ตอนที่ 811 ถอยเพื่อรุก (1) / ตอนที่ 812 ถอยเพื่อรุก (2)
ตอนที่ 811 ถอยเพื่อรุก (1)
เมื่อเหลยเชินตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นตอนเช้าของวันรุ่งขึ้นแล้ว พอลุกจากแท่นบรรทม เขาก็เรียกข้ารับใช้ให้เข้ามาช่วยเขาชำระล้างกายและเปลี่ยนอาภรณ์
“คุณชายจวินกับสหายของเขาตื่นหรือยัง” เขาไม่ได้เมาขนาดนี้มานานแล้ว เหลยเชินยังคงรู้สึกปวดหัวตุบๆ
“ตื่นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เหลยเชินพยักหน้าและสั่งให้ข้ารับใช้ไปเชิญจวินอู๋เสียกับสหายมาร่วมรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน
ในห้องอาหาร จวินอู๋เสียและคนอื่นๆ มาถึงแล้ว เหลยเชินมาถึงช้ากว่าเล็กน้อย และเมื่อเขาเห็นจวินอู๋เสียและคนอื่นๆ ก็แสดงสีหน้ายินดีออกมาทันที
“เมื่อคืนหลับสบายกันดีหรือไม่”
“ดีมาก” จวินอู๋เสียพยักหน้า
“ดีๆ ข้าไม่มีแขกมาพักที่ตำหนักรัชทายาทพักใหญ่แล้ว เลยเกรงว่าอาจจะจัดการที่พักได้ไม่ดีพอและทำให้ทุกคนไม่สะดวกสบาย” เหลยเชินพูดพร้อมหัวเราะ
เฉียวฉู่มองเหลยเชินอย่างระมัดระวังแล้วเคลื่อนตัวไปยืนข้างๆ ฮวาเหยา พูดขึ้นด้วยเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคนว่า “พี่ฮวา พี่ว่าน้องเสียจะทำอะไรต่อไป”
ฮวาเหยาส่ายหน้า
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ทำให้แผนการของจวินอู๋เสียต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด หลังจากที่พวกเขากลับไปที่ห้องพักของตัวเอง พวกเขาไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียได้คิดแผนการอื่นขึ้นมาให้พวกเขาอีกหรือไม่
ขณะที่คนอื่นๆ กำลังคิดว่าพวกเขาจะทำอะไรต่อไป จวินอู๋เสียกลับพูดขึ้นว่า “องค์ชาย เรื่องข่าวลือที่แพร่ไปทั่วเมืองหลวงเมื่อวานนี้ พระองค์คิดจะจัดการอย่างไรกับมัน”
เหลยเชินชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่คิดว่าจวินอู๋เสียจะยกเรื่องข่าวลือมาพูดในเช้านี้
“เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดทางการก็ได้ นั่น…ข้าจะส่งคนไปอธิบายเรื่องทั้งหมดเอง น้องจวินไม่ต้องกังวลไป”
จวินอู๋เสียเหลือบมองเหลยเชินแล้วนิ่ง นางตวัดสายตาไปมองข้ารับใช้ที่ยืนอยู่ข้างห้อง “ขอองค์ชายโปรดไล่ข้ารับใช้ทั้งหมดออกไปก่อนได้หรือไม่ ข้ามีเรื่องอยากสนทนากับท่าน”
เหลยเชินเห็นสายตาที่จวินอู๋เสียส่งมาก็เข้าใจความหมายของนางทันที หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะเมื่อคิดว่าจวินอู๋เสียมีเรื่องส่วนตัวจะคุยกับเขา เขาสั่งให้ข้ารับใช้ทั้งหมดออกไปและปิดประตูตามหลัง
“น้องจวินต้องการอะไรจากข้าอย่างนั้นหรือ ตอนนี้พูดได้แล้ว” สีหน้าของเหลยเชินยิ้มแย้มอ่อนโยนแม้ว่าในใจจะกระวนกระวายอยู่ก็ตาม เขาพยายามทำให้ศิษย์จากสำนักศึกษาเฟิงหัวกลายมาเป็นพวกของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกเขาไม่เคยแสดงความกระตือรือร้นใดๆ ต่อเขาเลย เมื่อวานนี้จู่ๆ พวกเขาก็เป็นฝ่ายมาขอเข้าพบที่ตำหนักรัชทายาท แต่ก็กลายเป็นว่าพวกเขามาที่นี่ก็เพราะข่าวลือที่แพร่ไปทั่วเมืองหลวง ตอนแรกเขายังกังวลว่าข่าวลือพวกนั้นจะทำให้จวินอู๋เสียและคนอื่นๆ ที่พยายามสร้างความรุ่งโรจน์ของสำนักศึกษาขึ้นมาใหม่จะไม่พอใจ แต่ดูจากตอนนี้แล้ว มันอาจจะไม่แย่อย่างที่เขาคิดเอาไว้
จวินอู๋เสียมองรอยยิ้มคาดหวังบนใบหน้าของเหลยเชินแล้วถามขึ้นช้าๆ ว่า “องค์ชายรู้ว่าใครคือคนที่แพร่ข่าวลือใช่หรือไม่”
เหลยเชินตัวแข็งทื่อ เขาคิดว่าจวินอู๋เสียขอให้เขาไล่ข้ารับใช้ออกไปก็เพราะอยากจะพูดคุยเรื่องการเป็นพันธมิตรหรือตั้งใจจะทำงานรับใช้เขา แต่จวินอู๋เสียกลับยังคงคุยเรื่องข่าวลืออยู่ ทำให้เหลยเชินแสดงแววตาสับสนออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจแวบหนึ่ง
เขารู้ดีว่าใครเป็นคนร้าย แต่เขาไม่สามารถบอกเล่ารายละเอียดใครฟังได้
“เรื่องนั้นยังอยู่ในการสอบสวน เรายังระบุตัวคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้”
จวินอู๋เสียก้มหน้าลงจิบชา กลิ่นหอมของชาอบอวลอยู่ในปากของนาง นางเงยหน้าขึ้นช้าๆ สายตาเย็นยะเยือกราวทะเลสาบในฤดูใบไม้ร่วงนั้นจ้องมองไปยังเหลยเชิน
“ข่าวลือนั้นส่งผลกระทบกับสำนักศึกษาเฟิงหัวของเรา และเพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของสำนักศึกษาต้องเสียหาย ข้ากับสหายของข้าไม่ควรจะติดต่อใกล้ชิดกับองค์ชายให้ผู้อื่นเห็นบ่อยๆ”
ใจของเหลยเชินหล่นไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม จวินอู๋เสียตัดสัมพันธ์กับเขาอย่างนั้นหรือ พอความคิดนั้นผุดขึ้นมาในหัว เหลยเชินก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เขาจะทำอะไรไม่ได้เลยถ้าไม่มีคนจากสำนักศึกษาเฟิงหัวพวกนี้!
“น้องจวิน นั่นไม่ได้ช่วยอะไรใครได้เลยนะ ข้าปฏิบัติกับพวกเจ้าทุกคนที่มาจากสำนักศึกษาเฟิงหัวอย่างสุภาพและให้เกียรติเสมอมา ทำไมน้องจวินถึงอยากเปลี่ยนแผนของตัวเองเพียงเพราะข่าวลือไม่จริงที่คนอื่นพูดด้วยเล่า” เหลยเชินพูดอย่างร้อนรน
ตอนที่ 812 ถอยเพื่อรุก (2)
“ยิ่งกว่านั้นข้าก็กำลังจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เร็วๆ นี้อยู่แล้ว ข้าขอให้น้องจวินโปรดวางใจว่าเรื่องนี้จะจบลงในอีกไม่นาน รับรองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบกับสำนักศึกษาเฟิงหัวอย่างแน่นอน ข้ารู้ว่าตำแหน่งของสำนักศึกษาเฟิงหัวในตอนนี้ค่อนข้างอ่อนไหวมาก เรื่องนี้จะไม่บานปลายไปกว่านี้แน่” สีหน้าของเหลยเชินเจือแววตระหนกเล็กน้อย และน้ำเสียงของเขาก็ฟังดูร้อนรนเช่นกัน
ฟ่านจัวสังเกตเห็นอาการปั่นป่วนไม่สบายใจของเหลยเชินทั้งหมด เขาเหลือบมองจวินอู๋เสียด้วยหางตาอย่างระวัง พวกเขาเพิ่งค้นพบเมื่อคืนว่าแผนที่อยู่กับฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน และการที่พวกเขาจะมีโอกาสเข้าใกล้ฮ่องเต้ได้นั้น พวกเขามีเพียงเหลยเชินเป็นสะพานเชื่อมโยงเดียวเท่านั้น แต่จวินอู๋เสียกลับพูดแบบนั้นกับเหลยเชินซึ่งเป็นการบอกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาอยากตัดสัมพันธ์กับองค์รัชทายาท
ท่าทีที่แตกต่างกันของเมื่อวานและวันนี้ทำให้ฟ่านจัวเลิกคิ้วขึ้น สายตามีแววสนใจแวบผ่าน เขามั่นใจว่าจวินอู๋เสียมีจุดประสงค์แอบแฝงอยู่ในใจเป็นแน่
อย่างไรก็ตาม จวินอู๋เสียยังถามต่ออย่างไม่เร่งรีบว่า “เรื่องนี้จะจบลงแน่หรือ” ตอนที่พูด ดวงตาเย็นชาของนางมองจ้องเหลยเชินตรงๆ โดยไม่ละสายตาเลย
คำพูดที่เหลยเชินคิดจะพูดพลันติดอยู่ที่ลำคอ ดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะมองทะลุทุกสิ่งทุกอย่าง
“นี่ขนาดภายในเมืองหลวงของรัฐเหยียนเองแท้ๆ ยังสามารถกระจายข่าวลือที่สร้างความเสียหายให้แก่องค์ชายที่เป็นถึงรัชทายาทได้ ตัวตนของคนผู้นั้นต้องเป็นคนที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดาเป็นแน่ ท่านไม่คิดเช่นนั้นหรือ ถ้าองค์ชายมีวิธีจัดการกับมันจริงๆ องค์ชายก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้หรอก รัชทายาท…ท่านไม่รู้ว่าใครคือคนร้ายจริงๆ หรือว่า…ท่านกลัวที่จะพูดกันแน่” น้ำเสียงของจวินอู๋เสียอบอุ่นและอ่อนโยน แต่เจือด้วยแววเย็นชาอยู่เล็กน้อย และในเช้าที่หนาวเย็นเช่นนี้ คำพูดอันเย็นชาพวกนั้นแทบจะทำให้ร่างกายรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บ
เหลยเชินเบิกตากว้างพลางจ้องมองจวินอู๋เสียอย่างเหลือเชื่อ ทุกคำที่จวินอู๋เสียพูดออกมา ทั้งหมดนั้นดูเหมือนว่า…กำลังบอกเขาว่าจวินอู๋เสียรู้บางอย่างเบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้…
เป็นไปไม่ได้!
ทุกการกระทำที่คนผู้นั้นได้ทำลงไป นอกจากท่านราชครูกับตัวเขาเองแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้ใดล่วงรู้ แล้วจวินอู๋เสียอยู่ในเมืองหลวงนี่นานเท่าไรกัน แถมจวินอู๋เสียยังไม่เคยพบกับคนผู้นั้นมาก่อนด้วย อีกฝ่ายจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
“น้องจวินพูดเรื่องอะไรเนี่ย ข้าไม่เข้าใจจริงๆ” เหลยเชินหัวเราะเจื่อนๆ พยายามที่จะหลบสายตา เขาไม่สามารถสบตาที่ดูเหมือนจะมองทะลุทุกอย่างของจวินอู๋เสียได้เลย
จวินอู๋เสียไม่สนใจว่าเหลยเชินกำลังหลบเลี่ยงนาง “ถ้านี่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น ข้าก็คงไม่เสียเวลาถามหรอก แต่ในเมื่อมันเกี่ยวข้องสำนักศึกษาเฟิงหัวของเรา การตัดสินใจขององค์ชายจะส่งผลต่อชื่อเสียงของสำนักศึกษาเฟิงหัวโดยตรงเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นข้าไม่เชื่อว่าองค์ชายจะสามารถจัดการอะไรกับคนผู้นั้นได้”
หัวใจของเหลยเชินเต้นรัว สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ขอบโต๊ะ คลื่นอารมณ์โหมกระหน่ำอยู่ภายในหลังจากได้ยินคำพูดของจวินอู๋เสีย
“ถ้าองค์ชายอยากจะเป็นสหายกับพวกเราจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดอีกแล้ว ถ้าเราเป็นพันธมิตรกัน เรื่องมันจะดีขึ้นถ้ารู้ทุกอย่างอย่างชัดเจน เราจะได้ร่วมมือกันคิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์” คำพูดของจวินอู๋เสียพลิกกลับทันควัน นางเกี่ยวเหยื่อแล้วเหวี่ยงเบ็ดออกไป
เหลยเชินหันไปมองจวินอู๋เสียทันทีด้วยสีหน้าแปลกๆ
“พวกเจ้าจะช่วยข้าหรือ”
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “แล้วองค์ชายคิดว่าที่พวกเราทุกคนยังนั่งอยู่ที่นี่เพราะอะไรกันเล่า”
เหลยเชินรู้สึกได้ว่าเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเขากำลังเดือดพล่าน เขาพยายามที่จะควบคุมตัวเองอย่างเต็มที่ ความตื่นเต้นกำลังเปี่ยมล้นอยู่ในใจเขา “ทำไมเล่า น้องจวินดูเหมือนไม่สนใจที่จะทำงานกับข้าเลยนี่นา อย่างน้อยข้าก็เห็นได้อย่างชัดเจนนะ แล้วทำไมเจ้าถึงเปลี่ยนใจเล่า”
จวินอู๋เสียตอบว่า “เรื่องทั้งหมดนี้มันรบกวนข้านี่นา ถ้าเรื่องมันพุ่งตรงไปที่องค์ชายคนเดียว ข้าก็คงไม่สอดมือเข้ามายุ่ง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายลากเอาสำนักศึกษาเฟิงหัวเข้ามาเกี่ยวพันด้วย เราก็จะไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่”
เหลยเชินยืนขึ้นทันที เขาหันมองไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าประตูหน้าต่างปิดสนิทแน่นหนาดีอยู่ เมื่อแน่ใจแล้วเขาก็หันกลับมาด้วยสายตาเคร่งเครียดจริงจัง มองดูกลุ่มผู้เยาว์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอย่างช้าๆ ทีละคน คล้ายกับว่ากำลังค้นหาอะไรบางอย่าง…