ตอนที่ 307 เป็นราชินีผู้โดดเด่น (1)
นางเปิดเผยตัวเองได้อย่างไร?
เสียงที่ส่งผ่านข้อความเสียงมาเมื่อครู่นี้ เป็นเสียงของเทพแห่งท้องทะเลทักษิณที่คุ้นเคยอย่างแน่นอน
คำว่า ‘เหวิน’ ที่กล่าวเสียงเรียบอย่างไม่แยแสนี้ ทำให้ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงใจสั่นสะท้านขึ้นมาทันที
นางไม่รู้ว่าเทพแห่งท้องทะเลกำลังกล่าวถึงนาง หรือยุงกันแน่ มันให้ความรู้สึกแตกต่างกันมาก… ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงซ่อนตัวอยู่ในรอยแยกของก้นทะเล และสงบใจลงในทันที ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงยามนี้ นางได้เห็นพายุและคลื่นลูกใหญ่มากมายเกินไป ย้อนกลับไปในเวลานั้น นางยังได้…สังเกตเห็นการต่อสู้นองเลือดในทะเล…จากระยะไกล!
บัดนี้ ตัวตนของนางถูกเปิดเผยโดยไม่รู้ตัวแล้ว นอกจากจะรู้สึกผิดแล้ว นางยังรู้อีกด้วยว่า เทพแห่งท้องทะเลทักษิณซึ่งเป็นคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินได้จับกุมและควบคุมความเป็นตายของนางเอาไว้ในมือแล้ว นั่นคือ เหตุผลที่นางรู้สึกสับสนเล็กน้อย… ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงตอบสนองอย่างรวดเร็ว นางรู้สึกว่าเทพแห่งท้องทะเลผู้ชั่วร้ายอาจกำลังหลอกลวงนาง
นางได้ยินเขากล่าวอีกครั้ง… “หากเจ้ายังทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้อีก ข้าจะรายงานไปที่วังดุสิต และขอให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ลงทัณฑ์เจ้า” จู่ๆ การส่งข้อความเสียงครั้งที่สองก็ทะลุเข้าไปในหัวใจของหุ่นเชิดผู้แข็งแกร่ง ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงอดจะยิ้มแหยๆ ออกมาไม่ได้
นางถูกเปิดเผยแล้วจริง ๆ และยังถูกเปิดเผยอย่างละเอียดจนหมดเปลือกอีกด้วย! มีข้อบกพร่องใด ข้าเปิดเผยตัวเองได้อย่างไรกัน? หุ่นเชิดถอนหายใจ แล้วหันหลังกลับ พร้อมกับประสานมือคารวะออกไปทั่วทุกทิศทุกทาง พลางเผยรอยยิ้มกระดากอายออกมาเล็กน้อย
ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงกำลังจะใช้หุ่นเชิดนี้ชี้แจงสักคำสองสามคำ แต่ก่อนที่นางจะทันได้เอ่ยอันใด ร่างจำแลงของเทพแห่งท้องทะเลที่ซ่อนตัวอยู่ที่ใดสักแห่งก็ได้ส่งข้อความเสียงที่สามออกมา… “อย่าพูดอะไรพล่อยๆ ให้หุ่นเชิดตัวนี้ กลับทะเลทักษิณและไปพบข้าที่เมืองอันสุ่ย”
เมื่อได้ยินข้อความเสียงนั้น ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงก็ทำได้เพียงยิ้มฝืดเฝื่อนออกมา เวลานี้ ไม่เพียงแต่นางจะถูกเปิดเผยตัวตนเท่านั้น แต่นางยังถูกอีกฝ่ายจัดแจงเตรียมการมาอย่างชัดเจนอีกครั้งด้วย…
นางสู้ไม่ได้ ไม่อาจสู้ได้เลยจริงๆ
ข้าผ่านอะไรมามากมาย แล้วข้าจะทำอะไรหลังจากนี้?
นางรู้ชัดเจนดีว่า ในด้านการวางแผนคิดค้นกลอุบายนั้น นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทพแห่งท้องทะเล ดังนั้น จึงไม่อาจโจมตีเทพแห่งท้องทะเลได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม นางก็ยังคงขุ่นเคืองอยู่ลึกๆ … ข้าควรจะทำอย่างไรต่อไป?
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นางจะได้มาอยู่ฝ่ายสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน นางเป็นราชินีผู้โดดเดี่ยวและไร้กำลังซึ่งถูกโลกบรรพกาลทอดทิ้ง ในไม่ช้า นางก็จะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ แล้วไฉนสิ่งต่างๆ…
แน่นอนว่า ในยามนี้ นางเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง
หากนางอยากถามคำถามกับเทพแห่งท้องทะเล ก็ย่อมจะถามว่า ‘เหตุใด?’
ข้าเปิดเผยตัวตนของข้าได้อย่างไร? ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงมึนงง เดิมทีนางเคยคิดว่า แม้นางจะไม่พบร่างจริงของเทพแห่งท้องทะเลทักษิณ แต่นางก็ไม่อาจเปิดเผยตัวเองได้ ดังนั้น นางจึงไม่รอช้าที่จะไปทะเลทักษิณด้วยตัวเอง และควบคุมหุ่นเชิดยุงเลือดที่นางฝึกฝนมาเป็นเวลานานตัวนี้ในระยะใกล้ นางไม่คิดว่า ในที่สุด ตัวตนของนางจะยังถูกเปิดเผยได้
เทพแห่งท้องทะเลทักษิณ ยังคงเป็นเทพแห่งท้องทะเลทักษิณ ที่มีคำว่า “มึนงง” ถูกสลักเอาไว้อยู่ทั่วร่างกายของเขา
ช่างเถิด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าพ่ายแพ้ให้เขานี่ และข้ายังอาจต้องยอมเสียหน้าของข้าเช่นกัน
ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงถอนหายใจเบาๆ จากนั้นร่างหลักของนางก็กลายเป็นยุงเลือดและปกปิดกลิ่นอายลมปราณทั้งหมดในร่างของนางก่อนจะรีบลอบไปที่วิหารเทพทะเลในเมืองอันสุ่ยอย่างลับๆ ส่วนหุ่นเชิดยุงเลือดที่แบกผีเสื้อไปนั้น นางก็ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเทพแห่งท้องทะเล ในขณะนั้น นางก็รีบพุ่งไปที่ทะเลทักษิณด้วยท่าทีราวกับเดือดดาลอย่างยิ่ง แล้วล่าถอยไปชั่วคราว…
เชอะ เขาหลอกข้าจริงๆ
ในหอไป่ฝานแห่งยอดเขาพิชิตสวรรค์ หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะนี้ เขารู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เขายืนขึ้นและอำพรางตัวชั้นนอกเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เขายังไม่อาจฝ่าทะลวงเข้าไปในขอบเขตเล็กๆ ได้อย่างสมบูรณ์ ใบหน้าของเขาจึงเต็มไปด้วยความเสียใจ
หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับให้ผู้อาวุโสฝ่ายดูแลกิจการภายนอกทั้งสองคนแล้วเดินก้มศีรษะออกมาจากหอไป่ฝาน
หลังจากนั้น เขาก็ขี่เมฆบินจากไป ในขณะนั้น เหล่าผู้อาวุโสที่ได้รับปลาวิญญาณและเนื้อสัตว์ ซึ่งสนิทกับหลี่ฉางโซ่ว ล้วนอยากให้กำลังใจเขา แต่เมื่อเห็นสีหน้าหม่นหมองของหลี่ฉางโซ่ว พวกเขาพูดอะไรไม่ออก… มันยากนักที่จะปลอบโยนเขาในเรื่องเช่นนี้
เมื่อออกมาจากหอไป่ฝาน หลี่ฉางโซ่วก็ยังคงแสดงท่าทีเศร้าซึม แต่ความคิดในใจของเขาสับสน … เป็นไปได้หรือไม่ว่า เมื่อผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงทรยศสำนักบำเพ็ญประจิม นางก็ยังทรยศสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินด้วยเช่นกัน?
หากเป็นเช่นนี้ ปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพอาจชี้แนะบางอย่างให้ข้าได้ แต่อย่างไรเสีย ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงก็เกี่ยวข้องกับแผนการครั้งใหญ่ที่ข้าจะใช้กับสำนักบำเพ็ญประจิมในภายหน้าด้วย
หรือว่า ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงไม่พอใจข้า เทพแห่งท้องทะเล และต้องการค้นหาร่างจริงของข้า? นางอยากค้นหาจุดอ่อนเพื่อจะสามารถควบคุมกันและกันได้ แล้วนางจะได้มีอำนาจมากขึ้นหรือไม่? จากการสังเกตในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ของหลี่ฉางโซ่ว เขาคิดว่ามีความเป็นไปได้มาก ความจริงแล้ว ก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะกล่าวออกไป เขาก็ไม่ได้ระบุขัดเจนออกไปตรงๆ ว่าเป็นผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิง เขาสัมผัสได้ถึงองค์ประกอบบางอย่างและเกิดความสงสัยบางอย่างในใจ…ซึ่งหนึ่งในองค์ประกอบหลักนั้นก็คือ หุ่นเชิด
เมื่อไม่กี่วันก่อน หลี่ฉางโซ่ว ได้ค้นพบว่าชายร่างใหญ่กำยำที่เป็นเซียนเทียนขั้นสูงสุดนั้น ดูเหมือนว่า เขาจะถูกใครบางคนควบคุมอยู่ แม้การกระทำของอีกฝ่ายจะมีข้อบกพร่องไม่มากนัก แต่หลี่ฉางโซ่ว ผู้เก่งกาจในการใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ย่อมรับรู้ได้จากรายละเอียดต่างๆ และมองออกว่า อีกฝ่ายหนึ่งน่าจะเป็นหุ่นเชิด
ตัวอย่างเช่น ดวงตา และการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของหุ่นเชิด
ในโลกบรรพกาลนี้ มีหลายวิธีในการควบคุมจิตใจของผู้อื่น หลี่ฉางโซ่วไม่แน่ใจว่า นั่นเป็นหุ่นเชิดยุงเลือดหรือไม่… ทว่าการกระทำของอีกฝ่ายในช่วงเวลานั้น ดูผิดวิสัยไปจริงๆ… ทุกครั้งที่หุ่นเชิดลงมือโจมตี มันจะต้องหลอกล่อให้ร่างจำแลงของเขาออกมา แต่จะถอยกลับไปเมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ มันจะไม่ลงมือโหดเหี้ยมหรือสังหารร่างจำแลง
อีกฝ่ายหนึ่งยั่วยุให้มนุษย์สร้างปัญหา แต่จะเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย มันไม่ได้สังหารผู้ใด และกลัวได้รับกรรมร้ายมาก
ทุกครั้งที่หุ่นเชิดปรากฏตัวขึ้นในวิหารเทพทะเล มันจะวิ่งหนี ดูเหมือนว่ามีความผิดเล็กน้อย… หลี่ฉางโซ่วทำรายการตัวเลือกออกมาในใจ และในขณะที่เขากำลังทำการตัดตัวเลือกออกไปได้เพียงครึ่งทาง เขาก็คิดขึ้นมาได้ในทันทีว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่า ยุงเลือดกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่?
ดังนั้น หลังจากลังเลอยู่สองวัน หลี่ฉางโซ่วจึงตัดสินใจหลอกอีกฝ่าย… เขาครุ่นคิดพิจารณาอย่างรอบคอบถึงถ้อยคำที่เขากล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงออกไปซ้ำๆ เหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาเรียกนางว่า ‘เหวิน’ ซึ่งหากอีกฝ่ายมิใช่ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิง นางก็ย่อมจะไม่เปิดเผยความจริงออกมาตรงๆ ว่า รู้จักผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิง และปกป้อง ‘ศิษย์ผู้โดดเด่น’ ที่ซ่อนตัวอยู่ในสำนักบำเพ็ญประจิม
หากอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงจริงๆ เช่นนั้น เพียงใช้คำว่า ‘เหวิน’ หรือ ‘ยุง’ ก็สามารถเน้นได้ว่า ในเวลานี้ นางทำให้เขาโกรธแล้ว และพยายามทดสอบเบื้องต้นว่า นางได้ทรยศต่อสำนักเป็นครั้งที่สองหรือไม่…
มันเป็นเพราะปฏิกิริยาจากจิตใต้สำนึกของหุ่นเชิดร่างแกร่งกำยำผู้นั้นที่ทำให้หลี่ฉางโซ่วมั่นใจได้ว่า อีกฝ่ายคือ ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิง อีกฝ่ายตกใจและตื่นตระหนกอยู่ครู่หนึ่ง นางไม่เชื่อว่า แม้นางจะอยู่ในสภาพเช่นนี้ แต่เขาก็ยังคงรู้ว่าเป็นนางได้… คำพูดสุดท้ายของหลี่ฉางโซ่วนั้น เป็นเพียงการยืนยันตัวตนของหุ่นเชิดเพื่อที่เขาจะได้เตรียมการบางอย่างได้ บัดนี้ ปราณสัมผัสของหลี่ฉางโซ่วได้กลับมาเป็นปกติแล้ว เขาไม่รู้สึกถึงภัยอันตรายใดๆ มากล้ำกรายอีกต่อไป แต่ก็ยังไม่กล้าลดความระมัดระวังลง
ไม่ง่ายเลยที่จะปราบยุงตัวนั้น ช่างลำบากจริงๆ!
ในเวลานี้ เรื่องที่เขาต้องการยืนยันให้แน่ชัดอย่างเร่งด่วนก็คือ ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงได้ทรยศต่อสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินหรือไม่
ความจริงแล้ว วิธีการตัดสินใจนั้นง่ายมาก
หลังจากนี้ หากผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงใช้ร่างหลักของนาง หรือหากนางใช้พลังเวทยุงเลือดเพื่อรีบไปที่วิหารเทพทะเล นั่นก็ย่อมหมายความว่า มีโอกาสกว่าหกส่วนที่ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงจะยืนอยู่ฝ่ายสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน
แต่หากหุ่นเชิดบุรุษที่อยู่ในร่างแกร่งกำยำนั้นมา มันก็น่าคิดว่า…
จากนั้น ร่างหลักของหลี่ฉางโซ่วก็กลับมาที่หอโอสถแห่งยอดเขาหยกน้อย เขาเปิดใช้งานค่ายกลต่างๆ รอบตัวเขาทันที แล้วตรวจสอบอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ใช้ต้านการถูกหยั่งรู้บนร่างกายของเขา
ในขณะนั้น เขาค้นพบยุงที่กำลังบินส่งเสียงดังหึ่งๆ ในวิหารหลักเทพทะเลได้ มันมาถึงค่อนข้างรวดเร็ว แล้วร่างจำแลงของหลี่ฉางโซ่วที่ซ่อนอยู่ในค่ายกลใต้ดิน ก็แผ่สัมผัสเซียนรับรู้ออกไปตรวจสอบ
บัดนั้น เรือนร่างเย้ายวนก็ปรากฏขึ้นที่ห้องโถงด้านหลังของวิหารเทพทะเล ร่างของนางถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ ทว่าหลี่ฉางโซ่วซึ่งฝึกบำเพ็ญมานานหลายปีในชีวิตก่อนหน้านี้ ก็ได้ใช้ “สายตาทะลวงหล้า”
………………………………………………………………..