บทที่ 453 ความบังเอิญที่น่าประหลาด
บทที่ 453 ความบังเอิญที่น่าประหลาด
“ได้โปรดอย่าใจร้อนน้องซู เดี๋ยวก็เสร็จ” ซ่างเชียนรีบเปลี่ยนหัวข้อเมื่อเห็นว่าซูอันใกล้หมดความอดทนแล้ว “นอกจากนี้ การจับกุมการค้าเกลือผิดกฎหมายก็เป็นความรับผิดชอบของกองทหารลาดตระเวนลำน้ำของเรา ดังนั้นข้าจะให้ท่านอ๋องฉู่แก้ปัญหานี้เองได้ยังไง? และยิ่งไปกว่านั้น หากท่านเจ้าเมืองได้ยินเรื่องนี้ ข้าคงจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงฐานบกพร่องต่อหน้าที่”
“ข้าจะรออีกสิบนาทีเท่านั้น! ถ้ายังไม่มีความคืบหน้า ข้าจะไปจัดการเอง!” ซูอันรู้ว่าฉู่จงเทียนส่งเขามาที่นี่เพราะต้องการแสดงว่าตระกูลฉู่ทำตามระเบียบการที่ควรจะเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูทางการเมืองมีข้อโจมตีตระกูลฉู่ได้
แต่ชายหนุ่มก็ไม่สามารถรอนานจนเกินไปได้ ถ้าผู้ค้าเกลือผิดกฎหมายเหล่านั้นหลุดรอดไปจริง ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะพังทลายลง
“นาที?” ซ่างเชียนไม่เข้าใจมาตรวัดเวลานี้เลย แต่เขาคาดเดาเจตนาของ ซูอันได้คร่าว ๆ “เราจะได้รับข่าวในไม่ช้า อดทนหน่อยนะน้องซู”
หลังจากทนทรมานรอต่อไปอีกสองสามนาที ในที่สุดซูอันก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาลุกขึ้นและออกเดินไปยังประตู
แต่แล้วโดยไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือว่าอย่างไร ทหารคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาพอดีและรายงานว่า “ท่านผู้บัญชาการ เราได้รับอนุมัติจากเบื้องบนแล้ว!”
ซ่างเชียนหัวเราะทันที “ดี! ถ้างั้นระดมพลเลย เตรียมออกเดินทาง!”
ทหารในพื้นที่ฝึกซ้อมของกองทหารลาดตระเวนลำน้ำเริ่มรวมตัวกัน แต่เมื่อซูอันเห็นว่าทหารเหล่านี้เคลื่อนที่ได้ช้าเพียงใด และเกราะของพวกเขาก็ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ซูอันก็ขมวดคิ้ว พวกนี้เป็นทหารหรือขอทานกันแน่?
เมื่อเห็นกองทัพในลักษณะนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกค้าเกลือผิดกฎหมายจะเติบโตขึ้นมากขนาดนี้
การแสดงออกของซ่างเชียนก็ดูไม่ค่อยพอใจนักและรีบอธิบาย “การฝึกซ้อมของเมื่อวานหนักหน่วงไปเล็กน้อย ข้าคิดว่าหลายคนคงจะยังไม่หายเหนื่อยดี”
จากนั้นซ่างเชียนก็คำรามใส่ผู้ใต้บังคับบัญชา “เร็วเข้า หยุดทำตัวอ่อนแอเหมือนผู้หญิงได้แล้ว! ทำตัวให้กระฉับกระเฉงหน่อยเร็ว!”
น่าเสียดาย ไม่ว่าเขาจะคำรามอย่างไร ทหารเหล่านี้ก็กระเตื้องขึ้นมาแค่เล็กน้อยเท่านั้น อันที่จริงพวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วมากกว่าเดิมเลย
การรวมพลใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมง
แต่ขอบคุณสวรรค์ที่ท้ายที่สุดพวกเขายังคงเคลื่อนขบวนไปได้
ซ่างหงมองดูกองทัพจากไปพลางสูบไปป์อย่างเงียบ ๆ ใบหน้าแหลมเล็กของเขาสั่นไหวตามปริมาณควันที่เพิ่มขึ้น
คลื่นแห่งความสับสนเกิดขึ้นในใจเขา “ซูอันรู้กำหนดการของพวกค้าเกลือเถื่อนได้ยังไง?”
ซูอันนำทหารคุ้มกันของตระกูลฉู่ และทหารของกองทหารลาดตระเวนลำน้ำไปที่ท่าเรือ
ด้วยความกังวลว่าพวกค้าเกลือเถื่อนได้หลบหนีไปแล้ว ซูอันจึงรู้สึกกังวลอย่างมาก ชายหนุ่มกระตุ้นให้ม้าพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง แต่แล้วเมื่อควบม้าไปได้ระยะทางครึ่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีเกี้ยวแล่นออกมาขวางถนน
ซูอันรีบดึงบังเหียนม้า และแม้ว่าม้าจะหยุดทันในวินาทีสุดท้าย แต่คนแบกเกี้ยวก็ตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้นเกี้ยวบนไหล่ของชายที่ล้มลงก็เอนไปด้านข้าง
“ว้าย…!” เสียงตกใจของหญิงสาวดังขึ้นจากภายในเกี้ยว!
หืม?
แม้จะเป็นเพียงแค่เสียงที่แสดงความตกใจของหญิงสาว แต่เสียงนี้ฟังดูค่อนข้างคุ้นเคย
แม้ว่าซูอันจะไม่ได้ชนเกี้ยวของนาง แต่การควบม้าอย่างบ้าคลั่งของเขาก็มีส่วนทำให้นางล้มลง ในฐานะที่เป็นคนที่มาจากโลกอารยะ เขาจึงไม่สามารถเพิกเฉยได้
เขารีบลงจากหลังม้าและถามขึ้นทันที “แม่นาง เจ้าเป็นอะไรมากหรือเปล่า?”
แม้ว่าน้ำหนักของเกี้ยวรวมไปถึงน้ำหนักของผู้ที่อยู่ด้านในเมื่อรวมกันแล้วมันจะไม่ใช่เบา ๆ แต่มันก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาอะไรมากสำหรับการ ซูอันที่จะช่วยพลิกมันกลับมาให้ตั้งดังเดิม
แต่น่าเสียดายที่ความตั้งใจดีของเขากลับทำให้สิ่งต่าง ๆ แย่ลงไปอีก มีเสียงของบางอย่างกระแทกกับด้านข้างของเกี้ยวอย่างแรง การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของเกี้ยวน่าจะทำให้คนด้านในสูญเสียการทรงตัวจนเกี้ยวโยกไปมา
“อา!!!”
นางพยายามจะปีนออกมาตามสัญชาตญาณ น่าเสียดายที่นางไม่สามารถตั้งตัวได้และหน้าคะมำออกมาแทน
“ระวัง!” ซูอันรีบเอื้อมมือออกไปพยุงนาง
บางสิ่งที่นุ่มนิ่มได้ตกลงในอ้อมแขนของเขาซึ่งทำให้เขาตกใจ
เขาได้พบกับใบหน้าที่งดงามแต่กำลังอยู่ในความไม่พอใจ คิ้วที่งามและจมูกที่งามสง่าของนางทำให้นางดูเหมือนเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ในราชสำนัก
“แม่นางเจิ้ง เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
รูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนี้ จะเป็นใครไปได้นอกจากเจิ้งตาน?
“อาซู ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?”
เจิ้งตานจำเขาได้ ใบหน้าของนางดูประหลาดใจเช่นกัน
“อะแฮ่ม…” เสียงกระแอมที่ไม่พอใจของซ่างเชียนดังมาจากข้างหลังพวกเขา “เจ้าสองคนคิดจะโอบกอดกันอีกนานแค่ไหน?”
ตอนนั้นเองที่ทั้งสองตระหนักว่ากำลังกอดกันอยู่ พวกเขาจึงกระโจนออกจากกันทันทีราวกับหยิบจับของร้อน
เจิ้งตานรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก
ซูอันเริ่มขุ่นเคือง ทำไมข้ารู้สึกเหมือนโดนจับได้ขณะมีชู้?
ข้าเพิ่งช่วยภรรยาของเจ้านะ! เจ้าควรจะขอบคุณข้าสิ!
ในใจของซ่างเชียนร้อนรุ่มราวไฟแผดเผา เจิ้งตานไม่ยอมให้เขาจับมือด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับมาใกล้ชิดสนิทสนมกับชายอีกคนหนึ่งที่เขาไม่ชอบขี้หน้าที่สุด!
อย่างไรก็ตาม ถึงนี่จะเป็นสิ่งที่เขาเคยบอกให้นางทำ แต่เมื่อได้เห็นกับตาตัวเอง ก็กลับรู้สึกเดือดดาลสุดขีดจนเกือบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่
“อาซู เจ้าจะรีบไปไหนนักหนา?” เจิ้งตานถาม ในที่สุดนางก็ตั้งสติได้ พลางพยายามจัดเส้นผมที่ยุ่งเหยิงโดยการเสยทัดไว้ข้างหลังใบหูของนาง
ทำไมเจ้าถามข้าแบบนี้? ข้าไม่ใช่คู่หมั้นของเจ้านะ!
แม้จะงง แต่ซูอันก็ยังตอบกลับ “ข้ามีเรื่องต้องจัดการ ไว้จัดการเสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่ข้าค่อยเล่าให้แม่นางฟังอีกทีก็แล้วกัน!”
หลังจากพูดจบ เขารีบกลับไปขึ้นขี่ม้าของเขาอีกรอบ
เจิ้งตานมองกองกำลังที่ตามมาอยู่ริบ ๆ “พวกเจ้ากำลังไปปราบปรามพวกลักลอบค้าเกลืออยู่ใช่ไหม?” นางถาม
ซูอันหรี่ตาลง “เจ้ารู้ได้ยังไง?’
เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับแล้วเหรอ?!
เจิ้งตานยิ้ม “เจ้าไม่ต้องคิดมาก กองทหารลาดตระเวนลำน้ำมีหน้าที่จับคนลักลอบค้าเกลือไม่ใช่เหรอ? รายได้ส่วนใหญ่ของตระกูลเจิ้งมาจากการค้าเกลือเช่นกัน ดังนั้นข้าจึงคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้”
คำตอบของนางช่วยคลายความสงสัยของซูอัน
“พาข้าไปด้วยสิ ตระกูลเจิ้งของข้าก็เกลียดพวกลักลอบค้าเกลือเช่นกัน” เจิ้งตานกล่าว “ข้าไม่เคยเห็นคนพวกนี้ถูกจับได้สักที คราวนี้ข้าจะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง”
“อย่าสร้างปัญหา เรากำลังจัดการเรื่องงานราชการ เราจะยอมให้ผู้หญิงมากับเราได้ยังไง?” ซ่างเชียนปฏิเสธคำขอของนางอย่างไม่พอใจ
เจิ้งตานยิ้ม “ขออภัยด้วยหากข้าพูดไม่ถูกใจท่าน แต่ข้ายังไม่ได้เข้าร่วมตระกูลซ่าง ฉะนั้นข้ายังไม่ใช่ผู้หญิงของตระกูลซ่าง แต่ยังเป็นลูกสาวของพ่อค้าเกลือ คราวนี้คำขอติดตามไปด้วยของข้าก็ฟังดูสมเหตุสมผลยิ่งขึ้นแล้ว ท่านว่าไหม?”
ดวงตาของซูอันเบิกกว้าง ในขณะที่เขาดูการแลกหมัดอย่างเท่าเทียมนี้ ปกติแล้วเจิ้งตานดูเรียบร้อยและสงวนกิริยาอยู่เสมอ ทำไมตอนนี้นางกลับทำสิ่งที่ราวกับถ่มน้ำลายใส่หน้าซ่างเชียนแบบนี้กัน?
แบบนี้จะไม่ทำให้นางหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเองหรอกเหรอ เพราะไม่ว่ายังไงในอนาคตนางก็ต้องแต่งกับคนที่นางกำลังเถียงอยู่?
หรือบางทีอาจเป็นเพราะข้าอยู่ตรงนี้นางก็เลยทำตัวแบบนี้เพื่อเอาใจข้า? เฮ้อ ช่างน่าปวดหัวจริง ๆ ข้าหล่อเกินไปจนกำลังทำให้อีกครอบครัวหนึ่งยุ่งเหยิงซะแล้ว!