ตอนที่ 460 สอบสวน

ตอนที่ 460 สอบสวน

อวี้ซินไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่รับฟังคำพูดของอีกฝ่าย

“พวกผู้หญิงน่ะชอบเพ้อฝันกันอยู่เรื่อยว่าได้ออกไปข้างนอกนั่นแล้วจะได้เป็นนักรบที่เก่งกาจ ถ้าได้ต่อสู้เคียงข้างท่านก็คงจะดีไม่น้อย!” เฉียนเฉียนจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว “แต่พอเราโตขึ้นมา เราก็รู้ว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!”

“ผู้หญิงอย่างพวกเราน่ะก็ได้แต่ทำงานเลขานุการ เลี้ยงดูลูก และไม่สามารถทำอะไรได้อีก เราเกิดขึ้นมาพร้อมกับข้อบกพร่องในการฝึกพลังจิต แม้แต่การฝึกทางกายภาพ พวกเราก็ยังใช้แรงกำลังทั้งหมดทำมันไม่ได้ด้วยซ้ำ”

“ท่านคิดว่าผู้หญิงอย่างพวกเรามีค่าในการใช้ชีวิตอยู่ยังไงบ้าง?”

เฉียนเฉียนพูดต่อ “พวกเราอยากเดินตามรอยเท้า ทำไมมันถึงได้ยากเย็นนัก!”

อยากออกไปไหนก็ออกไปไม่ได้ ได้แต่แหงนมองดูดาวเต็มฟ้า คิดอยากมีส่วนช่วยเหลือมนุษยชาติก็ทำได้แค่เก็บไว้ในใจ

พอบอกคนรอบข้างก็มีแต่จะหัวเราะเยาะ ทั้งยังซ้ำเติมว่าผู้หญิงควรคอยรับลูกกลับบ้าน! มันเป็นงานที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงที่สุดแล้ว

แล้วแบบนี้จะไปรู้สึกพอใจได้ยังไง?!

การต่อสู้ด้านนอกเป็นเรื่องของพวกผู้ชาย เกี่ยวอะไรกับพวกผู้หญิงงั้นเหรอ!?

เขาฟังเธอเล่าแล้วคิดจะโต้กลับตั้งแต่ทีแรก แต่แล้วก็เงียบไป

“คุณก็เลยเลือกที่จะทรยศเผ่ามนุษย์เหรอ?”

เฉียนเฉียนถอนหายใจ “ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่ได้อยากจะทรยศเผ่ามนุษย์ตั้งแต่แรก ท่านจะเชื่อหรือเปล่า?”

“ขอรายละเอียดเพิ่มเติมหน่อยครับ”

“พวกเราเริ่มต้นจากกลุ่มสมาคมลับที่ก่อตั้งโดยผู้หญิง แน่นอนว่าทุกอย่างในนั้นจะต้องเก็บเป็นความลับ เพราะงั้นพวกเราเลยไม่เคยเห็นหน้าสมาชิกมาก่อน” เฉียนเฉียนเล่า “แต่จู่ ๆ วันหนึ่ง หัวหน้ากลุ่มก็มาบอกเราว่าเธอจับสัญญาณจากต่างดาวได้ และถามพวกเราว่าอยากจะติดตามไปด้วยไหม?”

“ผู้หญิงอย่างพวกเราก็คงจะเหมือนกับที่พวกผู้ชายว่าไว้ ผมยาวแต่สมองสั้น ถึงจะรู้สึกประหม่าที่ได้ติดต่อกับอารยธรรมต่างดาว แต่พวกเราก็ยังคุยกับเขา”

สีหน้าของเฉียนเฉียนเปลี่ยนเป็นมืดหม่นลง “ตอนแรกมนุษย์ต่างดาวสุภาพมาก เข้ามาพูดคุยกับพวกเราบ่อย ๆ พวกเราเองก็ชอบคุยกับเขา จนคิดว่าเขาแตกต่างจากมนุษย์ต่างดาวในหนังสือเรียน! สมาชิกของเราเริ่มเสพติดการพูดคุยกับเขามากขึ้น”

“รวมถึงคุณด้วยใช่ไหม?” อวี้ซินถาม

“ค่ะ!” เฉียนเฉียนตอบ “เพราะฉันเผลอไปบอกเขาว่าเห็นยานอวกาศเข้าออกท่าจอดยานกี่ลำบ้าง เขาก็เลยชอบคุยกับฉันเป็นพิเศษ”

“ตอนแรกก็ไม่มีอะไร จนวันหนึ่งฉันเห็นว่ายานอวกาศหลายลำของเราถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไป หลังจากนั้นฉันก็คิดได้ว่าฉันเป็นคนเปิดเผยข้อมูลเองกับมือ ฉันกลัวค่ะ!” ดูเหมือนเฉียนเฉียนจะนึกถึงบางอย่างที่เลวร้ายในอดีตได้ ความเสียใจและความขุ่นเคืองจึงปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ

“ฉันถามเขา แต่เขากลับขู่ฉัน เพราะเขารู้ข้อมูลทั้งหมดของฉัน เขาขู่ว่าถ้าฉันไม่ร่วมมือ เขาจะเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างที่ฉันทรยศต่อเผ่ามนุษย์ให้มนุษย์ทุกคนฟัง และฉันจะกลายเป็นคนบาปในเผ่ามนุษย์” เฉียนเฉียนจ้องมองอวี้ซินด้วยสีหน้าซีดเผือด “ฉันกลัว!”

ต่อให้อวี้ซินไม่นั่งฟังต่อก็พอจะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง

เฉียนเฉียนเล่าต่อ “ต่อมาฉันอ้างว่าฉันอาจจะถูกจับตามองอยู่ และคิดว่าเรื่องนี้น่าจะทำให้เขาหยุดการกระทำได้สักที แต่ไม่คิดว่าหลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาจะติดต่อมาหาฉันอีกครั้ง และบอกให้ฉันส่งข้อมูลไปอีกช่องทางหนึ่ง หลังจากนี้ท่านก็น่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

นิ้วเรียวยาวของอวี้ซินเคาะอยู่บนโต๊ะ

ดวงตาของเฉียนเฉียนหลุบมองนิ้วเรียวยาว มองดูแสงอาทิตย์สาดส่องมาที่ใบหน้าของเขา ทั้งหล่อเหลาและเย็นชา

คงจะดีหากได้เป็นคนรักของชายตรงหน้า! น่าเสียดายที่ชีวิตนี้เธอคงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว!

และในไม่ช้าอวี้ซินก็ค้นพบช่องโหว่

“เขาติดต่อกับคุณมาสักพักแล้ว และบอกช่องทางการส่งข้อมูลอันใหม่ให้คุณใช่ไหม?” อวี้ซินถามเธอ

เฉียนเฉียนพยักหน้า “ใช่ค่ะ”

“ใครอยู่ในกลุ่มของพวกคุณบ้าง? พวกคุณยังได้รับการติดต่ออยู่ไหม? แล้วใครเป็นคนค้นพบข้อมูลคนแรก?!”

“พวกเราติดต่อกันแบบไม่เปิดเผยตัวตน เราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร มีแต่หัวหน้ากลุ่มเท่านั้นที่รู้ แต่ฉันไม่รู้ว่าใครคือหัวหน้ากลุ่ม”

เยี่ยมมาก เบาะแสดังกล่าวถูกตัดขาดได้ง่ายมาก!

หลังจากสอบถามรายละเอียดบางอย่าง อวี้ซินก็หันหลังเดินกลับไป

เฉียนเฉียนมองตามเขาจนลับสายตา ก่อนจะเหลือบมองกระจกบนโต๊ะ

“ดีจังที่ได้เจอท่านก่อนตาย!” พูดจบ เธอทุบกระจกจนแตกละเอียด และหยิบเศษกระจกขึ้นมาปาดรอบคอจนเลือดทะลักออกมา

ดีจัง! และคงจะดีกว่านี้ถ้าเธอสามารถใช้เลือดของตัวเองชดใช้ความผิดบาปของเธอได้!

อวี้ซินกำลังครุ่นคิดสิ่งต่าง ๆ เห็นได้ชัดว่ามีกลุ่มลึกลับที่อยู่เบื้องหลังเฉียนเฉียน และหัวหน้ากลุ่มที่ค้นพบคลื่นสัญญาณคือผู้บงการที่ใหญ่ที่สุด!

หัวหน้ากลุ่มน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านสารสนเทศ

อวี้ซินขมวดคิ้ว เขาขอให้คนนำเครื่องมือสื่อสารทั้งหมดของเฉียนเฉียนมาให้ เตรียมค้นหาข้อมูลว่าใครคือคนที่สื่อสารกับเฉียนเฉียน

ทว่าน่าเสียดายที่แม้พละกำลังของเขาจะดีเลิศจนหาใดเปรียบ แต่หัวสมองกลับใช้การได้ไม่ดีนัก

เขาจะต้องหาตัวช่วย!

แต่ว่าใครล่ะ? ตอนนี้เขารู้สึกว่าทุกคนคือผู้ต้องสงสัย แต่เขาไม่อาจอดทนได้นานกว่านี้!

หรือตามหาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสารสนเทศดี!

หลังจากอวี้ซินตามหาผู้เชี่ยวชาญจนเจอ เขาก็มองดูผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่อยู่ในห้อง เขาอธิบายเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายฟังสั้น ๆ และส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ถอดรหัส

“ท่านครับ ท่านไปเอาของแบบนี้มาจากที่ไหน?” ผู้อาวุโสมองดูของในมือและเอ่ยถามด้วยความสงสัย “มันเป็นโปรแกรมป้องกันการติดตาม ถ้าไม่ระวังให้ดี กลไกป้องกันตัวจะเปิดการใช้งานและเส้นทางทั้งหมดจะถูกทำลาย ผมคงจะทำงานสำคัญแบบนี้ไม่ได้หรอกครับ”

อวี้ซินนึกฉงน “แก้ไม่ได้เหรอ?”

เหล่าผู้เชี่ยวชาญพยักหน้าและมองเขาด้วยความอับอาย

อวี้ซินพยักหน้า “โอเค ก็ได้”

ดูเหมือนว่าเขาจะต้องพาของชิ้นนี้กลับไปที่เมืองหลวงเคทเลอร์ด้วย

ท้ายที่สุดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเผ่ามนุษย์ในจักรวรรดิดวงดาวยังไม่ดีเท่ากับของเมืองหลวงเคทเลอร์นัก และจะต้องมีคนที่ถอดรหัสได้อยู่ในเคทเลอร์อย่างแน่นอน!

อวี้ซินจึงเดินทางไปเมืองหลวงเคทเลอร์อีกครั้ง

ครั้งนี้เขาใช้เวลาอยู่ที่นี่น้อยกว่าครึ่งวัน! และกว่าแมรี่จะรู้ข่าว อวี้ซินก็จากไปแล้ว!

สีหน้าของแมรี่เรียบนิ่งอีกครั้ง เธอจ้องเขม็งไปที่ยานอวกาศของอวี้ซินที่ลอยตัวอยู่เหนือน่านฟ้า ทำไมท่านผู้อาวุโสไม่โทรหาเธอ?!

ทำไม? หรือเพราะเธอเป็นผู้หญิงเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ปรากฏตัวต่อหน้าอวี้ซิน?! ผู้อาวุโสพวกนั้นจะมีอิทธิพลสักแค่ไหนกันเชียว?!

สีหน้าของแมรี่ดูขุ่นเคืองนัก เธอนั่งลงบนเก้าอี้และมองดูโต๊ะตัวที่อยู่ตรงหน้า มองดูผู้อาวุโสทั้งหลายที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องปฏิบัติการราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และพูดคุยกันถึงสิ่งที่อวี้ซินชี้แจงให้พวกเขาฟัง