ตอนที่ 308 เป็นราชินีผู้โดดเด่น (2)
นอกจากนี้ เขายังใช้ทักษะการมองผ่านชั้นหมอกและได้เห็นสตรีเปี่ยมเสน่ห์สวมชุดกระโปรงผ้าโปร่งบางสีโลหิต กลิ่นอายปีศาจที่ซ่อนเร้นอยู่ในกระดูกของนาง ทำให้หลี่ฉางโซ่วสัมผัสได้ถึงพลังสะกดข่ม…
น่าจะเป็นร่างหลักของยุง แต่ไฉนนางจึงแต่งกายเปิดเผยเช่นนี้
ในเวลานั้น ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงมองไปรอบ ๆ เพื่อมองหาเทพแห่งท้องทะเลทักษิณ ทว่านางกลับได้ยินเพียงประโยคเดียวเท่านั้นว่า “เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วไปรอข้าที่ห้องอักษรในหอทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ”
ทันใดนั้น ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงก็ขมวดคิ้วด้วยรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย เสื้อผ้าของข้าไม่เหมาะสมอย่างไรกัน?
แต่หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวผ่านข้อความเสียงมาอีกครั้งว่า “ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อาจเฝ้ามองดูสถานที่แห่งนี้ได้ตลอดเวลา”
ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงหันกลับฉับพลัน แล้วสร้างชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงินเข้มออกมาในทันที พร้อมกันนั้น นางก็เปลี่ยนทรงผมเป็นทรงเมฆที่มักพบเห็นได้ทั่วไปในหมู่สตรีแห่งโลกบรรพกาล
จากนั้น นางก็หายวับไปแล้วรีบไปปรากฏกายขึ้นที่หอแห่งนั้น
หลี่ฉางโซ่วตะลึงงัน …
เอ่อ ยุงตัวนี้สนใจปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ หรือนี่?
จ้าวกงหมิง จอมหลอกลวงแห่งโลกบรรพกาลเริ่มขับขานเรื่องราวความรักกับเทพธิดาจินกวง ศิษย์น้องหญิงของเขาในขณะที่สัตว์ร้ายแห่งโลกบรรพกาลที่ดุร้าย ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงกำลังไล่เกี้ยวปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูอย่างเห็นได้ชัด? ช่างน่าขันยิ่ง
ตายล่ะ นี่มันละครเรื่องใดกัน… เรื่องราวต่างๆ ในโลกบรรพกาลนี้ช่างเกินความคาดหมายของหลี่ฉางโซ่วมากขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ
แค่กๆ มาคุยเรื่องงานจริงจังกันเถิด
ไม่นานหลังจากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ปลอมตัวเป็นนักพรตเต๋าเซียนชราคนหนึ่งก็ได้โผล่ออกมาจากคลังเก็บตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ใต้ดินและมุ่งหน้าไปยังหอแห่งนั้น
เมื่อได้พบกับผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ไม่เผยสีหน้าท่าทีโกรธเคืองหรือไม่พอใจใดๆ เขายังคงแย้มยิ้มอย่างใจดีราวกับว่าไม่ใช่คนที่เคยถูกก่อกวนให้รำคาญใจใดๆ มาก่อนหน้านี้
ในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วนั่งอยู่หลังโต๊ะขณะที่ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงก็สลายหมอกรอบๆ ตัวพลางแย้มยิ้มทรงเสน่ห์อย่างที่เคยเป็นอยู่เสมอ
“นั่งลงเถิด” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบ
“ไม่ ข้าจะยืน” ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงกล่าวเบา ๆ หลี่ฉางโซ่วพลันจ้องมองไปที่ดวงตาหงส์ที่มีเสน่ห์ของผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิง เขายังเปิดใจกว้าง คงหัวใจเต๋าให้แจ่มกระจ่าง และพยายามไม่ใส่ใจต่อแรงกดดันที่ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงส่งมาให้เขาอย่างเต็มที่ ในขณะนั้น ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงและตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว ต่างก็มองหน้ากันและกัน ไม่นานหลังจากนั้น นางก็ถอนหายใจเบาๆ และลังเลที่จะเอ่ยอะไรบางอย่าง หลี่ฉางโซ่วจึงยิ้มและกล่าวว่า “สหายเต๋า เจ้าไม่พอใจข้าอยู่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว” ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงเชิดคางขึ้นเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “อย่างไรเสีย ข้าก็เป็นราชินีแห่งเผ่าพันธุ์ของข้า แล้วท่านก็สยบข้าด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ แต่ในใจข้า ข้า…”
“แล้วอย่างไร?”
“ข้า… ก็ช่างมันเถิด!”
ทันใดนั้น ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงก็ถอนหายใจทันทีแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ ๆ
จากนั้น นางก็รีบกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบว่า “เป็นข้าเองที่คิดคดเคี้ยว เพียงอยากกลั่นแกล้งร่างหลักของท่าน เป็นเพราะเมื่อสองสามวันก่อน ข้าได้รับคำสั่งจากสำนักบำเพ็ญประจิม พวกเขาขอให้ข้าใช้ผีเสื้อสยบวิญญาณเพื่อค้นหาร่างหลักของท่านแล้วลอบกำจัดท่านอย่างลับๆ”
ในยามนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วพยักหน้ารับรู้อย่างสงบขณะที่ร่างหลักในห้องลับใต้ดินแห่งยอดเขาหยกน้อยพลันขมวดคิ้วมุ่น
แผนพเนจรของยอดเขาหยกน้อยไม่อาจพลาดได้แม้เพียงสักวันจริงๆ!
จากนั้น ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงก็กล่าวขึ้นอีกครั้งว่า “ข้าไม่คิดจะทำร้ายท่านจริงๆ ท่านกำลังกำชีวิตในอนาคตของข้าเอาไว้ในมือ…ข้าเพียงแค่อยากใช้วิธีอื่นตอบโต้ท่านบ้าง ”
หลี่ฉางโซ่วจึงกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ตอนนี้ข้าเชื่อคำพูดของเจ้าได้เพียงห้าส่วนเท่านั้น”
บัดนั้น ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็รู้ว่านี่เป็นผลเลวร้ายจากการกระทำของนางเอง
นางจึงกระซิบว่า “ข้าขอสาบานเหมือนครั้งก่อนเพื่อพิสูจน์ว่าข้าไม่ได้ทรยศท่าน”
“ได้สิ เจ้ารอสักครู่” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบ จากนั้นจึงหยิบพู่กันและหมึกที่ด้านข้างขึ้นมาก่อนจะเขียนอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขียนคำปฏิญญาต้าเต๋าพันคำอย่างง่ายๆ จากนั้นก็ใช้พลังเซียนผลักไปให้ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิง
ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงเงียบงันทันที
ไม่นานหลังจากนั้น อักขระเต๋าแห่งเต๋าสวรรค์ก็ลงมาถึงแล้วถอยกลับไป
ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงยังคงนั่งอยู่ที่นั่นอย่างทำอะไรไม่ถูก ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
นางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มขื่นว่า “มีบทลงโทษอื่นอีกหรือไม่?”
“อย่าพูดว่าลงโทษเลย” หลี่ฉางโซวยิ้ม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต หลี่ฉางโซ่วจึงตัดสินใจใช้กลอุบายบางอย่าง… หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เป็นข้าเองที่ละเลยต่อความคับข้องใจของเจ้า นี่ก็เป็นความรับผิดชอบของข้าเช่นกัน ในภายหน้า หากสหายเต๋าเหวินจิงมีอะไรอึดอัดในใจอีก ก็มาบอกข้าได้ เหวินจิง ข้ารู้ว่าในยามนี้ เจ้ามีเรื่องเคืองแค้นต่อสวรรค์และปฐพีและยังคับข้องใจในเต๋าสวรรค์ แต่สิ่งมีชีวิตที่ดำรงอยู่ในโลกนี้ ก็ยังมีการแสวงหาสิ่งอื่นๆ อีกมากมายนอกเหนือไปจากการอยู่รอดแล้ว เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า เหตุใดเจ้าถึงยังคงชีพอยู่?”
ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวว่า “การอยู่รอดเป็นธรรมชาติแห่งชีวิต หากกลัวความตาย ก็ต้องแสวงหาการอยู่รอด”
“ไม่หรอก” หลี่ฉางโซ่วค่อยๆ ส่ายศีรษะช้าๆ และกล่าวอย่างจริงจังว่า “วันนี้ ข้าจะบอกคำศัพท์ใหม่สามคำให้เจ้าฟัง”
ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงพลันถามอย่างสงสัยว่า “มีคำศัพท์ใหม่ที่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือ?”
“แน่นอน” หลี่ฉางโซ่วยกพู่กันขึ้นมาแล้วเขียนอักษรสามบรรทัดสิบสองคำลงบนกระดาษแผ่นบางล้ำค่าตรงหน้าเขา
ข้ามีค่า
เติมเต็มความปรารถนา
แสวงหาชีวิต
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วกล่าวช้าๆ โดยใช้คำพูดให้กำลังใจพนักงานเมื่อเขาเปิดบริษัทในชาติก่อน เขาผสมผสานพวกมันให้เข้ากับหลักการฝึกบำเพ็ญในโลกบรรพกาลและชี้แจงให้ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงฟังอย่างละเอียด หลังจากนั้นไม่นาน ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงก็สนใจในเต๋าและธรรมะของหลี่ฉางโซ่ว นางยืนขึ้นและเดินไปที่โต๊ะเงียบ ๆ เพื่อฟังเขากล่าว… นั่นเป็นประสบการณ์ชีวิตของหลี่ฉางโซ่วในชีวิตชาติก่อนของเขา
หากเขาต้องการให้พนักงานรุ่นเยาว์ทำงานมากขึ้นโดยไม่ต้องจ่ายเงินเดือนสูงๆ เขาก็จะพูดคุยถึงอุดมคติของเขากับพวกเขาเหล่านั้น
หากเขาต้องการให้จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ของบริษัทแสดงความสามารถที่ยังมีอยู่ให้เต็มที่โดยไม่ต้องการเลื่อนขั้นหรือขึ้นเงินเดือนให้พวกเขา เขาก็จะพูดถึงเรื่องการตระหนักในคุณค่าของตัวพวกเขาเอง
ในทางกลับกัน ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงผู้นี้เป็น ‘ผู้มีพรสวรรค์’ ที่สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินต้องการ และขณะนี้ นางก็ยังรู้สึกขุ่นเคืองผู้บังคับบัญชาชั่วคราวของนางอยู่เล็กน้อย…
นั่นคือพื้นฐานของสองบรรทัดแรก เขาต้องเล่นสงครามจิตวิทยาและพูดคุยถึงมิตรภาพบนพื้นฐานของสองบรรทัดแรกนั้น
ในชีวิตก่อนหน้านี้ หลี่ฉางโซ่วชื่นชมนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งอย่างมาก ซึ่งสามารถเรียกได้ว่า เขาได้ส่งมอบพนักงานผู้มีความสามารถให้กับสังคม
วันนี้เขาไร้ยางอาย เขาต้องปลูกฝังความคิดบางอย่างเอาไว้ในใจของผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในภายภาคหน้า!
กว่าจะรู้ตัวก็ถึงยามค่ำคืนดึกดื่นแล้ว… ดวงตาของผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงสุกสกาวราวแสงดาวขณะแย้มยิ้ม นางโค้งคำนับให้เทพแห่งท้องทะเลผู้ชราแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณสหายเต๋าที่ให้ความกระจ่างแจ้งแก่ข้า”
“ไปเถิด” หลี่ฉางโซ่วโบกมือแล้วกล่าวว่า
“อย่ากังวลไปเลย สหายเต๋า” ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ข้าจะกลายเป็นปรมาจารย์ที่สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และศาลสวรรค์ต้องการให้จงได้ และจะใช้ชีวิตโดยไม่ให้เต๋าของข้าต้องสูญเปล่าไปอย่างไร้ค่าแน่นอน!”
“ดี” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “จากนี้ไป จงจัดการเรื่องผีเสื้อสยบวิญญาณตามที่ข้าเพิ่งพูดไป”
ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงพยักหน้ารับเบา ๆ พลางยิ้มให้หลี่ฉางโซ่ว นางถอนหายใจด้วยอารมณ์ จากนั้นก็หันหลังกลับแล้วกลายเป็นลำแสงสีเลือด ทิ้งเสียงวิ้งๆ เบาๆ เอาไว้ก่อนจะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินผู้นี้… ปรารถนาจะเป็นราชินีผู้โดดเด่นหรือ?
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจ จากนั้นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ปลอมตัวเป็นนักพรตเต๋าเซียนชราก็ปล่อยไฟเผาเก้าอี้ที่เหวินจิงนั่ง และกองกระดาษที่อยู่ข้างหน้าเขาทั้งหมดจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
………………………………………………………………..