บทที่ 452 ถ่วงเวลา
บทที่ 452 ถ่วงเวลา
เดิมกองทหารลาดตระเวนลำน้ำถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นมาตรการป้องกันเหตุน้ำท่วม ซึ่งหากเกิดน้ำท่วมขึ้น พวกเขาต้องการกำลังคนจำนวนมากเพื่อซ่อมแซมคันกั้นน้ำ อีกทั้งยังมีความต้องการแรงงานในการตัดคลองเพื่อความสะดวกในการคมนาคมขนส่ง
แต่แล้วเมื่อท้ายที่สุดระบบคมนาคมพัฒนาไปอย่างสมบูรณ์ กองทหารลาดตระเวนลำน้ำก็เปลี่ยนหน้าที่มาเป็นรักษาความปลอดภัยของเส้นทางการค้าเลียบแม่น้ำ และกำจัดสัตว์อสูรที่ดุร้ายในบริเวณใกล้เคียงแทน
พื้นที่ของเมืองจันทร์กระจ่างเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้อย่างปัจจุบันเนื่องจากอุตสาหกรรมค้าเกลือ แต่ด้วยผลกำไรจำนวนมหาศาลจึงมีปัญหาการค้าเกลือผิดกฎหมายอยู่เสมอ ดังนั้นกองทหารลาดตระเวนลำน้ำจึงได้รับมอบหมายอีกหน้าที่หนึ่ง ซึ่งก็คือการปราบปรามพวกผู้ลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย และเมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนก็เรียกพวกเขาว่ากองทหารลาดตระเวนลำน้ำ
ภายในห้องลับของกองทหารลาดตระเวนลำน้ำ ผู้บัญชาการซ่างเชียนกำลังโค้งคำนับให้กับชายชราคนหนึ่งด้วยความเคารพ “แผนของท่านพ่อนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ แค่เพียงคำพูดไม่กี่คำท่านก็สามารถสร้างความขัดแย้งให้ระหว่างตระกูลหวางและตระกูลฉู่อย่างง่ายดาย”
ซ่างหงลูบเคราของตัวเองช้า ๆ “จะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง? ข้าคงจะประเมินฉู่จงเทียนต่ำไป ถ้านี่เพียงพอที่จะทำให้ทั้งสองตระกูลแตกหัก”
“เป็นไปได้เหรอที่ฉู่จงเทียนจะยังสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ได้?” ซ่างเชียนถามด้วยความอยากรู้
“เขาจะต้องคิดหามาตรการรับมือได้อย่างรวดเร็วแน่นอน แต่ก็ไม่สำคัญหรอก” ซ่างหงหัวเราะเบา ๆ “ใบอนุญาตแลกเปลี่ยนเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เท่านั้น มันยังมีกลอุบายมากมายที่ข้าได้คิดขึ้นมาแล้ว และรอใช้งานกับพวกเขาอยู่! เราจะตัดตระกูลหวางซึ่งเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นที่สุดของพวกเขาก่อน จากนั้นเราค่อยจัดการกับตระกูลฉู่ที่กำลังโดดเดี่ยว”
“ฮ่า ๆ แม้แต่อ๋องฉู่ผู้ยิ่งใหญ่ ก็ยังต้องหัวหมุนภายในกำมือพ่อของข้า!”
ซ่างเชียนหัวเราะลั่น
ซ่างหงส่ายหัว “ไม่ใช่ว่าฉู่จงเทียนไร้น้ำยาหรอก แต่ข้ามีทั้งจักรพรรดิและจักรพรรดินีอยู่ข้างหลังข้า นี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสามารถต่อต้านได้”
ซ่างเชียนบ่นในใจตัวเองว่าพ่อของเขาชอบพูดจาถ่อมตัวเองเสมอ เห็นได้ชัดว่าพ่อของตัวเองมีความสามารถ แต่พ่อกลับชอบยกความดีความชอบให้กับคนอื่น พ่อของเขาทำไม่ต่างอะไรกับพวกจอมยุทธฝ่ายธรรมะที่ถ่อมตัวเหลือเกิน…
“จริงสิ ท่านพ่อ ท่านเองก็ต้องดูแลร่างกายให้ของท่านดีด้วย เมื่อเร็ว ๆ นี้พวกพ่อค้าร่ำรวยในเมืองจันทร์กระจ่างได้ส่ง ‘สินค้าชั้นดี’ ของหอสุขนิรันดร์มาให้กับเราก่อนหน้านี้” ซ่างเชียนขยิบตาในขณะที่เขาพูด ทำให้พ่อของเขาแสดงออกอย่างรู้เท่าทัน
ซ่างหงกลอกตาให้ลูกชายของเขา “นี่เป็นเพราะเจ้าขุ่นเคืองเรื่องที่ข้าไม่ยอมให้เจ้าไปหอสุขนิรันดร์ในวันนั้นใช่ไหม? เจ้าถึงได้ย้อนข้าโดยการเรียกผู้หญิงเหล่านั้นมาให้แบบนี้?”
“ข้าไม่กล้า!” ซ่างเชียนก้มศีรษะทันทีเพื่อลุแก่โทษ แต่ในใจเขามีความคิดบางอย่าง
“ท่านพ่อซื่อตรงและซื่อสัตย์เสมอมา ท่านเป็นแบบอย่างที่น่าชื่นชมของข้าเสมอ”
“ตราบใดที่ข้าสามารถทำภารกิจที่จักรพรรดิมอบหมายให้สำเร็จได้ ชื่อเสียงภายนอกย่อมเป็นสิ่งไร้ความหมาย พ่อจะให้ความรู้กับเจ้าในวันนี้” ซ่างหงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “การมีชื่อเสียงที่ดีหรือมีความซื่อสัตย์นั้นไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง หากเจ้าต้องการเป็นขุนนางที่ยึดมั่นในหลักคุณธรรมและขาวสะอาด เจ้าต้องเป็นขุนนางที่มีเล่ห์เหลี่ยมมากกว่าพวกที่ทุจริตเหล่านั้น”
“ถ้าเจ้ายอมรับของขวัญจากตระกูลเหล่านั้น พวกเขาจะปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกของพวกเขา จากนั้นการขอความร่วมมือจะง่ายขึ้นมาก ซึ่งในขณะเดียวกันมันเหมือนเป็นการขจัดความกังวลที่ไม่จำเป็นออกไปทางอ้อม”
“งานที่เราได้รับมอบหมายในครั้งนี้คือ การจัดการกับตระกูลฉู่ และนำความมั่งคั่งของการค้าเกลือและเหล็กทั้งหมดกลับคืนสู่ราชสำนัก อย่างอื่นถือเป็นเรื่องรอง”
ซ่างหงโค้งคำนับด้วยความเคารพ “ท่านพ่อฉลาดยิ่งนัก”
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าพ่อของเขาเป็นพวกมือถือสากปากถือศีล
“รายงาน! นายน้อยของตระกูลฉู่ ซูอัน มาขอพบท่านผู้บัญชาการ!” ทหารคนหนึ่งรายงาน
“มันมาที่นี่ทำไม?” ซ่างเชียนขมวดคิ้ว เขาไม่ชอบขี้หน้าซูอันอย่างมากด้วยเหตุผลบางอย่าง
เมื่อคิดว่าคนพาลระดับต่ำนั้นมีภรรยาที่สวยราวกับเทพธิดาอย่างคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ เขาก็รู้สึกเหมือนกำลังมองเห็นดอกไม้ที่ปักอยู่บนก้อนขี้
และยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อนึกถึงตอนที่ซูอันได้รับเงินรางวัลจำนวนมากมาจากบ่อนของตัวเอง
“เจ้ากำลังปล่อยให้อารมณ์แสดงออกมาทางสีหน้ามากเกินไป! ข้าสอนเจ้าไปกี่ครั้งแล้วทำไมไม่เรียนรู้สักที!” ซ่างหงกล่าวด้วยความไม่พอใจ ลูกชายของเขายังเด็กเกินไป ไม่มีความสุขุมอย่างตัวเองเลยสักนิด “เจ้ารีบออกไปดูได้แล้วว่า ซูอันมาทำไม”
“รับทราบ!” ซ่างเชียนตอบกลับอย่างหม่นหมอง เป็นความผิดของไอ้ซูอันแท้ ๆ เลยที่ทำให้เขาถูกพ่อดุอีกครั้ง!
…
ซูอันกำลังรออยู่ในห้องโถง แต่ทันใดนั้นชายหนุ่มก็พบว่าตัวเองได้คะแนนความโกรธแค้นจากซ่างเชียน
ซูอันพูดไม่ออก อีกฝ่ายไปอารมณ์เสียมาจากไหนกัน? หน้ายังไม่ได้เจอกันก็มาแจกแต้มซะแล้ว?
หรือเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างข้ากับคู่หมั้นของเขา?
แต่นอกจากความสัมพันธ์ที่คลุมเครือเล็กน้อย รวมไปถึงการจับ ๆ คลำ ๆ อีกสองสามครั้ง มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากกว่านั้นนี่นา
นี่ข้ากำลังถูกมองผิดไปอยู่นะ!
ในขณะที่ชายหนุ่มปล่อยให้จินตนาการโลดแล่น ซ่างเชียนก็มาถึงในที่สุด “นายน้อยซู อะไรทำให้เจ้ามาที่กองทหารลาดตระเวนลำน้ำวันนี้?”
การที่ต้องเรียกอีกฝ่ายว่า ‘นายน้อยซู’ มันทำให้เขาอยากจะอ้วก คำว่า ‘นายน้อย’ จะเหมาะกับคนอย่างซูอันได้อย่างไร?
แต่พ่อของเขาบอกเสมอว่าอย่าปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำจิตใจ ถ้าเขาเรียกชื่อผู้ชายคนนี้ห้วน ๆ จะทำให้อีกฝ่ายระวังตัวมากกว่าเดิม ซึ่งมันไม่ได้เป็นผลดีเลยต่อแผนการของเขา
เขารู้สึกขัดแย้งในใจอย่างไม่น่าเชื่อ
“เราได้รับข่าวมาว่าคืนนี้จะมีการขนเกลือผิดกฎหมายจำนวนมากออกจากท่าเรือ ทางตระกูลฉู่ของเราต้องการให้ผู้บัญชาการซ่างเชียนช่วยนำคนของท่านออกไปปราบปรามผู้ค้าเกลือผิดกฎหมายเหล่านั้นให้หมดไปจากเมืองของเรา!” ซูอันรู้สึกไม่อยากเสียเวลากับชายผู้นี้มากสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงพูดเข้าประเด็นอย่างรวดเร็ว…
“เกลือผิดกฏหมาย?” ซ่างเชียนตกใจทันที “น้องซูเจ้าไปเอาข่าวนี้มาจากไหน? เหตุใดกองทหารลาดตระเวนลำน้ำของเราจึงไม่ได้รับข่าวเรื่องนี้?”
เขาพยักหน้าเล็กน้อยให้ลูกน้องของเขาขณะพูด ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อยเช่นกันก่อนจะเงียบไป
ซูอันและคนอื่น ๆ ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ เพราะที่นี่มีคนของกองทหารลาดตระเวนลำน้ำมากเกินไป แถมไม่คุ้นหน้าคนพวกนี้เลยสักคน
“ข้าไม่คิดว่าประเด็นสำคัญในตอนนี้คือที่มาของข่าวกรอง สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องรีบปราบอาชญากรเหล่านั้นให้เร็วที่สุดต่างหาก!”
เห็นได้ชัดว่าซูอันไม่ต้องการนำชิวฮัวเล่ยเข้ามาเกี่ยวในเรื่องนี้…
เดิมทีเขาต้องการประณามชายคนนี้และเยาะเย้ยว่า แม้แต่หอคณิกาก็มีข้อมูลที่ดีกว่ากองทัพของเจ้าที่รับผิดชอบการปรามปราบพวกค้าเกลือเถื่อนโดยตรงซะอีก
แต่หลังจากคิดพิจารณาแล้ว ตระกูลฉู่ก็ยังต้องพึ่งพาคนพวกนี้ในอนาคต ตอนนี้จึงไม่ตำหนิออกไปอย่างที่ใจคิด
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้า แต่เรื่องนี้มันสำคัญอย่างยิ่ง! หากเราล้มเหลวและทำให้พวกผู้ค้าเกลือผิดกฎหมายไหวตัวทัน นั่นจะทำให้ต่อไปพวกเราจะจับคนเหล่านั้นได้ยากยิ่งขึ้น” ซ่างเชียนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ข้อมูลของข้าน่าเชื่อถืออย่างแน่นอน ผู้บัญชาการซ่างเพียงแค่ต้องทำส่วนของท่านคือการไปจับพวกเขาก็พอ!” ซูอันแย้งกลับ ความมั่นใจนี้ไม่ได้มาจากความไว้วางใจในชิวฮัวเล่ยเพียงอย่างเดียว แต่ตัวเขาเองก็ได้สำรวจทุกอย่างแล้ว ดังนั้นจึงมั่นใจว่ามันไม่มีข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน
“ถ้าเป็นอย่างนี้ น้องซูกล้าออกคำสั่งทหารเองหรือไม่?” ซ่างเชียนลุกขึ้น การแสดงออกของเขาเริ่มจริงจัง
ดวงตาของซูอันหรี่ลง ชายหนุ่มส่ายหัวแล้วพูดว่า “ข้าไม่ใช่ทหาร ทำไมต้องไปยุ่งเกี่ยวกับคำสั่งทหารด้วย?”
แม้ว่าชายหนุ่มจะมั่นใจมาก แต่ก็ไม่ต้องการที่จะเสี่ยงโดยไม่มีเหตุผล
สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ
ผู้ชายคนนี้คงมีเจตนาไม่ดีแน่ ๆ ที่จู่ ๆ จะให้ข้าออกคำสั่งทหารเอง จริงไหม?
ซูอันขมวดคิ้วพลางคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็รู้สึกว่าเรื่องนี้อาจไม่ราบรื่นอย่างที่คิด
ซ่างเชียนหัวเราะและกล่าวว่า “น้องซูไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก ข้าแค่ต้องการคำยืนยัน เพราะการส่งกองกำลังไปไม่ใช่เรื่องเล็ก ข้าต้องรายงานต่อเบื้องบนเพื่อขออนุมัติ เพราะไม่งั้นหากเราออกคำสั่งเคลื่อนพลไปแล้ว แต่ท้ายที่สุดทุกอย่างจบลงโดยไม่ได้อะไรกลับมา ทุกคนตั้งแต่ระดับหัวหน้าไปจนถึงทหารระดับล่างจะต้องถูกลงทัณฑ์”
“เจ้าต้องขอความเห็นชอบจากเบื้องบนอีกงั้นเหรอ?” ซูอันตกตะลึง “แล้วทำไมเจ้าถึงยังมามัวเสียเวลาอยู่กับข้า? แล้วนี่ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะเดินเรื่องเสร็จ?”
ซูอันขมวดคิ้วแน่น จะมีที่ไหนเสียเวลาแบบนี้บ้าง? คนพวกนี้ช่างไร้ประสิทธิภาพอย่างยิ่ง! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมราชสำนักถึงไม่สามารถปราบปรามการค้าเกลือผิดกฎหมายได้หมดสักที
จากนั้น ซ่างเชียนก็พูดชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อถ่วงเวลา ซึ่งซูอันก็เพิกเฉยต่อเรื่องทั้งหมด
หลังจากนั้นไม่นาน ซูอันก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาลุกขึ้นและพูดว่า “ถ้าฝ่ายผู้บัญชาการซ่างไม่สามารถช่วยเหลือเราได้ ข้าจะให้คนในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ของข้าไปจับพวกอาชญากรเอง!”
ยิ่งเสียเวลามากเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสผิดพลาดสูงขึ้น และการติดอยู่ที่นี่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเป็นลางไม่ดี