บทที่ 423 บุกรุกเขตแดนอาจารย์อสูร

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 423 บุกรุกเขตแดนอาจารย์อสูร

บทที่ 423 บุกรุกเขตแดนอาจารย์อสูร

ท่ามกลางความเงียบสงัดบนสายธารแห่งความว่างเปล่า ไม่รู้เลยว่ากำแพงแห่งความตระหนักรู้เงียบสงบมานานเท่าใดแล้ว วันนี้รอยแตกมิติถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน

หลังจากครั้งล่าสุดที่พวกเขามาเพื่อให้กำเนิดอาจารย์อสูร เทพอสูรผู้แข็งแกร่งที่สุดในกำแพงตระหนักรู้รีบมาเยือนขอบเขตจิตสำนึกใกล้เคียง หลังจากทั้งหมดต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงและประสบความสูญเสียไปมาก พวกมันก็แยกย้ายกลับสู่เขตแดนของตนเองเพื่อจำศีล

ด้วยเหตุนี้ ทั้งหมดจึงถอนกองทัพเทพอสูรที่คุ้มกันพื้นที่แห่งนี้ ตอนนี้จึงเหลือเพียงปลาซิวปลาสร้อยรอบ ๆ บริเวณแห่งนี้เท่านั้น

เหล่าเทพอสูรตัดสินว่า ‘อาหาร’ อยู่อีกด้านหนึ่งของปราการตระหนักรู้ พวกมันไม่คิดโจมตีเขตแดนจิตสำนึกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตอนนี้พวกมันไม่คิดสนใจประตูข้ามผ่าน แต่หันมาสนใจกันและกันแทน

ดังนั้นสถานที่นี้จึงกลายเป็นพื้นที่อันสงบของอาจารย์อสูร และมีเพียงอสูรที่เกิดใหม่บางส่วนเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในแถบนี้

ดังนั้นเมื่อมีเรือเหาะสองสามลำพุ่งออกจากประตู ทั้งหมดก็ถูกทุบตีด้วยปืนใหญ่เซียนที่ติดอยู่บนเรือ อสูรเหล่านั้นไม่ทันได้ตอบสนองด้วยซ้ำ กระนั้นพวกมันยังคงเข่นฆ่ากันและกันโดยไม่คิดสนใจ

การโจมตีที่ทรงพลังของเรือเหาะในสายธารแห่งความว่างเปล่ากวาดล้างเขตแดนจิตสำนึกตรงหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นมีตาข่ายขนาดใหญ่ถูกเหวี่ยงออกมาเพื่อปิดกั้นทางแยกตรงประตูไว้ชั่วคราว

“ในด้านของจิตสำนึกที่นี่มีภูมิปัญญามากมายกระจัดกระจายอยู่ เฉพาะผู้ที่ถูกพวกเรากำจัดไปเท่านั้นที่ค่อนข้างไร้สติสัมปชัญญะ…”

ไป๋ชิวหรานยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะ เบื้องหลังของเขาคือภาพจำแลงเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน… อาณาเขตของมันค่อย ๆ แผ่กระจายออกจากใต้ฝ่าเท้าของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ทั้งหมดคือแนวคิดที่ถูกจัดการเสร็จสิ้นแล้วภายในเขตแดนจิตสำนึก

“อาจารย์อสูรเหล่านั้นไม่ได้มีจิตใจเป็นหนึ่ง ความจริงแล้วจากที่พวกเราค้นคว้า…อสูรที่ถือกำเนิดขึ้นมาล้วนเป็นศัตรูกัน และต่อสู้เพื่อกลืนกินอีกฝ่ายเป็นอาหาร”

เซียนที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวกับไป๋ชิวหราน

“ในขณะนั้น เมื่อบรรพชนสร้างอสูรของตนเองที่ด้านข้างของกำแพงตระหนักรู้ อสูรจะถูกความผันผวนของพลังมหาศาลภายในเขตแดนจิตสำนึกดึงดูด จากนั้นพวกมันจะเร่งรีบมาที่นี่”

“เจ้าหมายถึงพวกมันเริ่มต้นกันที่นี่งั้นหรือ?”

“เป็นเช่นนั้น… มันคือสภาวะปกติของอาจารย์อสูร”

ไป๋ชิวหรานมองออกไประยะไกลภายในความว่างเปล่า จากมุมมองของเหล่าเซียน พวกเขามองเห็นเขตแดนจิตสำนึกที่มีสีสันหลากหลายเชื่อมโยงกัน แต่หากมองในมุมของอาจารย์อสูร พวกเขาจะมองเห็นสิ่งที่ลอยอยู่ในเขตแดนจิตสำนึกและความว่างเปล่า มันคือเศษชิ้นส่วนเล็กน้อยจากสติสัมปชัญญะ

สติเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่สมบูรณ์ พวกมันเพียงแค่ต่อสู้ที่นี่ กินซากศพกันและกัน จากนั้นก็ดูดซับความคิดของอีกฝ่ายไป เช่นนี้พวกมันจึงไม่มีวิวัฒนาการใหม่ ๆ เกิดขึ้น

แต่การดูดซับเหล่านั้นก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์เลยซะทีเดียว สำหรับสติสัมปชัญญะและวิญญาณทั้งหลายล้วนเป็นอาหารอันโอชะ เหล่าอสูรจึงมองว่ามันมีไว้รับประทานเท่านั้น แต่หากอาจารย์อสูรที่วิวัฒนาการแล้วจะมองว่าเป็นอาหารที่ไม่อร่อย ซึ่งจะทิ้งไปโดยไม่คิดเสียดายของไร้ประโยชน์นี้

อย่างไรก็ตาม… ไป๋ชิวหรานยังคงปฏิเสธที่จะให้เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเร่งขยายอาณาเขต เศษเสี้ยวความคิดที่กระจัดกระจายในโลกใบนี้ถูกดูดกลืนเข้าสู่เขตแดนจิตสำนึกอย่างต่อเนื่อง

หลังจากซึมซับเศษเสี้ยวของแนวคิดเหล่านี้แล้ว เขตแดนของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานยังรวม ‘ความเป็นไปได้’ ของแนวคิดเหล่านี้ด้วย ซึ่งหมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่ในอนาคต เหล่าอสูรภายในเขตแดนจิตสำนึกของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานจะเข้าใจและควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้ ต่อให้ทำได้เพียงน้อยนิด แต่ก็ไม่มีส่วนใดตกหล่นหายไป

“ตั้งค่าย สร้างเมือง แล้วส่งคนออกไปค้นหาโลกวัตถุภายในโลกเหล่านี้”

ไป๋ชิวหรานออกคำสั่งทีละขั้นตอน

“รับทราบแล้ว”

หลังจากออกคำสั่ง… เรือลำเล็กแต่ปราดเปรียวก็แยกตัวออกจากกองเรือเหาะทันที โดยมีเซียนบางคนอยู่บนนั้น ทั้งหมดแล่นผ่านแผ่นดินข้ามไปอีกด้านหนึ่งเพื่อสังเกตการณ์ จากนั้นไม่นานระหว่างกำแพงแห่งความตระหนักรู้ เรือลำหนึ่งก็แล่นออกไปอย่างช้า ๆ จนมาถึงตำแหน่งสำคัญภายในโลกใบนี้ จากนั้นมีเซียนผู้เชี่ยวชาญในการกลั่นลมปราณนำหยกสมบัติศักดิ์สิทธิ์ออกมา และก่อนจะสร้างเปลวเพลิงปฐมกำเนิดให้ขัดเกลาสิ่งตรงหน้า เซียนอีกคนที่เชี่ยวชาญด้านอักขระจึงเริ่มจารึกทุกสิ่งไว้ด้วยอักขระลึกลับ

ไม่นานหลังจากนั้น ด่านหน้าความว่างเปล่าก็ปรากฏขึ้นด้านนอกของโลกนี้ ทั้งหมดเชื่อมต่อกันและกัน และยังก่อเกิดความสามารถในการป้องกันการปิดล้อม

หลังจากนั้น เรือเหาะก็เริ่มแล่นออกไปช้า ๆ อีกครั้ง โดยใช้เรือเหาะหกลำและเรือเหาะรบอีกหนึ่งลำนำขบวน… ทั้งหมดออกเดินทางพร้อมกันก่อนจะค่อย ๆ ประกบเข้าด้วยกัน

เหล่าเซียนพุ่งทะยานออกจากเรือ ก่อนจะร่ายเวทอย่างพร้อมเพรียง… ก่อเกิดเป็นค่ายอาคมขนาดใหญ่ก่อนจะถือกำเนิดเป็นแดนเซียน กำแพงของแดนเซียนแห่งนี้เต็มไปด้วยอักขระต่าง ๆ อย่างแน่นหนา และยังเต็มเปี่ยมไปด้วยป้อมปราการปืนใหญ่เซียนที่ดูทรงพลังยิ่ง

เมื่อเห็นว่าเหล่าเซียนทั้งหมดได้ก่อสร้างเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ไป๋ชิวหรานจึงออกคำสั่งกับนายเรือ หลังจากกล่าวจบแล้ว จึงเดินนำกลุ่มสตรีออกมาสู่โลกวัตถุของโลกใบนี้

เหล่าอาจารย์อสูรมีความรู้หรือสติสัมปชัญญะที่สามารถกัดเซาะและควบคุมโลกวัตถุ แต่พวกมันไม่ได้คิดที่จะก่อตั้งสำนัก

เหตุผลที่เทพอสูรโลหิตแห่งความตายและเทพอสูรแห่งการเสพสมสามารถก่อตั้งสำนักของตนเองขึ้นมาได้จริง ๆ แล้ว มันเป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น ดุจดังคลื่นลูกแรกที่ปรากฏ และกลืนกินทุกสิ่ง บรรดาผู้ที่สร้างจิตวิญญาณให้กับพวกมันถูกไป๋ชิวหรานปิดกั้น จากนั้นถูกบังคับให้อาเจียนเอาวิญญาณทั้งหมดที่กินเข้าไปออกมา แล้วพวกมันจึงกลับสู่เขตแดนแห่งจิตสำนึกเพื่อฟื้นคืนชีพ

ระหว่างการนับถอยหลัง ไป๋ชิวหรานก็ไม่ได้ปลดปล่อยให้เทพอสูรโลหิตแห่งความตายอยู่อย่างสุขสบาย ชายหนุ่มไม่ให้พวกมันรับอาหารใด ๆ ทั้งสิ้น

พวกมันทั้งสองไม่อาจออกจากเขตแดนจิตสำนึกเพื่อค้นหาอาหารได้ ดังนั้นพวกมันจึงต้องเลือกที่จะโน้มน้าวโลกวัตถุผ่านความฝันอย่างไม่เต็มใจ และก่อตั้งสำนักที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

นี่คือเขตแดนจิตสำนึกของอสูร ไม่มีอะไรจำกัดความสามารถของมันได้ เหล่าอาจารย์อสูรที่อาศัยอยู่ในเขตแดนยิ่งใหญ่แห่งนี้ พวกมันไม่มีความอดทนมากพอที่จะก่อสร้างสำนักใด ๆ

อย่างมากที่สุดก็เพียงเพื่ออาหาร พวกมันเลี้ยงสัตว์ไว้ในโลกวัตถุในฐานะ ‘เชลย’ แล้วค่อย ๆ ออกล่าอาหารเมื่อต้องการ

ต่างจากอาจารย์อสูร… ร่างจำแลงอาจารย์อสูรที่อยู่เคียงข้างกับเหล่าเซียนสามารถเผยแพร่คำสอนภายในโลกวัตถุได้ รวมถึงสิ่งมีชีวิตในโลกกายภาพของโลกวัตถุ จากนั้นอาจารย์อสูรเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานจะพัฒนาโลกวัตถุอย่างรวดเร็วเพื่อเสริมกำลังของมัน อีกทั้งความเชื่อของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ยังสามารถย้อนกลับมาหาเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานได้อีกด้วย

เหล่าเซียนสามารถเลือกที่จะรวมพลังกับสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุได้อย่างสมบูรณ์… พวกเขาจะหาอาหารได้เทียบเท่ากับเหล่าอสูร

ดังนั้นแผนของเล่อเจิ้นเทียนคือเหล่าเซียนจะต้องออกสำรวจทุกย่างก้าว ขั้นแรกในสร้างปราการป้องกัน จากนั้นก็ออกสำรวจ และขยายขอบเขตของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานให้กว้างไกลออกไป

ด้วยวิธีนี้ ทุกสิ่งจะค่อย ๆ กัดเซาะไปที่ส่วนลึกของเขตแดนจิตสำนึก

“ออกเดินทาง!”

ไป๋ชิวหรานออกจากเรือเหาะพร้อมกับกวัดแกว่งกระบี่ของเขาเพื่อเปิดทางเข้าสู่โลกวัตถุ ก่อนจะเข้าไปในโลกใบนั้นพร้อมกับเจียงหลาน และคนอื่น ๆ รวมถึงเหล่าเซียนที่รับผิดชอบในการเผยแพร่คำสอนหรือฝ่ายค้นคว้า

หลังจากก้าวเข้าสู่โลกวัตถุ… ทรายและฝุ่นพลันระเบิดใส่ใบหน้าของไป๋ชิวหราน! เขายกมือขึ้นพร้อมปลดปล่อยพลังปราณแก่นแท้ในร่างกายเพื่อปกป้องตนเองและกลุ่มคนที่เดินตามมา หลังจากนั้นทั้งหมดก็เงยหน้าขึ้นเพื่อมองโลกวัตถุตรงหน้าอย่างพิจารณา

ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือทะเลทรายอันแห้งแล้ง เต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าอึดอัด เงียบสงัด และไร้ซึ่งลมหายใจของสิ่งมีชีวิต