บทที่381 ทั้งชีวิตที่เขาไม่แต่งงาน เพราะในใจมีท่าน

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่381 ทั้งชีวิตที่เขาไม่แต่งงาน เพราะในใจมีท่าน

“อีนังหนู ห้ามพูดเหลวไหล” ท่านลั่วตะคอกอย่างเย็นชา

หยุนถิงรู้สึกถึงความแข็งทื่อของท่านลั่วได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า เป็นเพราะตาเฒ่านี้ตื่นเต้น จึงลากเขาเข้าไป

ภายในห้องตกแต่งอย่างเรียบง่ายและสง่างาม มีกภาพวาดลายแปดอาชาแขวนอยู่บนผนังตรงทางเข้า และกระถางไม้ไผ่หลายต้นนั้นก็ยิ่งทำให้ห้องดูเรียบง่ายและโอ่อ่ายิ่งขึ้น

ฮูหยินเฒ่าฟู่บนเตียงกำลังไอ เมื่อเห็นผู้ที่เข้ามา ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“ฮูหยินเฒ่า จวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยขอเข้าพบ!” พ่อบ้านรีบกล่าว

ฮูหยินเฒ่าฟู่ก็เพียงแค่ผงะเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าก็กลับมาเฉยชาอีกครั้ง “จวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยมาเยี่ยมเยียนด้วยตัวเอง ข้าไม่ได้ออกไปต้อนรับ ทั้งสองเชิญนั่งเถอะ”

“ขอบคุณฮูหยินเฒ่า” จวินหย่วนโยวกล่าว

พ่อบ้านรีบไปเทน้ำชาทันที

“ฮูหยินเฒ่า เหตุใดท่านถึงไอ หากไม่ถือสา ข้าช่วยท่านตรวจดูหน่อยเถอะ” หยุนถิงถาม

ฮูหยินเฒ่าฟู่หันมองหยุนถิง ระหว่างคิ้วนั้นมีความเมตตาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย “เป็นโรคเก่าแล้ว เมื่อถึงฤดูกาลเปลี่ยนก็จะไอไม่หยุด ยาก็กินไปจำนวนมากแล้ว ไม่ได้ช่วยอะไรเลย”

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอแสดงฝีมือขั้นต่ำแล้ว” หยุนถิงเดินเข้ามา และช่วยฮูหยินเฒ่าตรวจชีพจร

ฮูหยินเฒ่าฟู่มองนาง คิ้วที่สวยงาม และใบหน้าที่งดงาม แต่ที่หาได้ยากคือดวงตาแสนสวที่ใสสะอาดและบริสุทธิ์คู่นั้น ฮูหยินเฒ่าฟู่ผู้ที่เคยเห็นคนมาจำนวนนับไม่ถ้วนมานั้นรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง

ครั้งที่แล้วตอนพบกัน นางยังเป็นเพียงแค่อนุภรรยาของจวินซื่อจื่อ แต่ครั้งนี้กลับเป็นซื่อจื่อเฟยแล้ว เมื่อนึกถึงกับข่าวที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้ ตั้งแต่แรกจวินหย่วนโยวก็เขียนนางไว้บนหนังสือลำดับตระกูลว่าเป็นซื่อจื่อเฟยแล้ว เพียงแค่ว่านางไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจและไม่ชอบโอ้อวด ซึ่งเห็นได้ชัดว่าความโปรดปรานที่จวินซื่อจื่อมีต่อนางมากเพียงใด

หลังจากนั้นไม่นาน หยุนถิงก็หยุดมือ ทำหน้าแน่นหนาจริงจัง “โรคนี้ของฮูหยินเฒ่าปล่อยไว้นานเกินไปแล้ว มันทำร้ายหัวใจและปอด และไอหนักมาก เกรงว่าคงเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”

สีหน้าของฮูหยินเฒ่าฟู่แข็งทื่อและซีดขาว

พ่อบ้านที่ยกน้ำชากำลังเดินเข้า ก็ตกตะลึงยิ่งนัก และถ้วยชาในมือก็ร่วงลงสู่พื้นในทันที

กาน้ำชาตกแตก น้ำชากระเซ็นไปทั่ว จากนั้นพ่อบ้านก็ค่อยตั้งสติได้ “ขอโทษทุกท่านด้วย บ่าวไม่ได้ตั้งใจ ซื่อจื่อเฟยฮูหยินเฒ่าของข้าร้ายแรงมากขนาดนี้จริงหรือ มีวิธีรักษาหรือไม่?”

หยุนถิงส่ายหัว “ในช่วงสองปีก่อนอาจมีวิธีแก้ไข ทว่าตอนนี้อาการมันหนักเกินไปแล้ว ต่อให้ข้าเขียนใบสั่งยาให้ก็แค่สามารถต่อชีวิตได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น และไม่สามารถรักษาต้นเหตุให้หายได้”

สีหน้าของพ่อบ้านซีดขาวยิ่งนัก และรู้สึกปวดใจเป็นอย่างยิ่ง “ฮูหยินเฒ่า บ่าวไปเชิญหมอที่ดีที่สุดในเมืองหลวง ไปขอให้ฝ่าบาททรงส่งหมอหลวงมา—–”

ยังไม่รอพ่อบ้านได้พูดจบ หัวใจของท่านลั่วที่ยืนอยู่ข้างๆนั้นก็ตึงเครียดไปหมด แต่เดิมเขาที่ยังรู้สึกตื่นเต้นและทำตัวไม่ถูกอยู่นั้น แต่ในขณะนี้ก็ไม่สามารถสนสิ่งอื่นได้อีกต่อไป เดินตรงไปและดึงแขนของฮูหยินเฒ่าฟู่มาแล้วช่วยนางตรวจชีพจร

ฮูหยินเฒ่าฟู่เหลือบมองสาวรับใช้ตรงหน้า ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหยุนถิง “ซื่อจื่อเฟย สาวรับใช้นี้ของเจ้าก็รู้ทักษะทางการแพทย์ด้วยหรือ?”

หยุนถิงมองดูท่าทางที่กังวลของท่านลั่ว และรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง “เรียนฮูหยินเฒ่า ทักกษะทางการแพทย์ของสาวรับใช้นี้ดีมาก พอๆกับข้าเลย”

จากนั้นฮูหยินเฒ่าฟู่ก็ค่อยรู้สึกโล่งใจลง และไม่ได้พูดอะไร เพียงเหลือบมองมือของสาวรับใช้ที่ยื่นออกตรวจชีพจรให้นาง และขมวดคิ้วเล็กน้อย

นี่เป็นมือของคนชราแท้ๆ ไม่ใช่สิ่งที่คนหนุ่มควรมี แปลกประหลาดยิ่งนัก

หลังท่านลั่วตรวจให้ฮูหยินเฒ่าฟู่อย่างละเอียดแล้ว จากนั้นก็หันมาจ้องนางด้วยความโกรธ “ไอ้อีนังหนูบ้าตกลงเจ้ารักษาเป็นหรือไม่ อาการมันจะร้ายแรงเหมือนที่เจ้าพูดซะที่ไหนกัน นี่ก็เป็นเพียงแค่อาการไอจากไข้หวัดธรรมดาเท่านั้น”

ฮูหยินเฒ่าฟู่มองดูท่านลั่วที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง แม้ว่าเขาจะแต่งตัวเป็นสาวรับใช้ แต่เสียงนี้ฮูหยินเฒ่าฟู่แค่ฟังก็ฟังออกแล้ว

“เจ้า เจ้าคือ?”

ท่านลั่วตัวแข็งทื่อ เมื่อครู่เขามัวแต่กังวลฮูหยินเฒ่าฟู่ จนลืมแปลงเสียง เขากำลังคิดว่าจะแก้ตัวอย่างไร

หยุนถิงก็เดินไปทันที และดึงหน้ากากหนังคนบนใบหน้าของเขาออก “ฮูหยินเฒ่าฟู่เดาถูก เขาคือท่านลั่ว!”

ท่านลั่วจ้องมองด้วยความโกรธ “อีนังหนูบ้าเอ๊ย มีคนตรงไปตรงมาเช่นเจ้าด้วยหรือ?”

“เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่ท่านชอบ หากท่านไม่ตรงไปตรงมาหน่อย หรือว่าต้องรอให้ฮูหยินเฒ่าฟู่ตายแล้วถึงจะมาเสียใจภายหลังหรือ” หยุนถิงแบะปาก

ท่านลั่วดูเขินอายแล้วหันกลับมา

ฮูหยินเฒ่าฟู่มองดูหน้าของท่านลั่ว ก็ตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่งแล้วถึงค่อยตั้งสติได้ จากนั้นสีหน้าก็มืดครึ้มลงในทันที “เจ้ามาทำอะไร?”

“หยุนถิงเป็นคนบอกว่าจะพาข้าออกมาเดินเล่น แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาถึงที่เจ้า” ท่านลั่วพูดอย่างปากแข็ง

“ในเมื่อไม่เต็มใจ ก็อย่ามา พ่อบ้านส่งแขก” ฮูหยินเฒ่าฟู่พูดด้วยสีหน้าที่มืดครึ้

ท่านลั่วถูกขับออกไปอย่างกะทันหัน ก็รู้สึกอายยิ่งนัก หันหลังและจะจากไป แต่กลับถูกหยุนถิงกดจุดไปทำให้ขยับตัวไม่ได้จากด้านหลัง

“ฮูหยินเฒ่าอย่าโกรธเลย ท่านลั่วมาดูท่านเป็นเฉพาะเลย เขาเป็นคนขอให้ข้าพาเขามาพบท่าน เพีนงแค่ว่าเฒ่าแก่นี้ปากแข็งรู้สึกเขินอายเท่านั้น

ก่อนเข้ามา เขายังตื่นเต้นมากๆ อันที่จริงเขาเป็นห่วงท่านมาก ใส่ใจท่าน สาเหตุที่เขาไม่ไปตามนัดในตอนนั้นก็เพราะเขาได้รับข่าวจากสำนัก

ตอนนั้นอาจารย์ของท่านลั่วถูกฆ่าตาย สำนักถูกทำลาย เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรีบกลับไป อีกอย่างก็เป็นเพราะกลัวว่าจะทำให้ท่านเดือดร้อนไปด้วย ดังนั้นจึงปกปิดร่องรอยของการเดินทางและไม่ไปพบท่าน

อันที่จริงแล้วในใจของเขามีท่านมาโดยตลอด แม้ว่าตัวจะอยู่ที่ลานหลังของจวนซื่อจื่อ แต่ก็ยังค่อยให้ความสนใจกับท่านอยู่เสมอ ไม่เช่นนั้น เมื่อครู่เขาก็คงไม่กระวนกระวายจนรีบมาตรวจชีพจรของท่าน หลังได้ยินข้าบอกว่าท่านกำลังจะตาย

ทั้งชีวิตที่เขาไม่แต่งงาน เพราะในใจมีท่านมาโดยตลอด ตอนนี้เขายังเป็นโสด และท่านก็อยู่ตัวคนเดียวมาหลายปีแล้ว ท่านลั่วไม่อยากต้องมาเสียงใจภายหลัง ดังนั้นจึงรวบรวมความกล้ามาที่นี่ “หยุนถิงอธิบายทันที

“อีนังหนูอย่าพูดแล้ว อายชะมัดเลย!” ท่านลั่วอายจนแทบจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี

เขาไม่ควรให้หยุนถิงพาตัวเองมาที่นี่จริงๆเลย อีนังหนูนี้ทำให้เขาขายหน้ามากเลย

“มีอะไรน่าอาย นี่คือความสุขของท่าน ท่านคงไม่ต้องการเป็นชโสดตลอดชีวิตสินะ!” หยุนถิงทำเสียงเชอะ

ฮูหยินเฒ่าฟู่ลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหาท่านลั่ว มองดูใบหน้าที่แก่เฒ่าของเขา ขอบตาแดงในทันที ยกมือขึ้นและตบหน้าท่านลั่ว

เสียงที่คมชัดและดัง ทำให้ทุกคนตกตะลึงกันหมด

“เหตุใด เหตุใดตอนนั้นเจ้าไม่บอกอย่างชัดเจนกับข้า?”

หลายปีมานี้ นางไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลยว่าเหตุใดท่านลั่วถึงจากไปโดยไม่บอกลา ต่อให้จะไม่อยากอยู่กับตัวเอง แต่ก็ต้องบอกให้ทราบคำหนึ่งก่อนสิ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นความเจ็บปวดในใจของฮูหยินเฒ่าฟู่

วันนี้เมื่อได้ยินหยุนถิงพูดออกมา ฮูหยินเฒ่าฟู่ก็รู้สึกทั้งโกรธ ทั้งเกลียด และน้อยใจ และเศร้าโศกเสียใจ——

“ข้าทำให้เจ้าไม่น่าไว้วางใจถึงเช่นนี้เลยหรือ หรือว่าเจ้าคิดว่าข้ากลัวถูกคนอื่นทำให้เดือดร้อนไปด้วย?” ฮูหยินเฒ่าฟู่ถาม

ท่านลั่วรู้สึกผิด โทษตัวเอง เสียใจ คำพูดที่เตรียมมาหลายวันแล้วแท้ๆ แต่ในขณะนี้กลับติดอยู่ในลำคอและพูดไม่ออกมาแม้แต่สักคำเลย

เมื่อเห็นเช่นนี้ หยุนถิงก็ดึงจวินหย่วนโยวและเดินออกไป

ในเวลานี้ พวกเขาจำเป็นต้องเผชิญด้วยตัวเอง คนนอกไม่สามารถช่วยได้

พ่อบ้านก็ถอยออกกลับไปอย่างรู้ตัวดี ตั้งแต่แม่ทัพเสียไป หลายปีมานี้ฮูหยินเฒ่าก็อยู่ตัวคนเดียว ไม่มีลูกสักคน มองดูแล้วก็รู้สึกสงสาร หากมีคนอยู่เป็นเพื่อนนางคนหนึ่งจริง พ่อบ้านก็ดีใจแทนนางยิ่งนัก

นางทุ่มเทให้กับตระกูลฟู่มากเกินไป ควรอยู่เพื่อตัวเองบ้างแล้ว

ในห้อง หลังจากลังเลไปพักหนึ่ง ก็เอ่ยปากถามว่า “ตอนนั้นข้าเป็นคนทำผิดต่อเจ้าเอง ตอนนี้ข้ามาแล้ว หวังว่ามันจะไม่สายเกินไป ข้าไม่ขอให้เจ้ายกโทษให้ ขอเพียงเจ้าให้โอกาสหนึ่งครั้งแก่ข้า ได้หรือไม่?”