ตอนที่ 309 ทัณฑ์สวรรค์แกร่งกล้า (1)
แม้เขาจะหลอกผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงได้ แต่ยามนี้เขาก็ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงจริงๆ บัดนี้ สำนักบำเพ็ญประจิมกำลังคิดจะสังหารเทพแห่งท้องทะเลทักษิณแล้วในขณะที่ภูมิหลังในฐานะคนสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินที่แสนเรียบง่ายและธรรมดาของเทพแห่งท้องทะเลแห่งทะเลทักษิณนั้นไม่มั่นคงอยู่แล้ว…
โชคยังดีที่เขาได้ปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเขาเอาไว้
เมื่อมองดูท่าทีในเวลานี้ มันก็ไม่ไร้ประโยชน์จริงๆ ที่เขาได้ทุ่มเทเวลาและความพยายามอย่างยิ่งในการแยกตัวตนทั้งสามของปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เทพแห่งท้องทะเลทักษิณ และศิษย์ของสำนักตู้เซียนออกจากกัน
แม้ยามนี้จะไม่มีอันตรายซ่อนอยู่ แต่เขาก็ต้องพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันอื่น ๆ อย่างเช่น ‘อ๋าวอี่ถูกค้นวิญญาณ’ ‘อ๋าวอี่ถูกควบคุมจิตใจ’ ‘อ๋าวอี่ถูกโยนลงไปในกระทะน้ำมัน’ เป็นต้น
ทว่าก็ยังดีกว่าที่หลี่ฉางโซ่วจะเปิดเผยตัวตนของเขาเองต่อหน้าเหล่าปรมาจารย์สำนักบำเพ็ญประจิม …
ข้าจะป้องกันตัวเองให้ดีขึ้นได้อย่างไรเมื่ออยู่ในวังวนของสำนักบำเพ็ญเต๋าขนาดใหญ่นี้?
หลี่ฉางโซ่วรู้ด้วยว่า ในขณะนี้ เขาอยู่ในสถานะที่ต้องวางเฉยเล็กน้อย เพราะเมื่อวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายแล้ว เขาก็ยังฝึกบำเพ็ญมาไม่นานและสะสมพลังไม่เพียงพอ จึงยังไม่อาจเผยศักยภาพออกมาในเหตุการณ์สำคัญเช่นนี้ได้อย่างเต็มที่
จากนั้น เขาก็จมจ่อมอยู่ในภวังค์แห่งความคิด หากเขาอยากปกป้องตัวเอง แน่นอนว่า เขาจะต้องซ่อนตัวให้ลึก วิ่งให้เร็ว เข้าใจแนวโน้มให้กระจ่าง และเกาะต้นขาผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ของเขาเอาไว้ให้แน่นๆ
มันไม่ปลอดภัยที่จะซ่อนตัวโดยไร้ทิศทางและไม่พิจารณาให้รอบคอบ มีเพียงการพิสูจน์คุณค่าของตัวเขาเท่านั้นที่จะทำให้เขาเกาะต้นขาผู้ยิ่งใหญ่อย่างรู้สึกสบายใจได้แท้จริง ดังนั้นเขาจึงต้องเดินไปรอบ ๆ บนขอบวังวนนี้…
ประหนึ่งวงจรอุบาทว์
ในเมื่อวันนี้ สำนักบำเพ็ญประจิมสร้างผีเสื้อสยบวิญญาณขึ้นมาได้ ในวันพรุ่งนี้พวกเขาก็อาจสร้างหนอนสังหารขึ้นมาได้เช่นกัน…
แล้วทีนี้ ผู้ใดจะทนรับได้เล่า?
เขาคิดหาวิธีที่จะหันเหความสนใจของอีกฝ่ายไปจากตัวเขาได้หรือไม่?
ในขณะนี้ ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงต้องกลับไปรายงานยังสำนักบำเพ็ญประจิมแล้ว
เพื่อปกป้องเพื่อนร่วมงานที่จะเป็นประโยชน์กับเขาในภายหน้า หลี่ฉางโซ่วจึงไม่ยอมให้ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงทำลายผีเสื้อสยบวิญญาณ แต่ให้ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงไปชึ้แจงรายละเอียดแก่รองเจ้าสำนักบำเพ็ญประจิมถึงวิธีที่นางพบเทพแห่งท้องทะเลทักษิณและทำพลาดสิบแปดประการได้อย่างไร
แม้อีกฝ่ายจะไม่ “ถอย” เมื่อรู้ว่าต้องเผชิญกับปัญหายากลำบากจริงๆ แต่พวกเขาก็อาจเปลี่ยนใจ… กล่าวตามตรงว่า หากไม่เป็นภัยคุกคามต่อร่างหลัก หลี่ฉางโซ่วก็ยังทำลายตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ได้มากเท่าที่ต้องการ และในสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ก็ยังพัฒนาถั่ว…เซียนในภายหลังได้…
หือ?
ครืนๆ! ครืนๆ!
“พลังแห่งเต๋าสวรรค์?”
ในห้องลับ หลี่ฉางโซ่วตกใจกับเสียงฟ้าร้องที่ดังครืนๆ
เขากวาดสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่และพบว่ามีร่างมากกว่าสิบร่างกำลังลอยอยู่รอบๆ ภูเขาอู่หมิงในพื้นที่แห่งทัณฑ์สวรรค์ภายนอกสำนัก
มีศิษย์ในรุ่นเดียวกันกำลังอยู่เหนือทัณฑ์สวรรค์นั้น
ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วเปล่งประกาย จากนั้น เขาก็ละความกังวลเอาไว้ในใจชั่วคราวก่อนจะออกจากห้องลับใต้ดินไปในทันทีแล้วเรียกหลิงเอ๋อร์
อย่างมากที่สุด หากสำนักบำเพ็ญประจิมมีการเคลื่อนไหวใดๆ เขาก็จะเชิญปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ให้ปรากฏตัวออกมาโดยตรง เพื่อช่วยเขาเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เขาเพียงต้องการทำให้สำนักบำเพ็ญประจิมหวาดกลัวจนไม่กล้าแตะต้องเทพแห่งท้องทะเลทักษิณง่ายๆ
ทุกคนล้วนต่อสู้บนเวทีเดียวกันซึ่งคงจะมากเกินไปที่จะกำจัดคู่ต่อสู้โดยตรง
ไม่นานหลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ขี่เมฆ พาหลิงเอ๋อร์และสงหลิงลี่ไปที่ขอบค่ายกลเวทพิทักษ์ขุนเขา เพื่อมองดูทัณฑ์สวรรค์นั้น ผ่านปราการโปร่งแสงเบาบาง
ในเวลาเดียวกันนั้น ศิษย์ในสำนักหลายคนต่างก็รีบเร่งมาชื่นชมทัณฑ์สวรรค์ถึงที่นี่ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของพวกเขา…
เขายังคุ้นเคยกับผู้ที่กำลังข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ในวันนี้ เขาคือ หลิวซื่อเจ๋อ ศิษย์ของยอดเขาตู้หลินแห่งสำนักตู้เซียน ซึ่งเคยต่อสู้เพื่อแย่งชิงความรักกับศิษย์น้องหวางฉีบนยอดเขาหยกน้อย เขาเป็นคนที่ตกหลุมรักศิษย์พี่หญิงเยี่ยนเอ๋อร์และทำให้เกิดความรู้สึกสับสนวุ่นวายในความรักระหว่างศิษย์พี่หญิงเยี่ยนเอ๋อร์และศิษย์น้องฉีฉี
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมล็ดพันธุ์เซียนยี่สิบอันดับแรกแห่งสำนักตู้เซียนได้เตรียมพร้อมสำหรับทัณฑ์สวรรค์แล้ว ลำดับของทัณฑ์สวรรค์จะเป็นไปตามการจัดอันดับศิษย์ในสำนักเช่นกัน …
ทัณฑ์สวรรค์ไม่สนใจใบหน้าภาคภูมิใจหรือการเตรียมการของผู้ใด บัดนี้ บนยอดเขาอู่หมิง ภายนอกค่ายกลใหญ่ ทั้งลมและเมฆล้วนเปลี่ยนแปลงไป ลมกระโชกแรงพัดมา พลังวิญญาณเพิ่มขึ้นและกลายเป็นเมฆทัณฑ์สวรรค์
ในสายตาของหลี่ฉางโซ่ว พลังแห่งเมฆทัณฑ์สวรรค์นั้น… หาได้แข็งแกร่งเกินไปไม่ มันเบาบางเล็กน้อย ซึ่งยังพิสูจน์ให้เห็นว่า หลิวซื่อเจ๋อฝึกฝนมาอย่างหนักจริงๆ เพราะพรสวรรค์แต่เดิมของเขานั้น นับว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยเท่านั้น
ชั่วเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วก็สังเกตดูสีหน้าท่าทีของศิษย์น้องหญิงของเขา
ในขณะนั้น ใบหน้าของหลิงเอ๋อร์ซีดขาวเมื่อเผชิญกับพลังแห่งสวรรค์และปฐพี นางก็อดจะเม้มปากไม่ได้…
“ศิษย์น้องหญิง ทัณฑ์สวรรค์นี้เป็นอย่างไรบ้าง?” หลี่ฉางโซ่วกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงจากที่เขาอยู่ห่างออกไปห้าฉื่อ “ในภายหน้า เจ้าจะต้องเผชิญกับมันอย่างแน่นอน หากเต๋าของเจ้าไม่แข็งแกร่งพอ เจ้าก็จะกลายเป็นเถ้าถ่าน”
หลิงเอ๋อร์กัดริมฝีปากและมองหลี่ฉางโซ่วอย่างน่าสงสารก่อนจะหันไปมองผู้ที่กำลังข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์อย่างกังวล
เชอะ…
หากข้าไม่คอยกดดันสาวน้อยผู้นี้บ้างแล้ว นางจะเป็นคนที่ดีมีประโยชน์ในขณะที่เอาแต่ไปวุ่นและเที่ยวเล่นสนุกกับอาจารย์อาจิ่วจิ่วกันอยู่ทุกวันได้อย่างไร !?!
“ศิษย์พี่…”
“หือ?”
“นี่…ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
หลิงเอ๋อร์ถอนหายใจเบาๆ ในใจ หากมีคนไม่มากนัก นางก็อาจจะถามว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ท่านจะช่วยสนองความปรารถนาเล็กๆ น้อยๆ ก่อนที่ศิษย์น้องหญิงผู้นี้จะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้หรือไม่?” จากนั้น นางจะต้องถูกลงโทษให้คัดลอกพระคัมภีร์หรืออะไรทำนองนั้นอย่างแน่นอน
ทัณฑ์สวรรค์จะไม่รอเวลาให้นานช้าเกินไปนัก เมื่อหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์เตรียมพร้อมแล้ว และผู้ที่กำลังต้องข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ก็ยืนอยู่บนท้องฟ้าแล้ว ทันใดนั้น จุดกำเนิดสายฟ้าก็รวมตัวกันภายใต้หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์แล้วส่งสายฟ้าฟาดลงมา!
“โอ สวรรค์ นี่มันเป็นการโจมตีจริงๆ” สงหลิงหลี่เอ่ยเสียงเบา
หลี่ฉางโซ่วกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงไปยังทั้งสองคนอย่างสงบว่า “แน่นอนว่า เป็นเช่นนั้นจริง ไม่อย่างนั้น ทัณฑ์สวรรค์จะสำคัญอันใดกัน?”
ในเวลานั้น ค่ายกลเวทพิทักษ์ขุนเขาก็ถูกปิดลงชั่วคราวในขณะที่พลังยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ได้กวาดพัดไปทั่ว! เห็นได้ชัดว่า เหล่าผู้อาวุโสในสำนักต้องการให้บรรดาศิษย์ของพวกเขาได้สัมผัสกับทัณฑ์สวรรค์โดยตรงมากขึ้น…
จุดกำเนิดสายฟ้าปรากฏขึ้นอีกครั้งภายใต้หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ แล้วสายฟ้าอีกสายหนึ่งก็ฟาดลงมาใส่หลิวซื่อเจ๋อที่ยืนนิ่งอยู่ในอากาศ
สงหลิงหลี่พลันถามว่า “จะมีสายฟ้าฟาดในช่วงข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์มากเท่าใดหรือเจ้าคะ พี่ชาย?”
“สายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ของศิษย์น้องหลิวน่าจะมีเจ็ดสาย” หลี่ฉางโซ่วกล่าว
เขามองดูปรากฏการณ์หายากที่ปรากฏขึ้นเหนือหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ และไม่อาจเรียกชื่อสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์นี้ได้ น่าเสียดายที่ไม่มีเซียนบรรพชนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย เขาจึงให้คำอธิบายได้ไม่สมบูรณ์นัก
สายฟ้าฟาดลงมาทีละสาย และเมื่อสายฟ้าสายที่ห้าฟาดลงมา ร่างของหลิวซื่อเจ๋อก็เปล่งแสงวิญญาณเซียนออกมา
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าช้าๆ เมื่อมาถึงระดับนี้ หลิวซื่อเจ๋อน่าจะผ่านการทดสอบได้อย่างแน่นอน
จากนั้น สายฟ้าสายที่หกก็ฟาดลงมา ทันใดนั้น ร่างของหลิวซื่อเจ๋อก็ถูกกระแทกไปบนยอดเขาและพุ่งชนหินก้อนหนึ่งจนหินก้อนนั้นแตกเป็นเสี่ยง ๆ พลังเวทของเขาและพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์ปะทะกันจนก่อให้เกิดคลื่นกระแทกรุนแรง!
ชั่วเวลานั้น หลิงเอ๋อร์อดจะรู้สึกตื่นกลัวไม่ได้
นางสงสัยว่า เมื่อเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ นางจะอยู่ในสถานการณ์เช่นไร และจะต้านทานทัณฑ์สวรรค์ที่ทรงพลังเช่นนี้ได้หรือไม่
ในไม่ช้า หลิวซื่อเจ๋อก็กระโดดขึ้นมาอีกครั้งในสภาพน่าอนาถ เขารวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ครั้งสุดท้าย!
ทันใดนั้น จุดกำเนิดสายฟ้าก็สาดแสงกะพริบวูบวาบไปทั่วหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ และพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์ครั้งสุดท้ายก็ได้มารวมตัวเป็นแท่งเสาสายฟ้าที่ครอบคลุมร่างของหลิวซื่อเจ๋อทันที มันส่องสว่างจนทำให้ยามค่ำคืนดูประหนึ่งเป็นยามกลางวัน!
“อ๊าก!”
ในเสาสายฟ้า หลิวซื่อเจ๋อร้องคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าในขณะที่เส้นผมยาวของเขาปลิวสะบัดอย่างรุนแรง!
หลิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วอีกครั้ง…
………………………………………………………………..