บทที่ 451 ข้าไม่รังเกียจที่จะมีเพื่อนแบบเจ้า
บทที่ 451 ข้าไม่รังเกียจที่จะมีเพื่อนแบบเจ้า
หลังจากคิดได้ ซูอันก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว ส่วนฉู่อวี้เฉิงและกลุ่มสาว ๆ ก็ช่วยกันสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้น
เมื่อรู้สึกว่าถึงเวลาที่เหมาะสม ซูอันก็ให้ผู้หญิงคนอื่นออกไปและจ้องหน้าหวางหยวนหลงด้วยสีหน้าจริงจัง “อันที่จริงที่ข้าชวนเจ้าออกมาวันนี้เพราะข้ามีของขวัญจะให้เจ้า!”
“พี่ซูไม่จำเป็นต้องให้อะไรข้าหรอก ข้าเกรงใจ!” หวางหยวนหลงตกตะลึง และจากนั้นก็ปฏิเสธตามมารยาท
ซูอันไม่ได้โต้เถียงอะไรออกไป แต่ทำเพียงเดินไปเปิดผ้าคลุมที่ปิดหีบใหญ่หลายหีบที่อยู่ตรงมุมห้องแทน และลากพวกมันเข้ามา
แม้ว่าพวกมันจะหนัก แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้บ่มเพาะอย่างซูอัน
เขาเปิดหีบออกและทั้งห้องก็สว่างขึ้นด้วยแสงสีเงินริบหรี่ซึ่งสะท้อนออกมาจากหีบใหญ่ ๆ เหล่านี้
“นี่มัน…” หวางหยวนหลงเป็นคนที่ค่อนข้างมีไหวพริบดี ดังนั้นเมื่อเห็นเงินจำนวนมากในหีบเหล่านี้ เขาก็นึกได้คร่าว ๆ ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“ในหีบทั้งหมดนี้มีเงินรวมกันอยู่สองแสนตำลึงเงิน” ซูอันกล่าว “น้องหวางควรใช้เงินนี้เพื่อชำระเงินฝากล่วงหน้าของพวกพ่อค้าเกลือแต่ละรายคืนไป และมีอีกเรื่องที่ข้าอยากไหว้วาน ข้าต้องรบกวนให้น้องหวางอธิบายกับพ่อของเจ้าให้เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยว่า ตระกูลซ่างจงใจหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งระหว่างเราสองตระกูล ตระกูลฉู่ไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันมาพังทลายเพียงเพราะเรื่องนี้”
หวางหยวนหลงจ้องไปที่เงินอย่างมึนงงเป็นเวลานาน ก่อนที่จะพูดขึ้น “พี่ซู ขอให้ข้าได้คารวะท่าน!”
หวางหยวนหลงเข้าใจทันทีว่าเงินสองแสนตำลึงนี้ไม่ได้มาจากซูอัน แต่มาจากตระกูลฉู่
เขาตกใจ เพราะก่อนหน้านี้เข้าใจว่าซูอันเป็นนายน้อยที่มีแต่ชื่อแต่ไร้ซึ่งอำนาจ แต่การที่ซูอันได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจสำคัญเช่นนี้มันหมายความว่า จริง ๆ แล้วตระกูลฉู่ไว้วางใจในตัวลูกเขยคนนี้เหนือกว่าที่คนนอกเข้าใจกันไปเอง
หวางหยวนหลงยอมรับคำขอของซูอันอย่างซึ้งใจ “พี่ซู โปรดบอกท่านอ๋องฉู่ และคุณหนูชูเหยียนด้วยว่า ตระกูลหวางของเราจะไม่ลืมน้ำใจในครั้งนี้!”
เขาพูดอย่างเคร่งขรึม
ตระกูลหวางกำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนักจริง ๆ เงินจำนวนนี้ย่อมช่วยเหลือพวกเขาได้มาก…
จากนั้นเมื่อพวกเขาคุยเรื่องสำคัญจบลง หวางหยวนหลงก็ไม่ปรารถนาที่จะหาความบันเทิงที่นี่อีก เขาอยากจะเอาเงินกลับบ้านไปให้พ่อเขาโดยเร็วที่สุด
ซูอันไม่ได้หยุดเขา “ข้าจะไม่รั้งน้องหวางไว้ เอาไว้พวกเราว่างเมื่อไหร่ค่อยมาร่วมดื่มกันอีกครั้งก็ได้!”
“แน่นอน!” เมื่อวิกฤตของตระกูลมีทางแก้ไขแล้ว อารมณ์ของหวางหยวนหลงก็แช่มชื่นขึ้นมาก
“ระหว่างทางกลับระวังตัวด้วย!” ซูอันกล่าวเตือน
“ไม่ต้องกังวล เงินจำนวนแค่นี้ไม่น่าจะสร้างปัญหาอะไรได้ และอีกอย่างข้ามั่นใจในตัวผู้คุ้มกันของข้า!”
เงินสองแสนเป็นจำนวนมหาศาลสำหรับครอบครัวธรรมดา ๆ แต่ไม่ใช่สำหรับตระกูลใหญ่ ถ้าไม่ใช่เพราะความโชคร้ายของพวกเขา ตระกูลหวางคงจะสามารถหาเงินจำนวนนี้ได้อย่างง่ายดาย
และยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ยังคงอยู่ในเมืองซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยที่ดี และตระกูลใหญ่อื่น ๆ ที่สามารถรุกรานตระกูลหวางได้ย่อมจะไม่ทำอย่างนั้นด้วยเงินเพียงสองแสนอย่างแน่นอน…
หลังจากที่หวางหยวนหลงและฉู่อวี้เฉิงจากไปแล้ว ชิวฮัวเล่ยก็เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ข้าประหลาดใจจริง ๆ ที่ตระกูลฉู่มอบหมายให้อาซูทำภารกิจที่สำคัญเช่นนี้ ดูเหมือนว่าตำแหน่งของอาซูในตระกูลฉู่จะสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ”
ซูอันหัวเราะและพูดว่า “ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเจ้า! ข้าไม่มีทางได้รับความไว้วางใจจากตระกูลฉู่แน่นอน หากไม่ใช่เพราะข้อมูลที่เจ้ามอบให้ข้าในครั้งที่แล้ว”
ขณะที่ซูอันพูด มือของเขาขยับไปโอบรอบเอวของนางอย่างซุกซน ผู้หญิงคนนี้กำลังวางแผนหาประโยชน์จากเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นอย่างน้อยก็ต้องเอาบางอย่างคืนจากนาง
ชิวฮัวเล่ยหลบเลี่ยงเขาขณะที่ยังยิ้มแย้ม “ฮัวเล่ยดีใจจริง ๆ ที่อาซูเอ่ยปากชม อ้อ…จริงสิ ข้าเพิ่งได้รับข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการค้าเกลือผิดกฎหมาย ข้าสงสัยว่าอาซูสนใจหรือไม่?” นางถาม
“โอ้?” ดวงตาของซูอันเป็นประกาย “แน่นอน! โปรดบอกข้าด้วย”
ชิวฮัวเล่ยเดินไปที่ริมระเบียงของห้องส่วนตัวและชี้ไปที่พื้นผิวของแม่น้ำ
“ข้าได้รับข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้มา ซึ่งระบุว่ากลุ่มวาฬจะขนส่งเกลือผิดกฎหมายผ่านท่าเรือในคืนนี้ ข้าขอปล่อยให้นายน้อยตัดสินใจเอาเองว่าจะคว้าโอกาสนี้หรือไม่”
ซูอันหัวเราะอย่างเบิกบาน “ฮัวเล่ย เจ้าคือดาวนำโชคของข้าจริง ๆ! มา ๆ ให้ข้ามอบรางวัลตอบแทนที่เจ้าให้ข่าวสำคัญกับข้ารวดเร็วขนาดนี้สักหน่อย! เจ้าเตรียมรับจูบจากข้าไปได้เลย!”
ชิวฮัวเล่ยถอยหลังหลบอย่างสง่างาม และพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างน่ารัก “อาซู ท่านควรรีบไปเตรียมตัว เวลาเป็นสิ่งมีค่า เราไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกเมื่อไหร่ถ้าพลาดโอกาสในครั้งนี้!”
“เจ้าพูดถูก!” แม้ว่าซูอันจะยิ้ม แต่ชายหนุ่มก็ยังสาปแช่งอยู่ในใจ ผู้หญิงคนนี้มักจะยัดเยียดตัวเองให้เขา แต่เขาไม่สามารถแม้แต่จะแตะต้องตัวนางได้เลย เขาเริ่มเบื่อหน่ายเกมแห่งพรหมจรรย์นี้ซะแล้ว
สุดท้ายนี้ก็แค่เรื่องล้อเล่น ข้าต้องรีบกลับไปจัดการกับเรื่องสำคัญให้ทันเวลา!
เขาออกจากหอสุขนิรันดร์อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ไว้วางใจข้อมูลของชิวฮัวเล่ยอย่างเต็มที่ และแอบอ้อมไปตรวจสอบแถวท่าเรือ
จากการสังเกตอย่างรอบคอบ ท่าเรือมีผู้คนพลุกพล่านมากกว่าปกติ ชายร่างกำยำหลายคนมองไปรอบ ๆ ตลอดเวลาขณะขนส่งสินค้า พฤติกรรมของพวกเขาน่าสงสัยอย่างยิ่ง
เขารีบกลับมาบอกฉู่ชูเหยียนทันที จากนั้นนางก็รีบบอกต่อข้อมูลนี้ให้พ่อและแม่ของนางฟัง
เมื่อฉู่จงเทียนรู้ข่าวนี้ก็ดีใจจนเนื้อเต้น เขาเตรียมส่งคนไปที่ท่าเรือทันที
ฉินหว่านหรูเตือน “แม้ว่ากลุ่มวาฬจะมีผู้บ่มเพาะไม่มาก แต่ก็มีกำลังคนจำนวนไม่น้อย ตระกูลฉู่อาจมีกำลังคนไม่เพียงพอที่จะจัดการกับสถานการณ์นี้ได้อย่างสมบูรณ์ เราควรเรียกกองทหารลาดตระเวนลำน้ำของซ่างเชียนให้มาร่วมด้วย นี่ควรจะเป็นงานของพวกเขาอยู่แล้ว และยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ซ่างหงเสนอให้เรา เราจะไม่ปล่อยให้พวกเขานั่งกระดิกเท้าเฉย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาก็ได้หน้าจากเรื่องนี้ด้วย!”
แม้ว่าตระกูลฉู่จะมีกองทัพส่วนตัว แต่การส่งกองกำลังเข้ามาในเมืองโดยไม่มีคำสั่งจากราชสำนักนั้นมันขัดต่อกฎหมาย
สภาพของฉู่ชูเหยียนก็ยังไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นทหารคุ้มกันบางคนจึงต้องอยู่แต่ในคฤหาสน์เพื่อปกป้องนาง ซึ่งหมายความว่าจำนวนกำลังคนที่พวกเขาสามารถเรียกออกไปใช้ได้ก็ลดน้อยลง
ฉู่จงเทียนเห็นด้วยกับเหตุผลของภรรยา “อาซู นำคนไปขอความช่วยเหลือจากผู้ตรวจการซ่าง ให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้!”
เขาตัดสินใจที่จะทิ้งกองกำลังส่วนใหญ่ของตระกูลฉู่ไว้ในคฤหาสน์ และมอบหน้าที่บุกตะลุยทั้งหมดให้กับคนของซ่างเชียน ซึ่งถ้าหากมีอะไรผิดพลาด เขาก็ยังมีบางอย่างไว้อ้างกับซ่างหงได้
และด้วยความกังวลว่าเฉินเซวียนจะพยายามลอบสังหารซูอันระหว่างทาง ตระกูลฉู่จึงส่งทหารคุ้มกันจำนวนหนึ่งออกไปพร้อมกับเขา
ขณะที่พวกเขาเดินทางไปที่จวนของซ่างเชียน ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจของซูอัน
ข้าสงสัยว่าซ่างเชียนจะสู้กับข้าทันทีไหมถ้าเขารู้ว่าข้าจับขาคู่หมั้นของเขา?
เจิ้งตานเป็นคนที่เข้าหาข้าก่อน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่ซ่างเชียนจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย
หืม…อย่าบอกนะว่าช่างเชียนมีรสนิยมแปลก ๆ?
หึหึ ข้าไม่รังเกียจเลยนะที่จะมีเพื่อนแบบนี้!