลี่จุนถิงยังคงหนักแน่นมาก
เห็นดังนั้น ลี่จุนซินก็รู้ได้ว่าการพูดโน้มน้าวของตัวเองคงจะไม่เกิดประโยชน์แล้ว